ปัญญาสนิบาตชาดก ๑๐. ปาริฉัตตกวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในปาริฉัตตกวิมาน
 
พระมหาโมคคัลลานเถระถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
	"[๓๘]ดูนางเทพธิดา ท่านมาเก็บเอาดอกปาริกฉัตตกะ มีสีงามหอมหวนยวนใจ อันเป็นดอกไม้ทิพย์ มาร้อยกรองเป็นพวงมาลัย
ประดับกายขับร้องเล่น สำเริงอยู่ เมื่อท่านกำลังฟ้อนรำอยู่ เสียงอันเป็นทิพย์น่าฟังวังเวงใจ เปล่งจากอวัยวะใหญ่น้อยพร้อมๆ กัน ทั้งกลิ่น
ทิพย์อันหอมหวนยวนใจ ก็ฟุ้งขจรไปจากอวัยวะใหญ่น้อยทุกๆ ส่วน เมื่อท่านไหวกายผายผันกลับ ไปมา เสียงเครื่องประดับอันท่านประดับ
ไว้ที่ช้องผมทุกๆ แห่ง เมื่อคราว ลมพัดพานมาต้องเข้า ก็เปล่งเสียงไพเราะ คล้ายกับเสียงดนตรีเครื่อง ๕ 
	อนึ่ง เสียงแห่งมาลัย เครื่องประดับเศียร คือ มงกุฏ ที่ถูกลมพัดต้อง เข้าแล้วก็กังวานไพเราะ คล้ายกับเสียงดนตรีเครื่อง ๕ 
แม้กลิ่นแห้ง ดอกไม้ที่ท่านสอดแซมไว้บนเศียรเกล้า ก็มีกลิ่นหอมหวนชวนให้ชื่นใจหอมฟุ้งไปทั่วสารทิศ ดังต้นอุโลกที่มีอยู่บนเขา
คันธมาทน์ ฉะนั้น ท่านย่อมสูดดมกลิ่นอันหอมหวนนั้น ทั้งได้ชมรูปทิพย์ซึ่งมิใช่ของมนุษย์"
	" ดูกรนางเทพธิดา อาตมาถามท่านแล้ว ขอท่านจงบอก นี้เป็นผลแห่ง กรรมอะไร?"
	 นางเทพธิดานั้นตอบว่า
	"พระคุณเจ้าขา แต่ก่อน เมื่อดิฉันยังอยู่ในเมืองมนุษย์ ได้น้อมนำ เอาดอกอโศกซึ่งมีเกษรงามเลื่อมประภัสสร มีกลิ่นหอมฟุ้ง 
ไปบูชา พระพุทธเจ้า ครั้นดิฉันทำกุศลกรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญแล้ว จึงสร่างโศกหมดโรคภัย ได้รับแต่ความสุขกายสุขใจ รื่นเริง
บันเทิงอยู่ เป็นนิตย์."
                จบ ปาริฉัตตกวิมานที่ ๑๐