ปัญญาสนิบาตชาดก ๘. มัลลิกาวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในมัลกาวิมาน
 
พระนารทเถระไต่ถามนางมัลลิกาเทพธิดาว่า 
     	"[๓๖]ดูกรนางเทพธิดา ผู้มีผ้านุ่งห่มและธงล้วนแต่สีเหลือง ประดับประดาด้วยเครื่องก็ล้วนเหลือง เธอถึงจะไม่ประดับด้วย
เครื่องประดับอันงดงามเหลืองอร่ามเช่นนี้ ก็ยังงามโดยธรรมชาติ 
	ดูกรนางเทพธิดา ผู้มีเครื่องประดับล้วนแต่ทองคำธรรมชาติ แก้วไพฑูรย์ จินดา มีกายาปกคลุม ไว้ด้วยร่างแหทองคำเหลือง
อร่าม เป็นระเบียบงดงามด้วยสายแก้วสี ต่างๆ สายแก้วเหล่านั้น ล้วนแต่สำเร็จด้วยทองคำธรรมชาติ แก้วทับทิมแก้วมุกดา แก้วไพฑูรย์ 
บางสายก็ล้วนแล้วด้วยแก้วลาย คล้ายตาแมวบ้างก็สำเร็จด้วยแก้วแดงคล้ายสีเลือด บ้างก็สำเร็จด้วยแก้วอันสดใส สีตานกพิลาป 
	เครื่องประดับทั้งหมดที่ตัวของท่านนี้ทุกๆ สาย ยามต้องลมพัด มีเสียงไพเราะเหมือนเสียงนกยูงพญาหงส์ทองหรือเสียง
นกการะเวก หรือมิฉะนั้นก็เสียงเบญจางคดุริยดนตรี ที่พวกคนธรรพ์พา
กัน บรรเลงเป็นคู่ๆ อย่างไพเราะน่าฟังก็ปานกัน อนึ่ง รถของท่านงดงามมาก หลากไปด้วยเนาวรัตนนานาพรรณ 
	อันบุญกรรมจัดสรรมาให้จากธาตุนานาชนิด ดูมูลมองพิจิตรจรัสจำรูญยามท่านยืนอยู่เหนือ สุพรรณรถขับไปถึง
ประเทศใด ที่ตรงนั้นก็สว่างไสวไปทั่วถึงกัน 
	ดูกรนาง เทพธิดา อาตมาถามท่านแล้ว ท่านจงตอบอาตมาว่า นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร?"
	 นางมัลลิกาเทพธิดาตอบว่า
 	"พระคุณเจ้าขา ดิฉันมีร่างกายซึ่งปกปิดไว้ด้วยร่างแหทองคำ วิจิตรไปด้วย แก้วแดงอ่อนๆ และแก้วมุกดา นับว่าดิฉัน
คลุมร่างไว้ด้วยตาข่ายทองคำเช่นนี้ ก็เพราะดิฉันมีจิตผ่องใส ได้บูชาพระโคดมบรมครู ผู้ทรงพระคุณหาประมาณมิได้ ซึ่งเสด็จเข้าสู่
นิพพานไปแล้ว ครั้นดิฉัน ทำกุศลธรรมที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายสรรเสริญแล้ว จึงสร่างโศก หมดโรคภัย ได้รับแต่ความสุขกาย สุขใจ 
รื่นเริงบันเทิงใจเป็นนิตย์."
                 จบ มัลลิกาวิมานที่ ๘.