พระวังคีสเถระถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
"[๔๑]ท่านประดับประดาแล้ว ขึ้นนั่งบนคชสารอันประเสริฐ ประดับไปด้วย แก้วและทอง มีกระพองปกคลุมด้วยข่ายทองอันวิจิตร
ผูกสายรัด ประคนทองเรียบร้อย เลื่อนลอยไปในอากาศเวหา ที่งาทั้งสองของคชสาร มีสระโบกขรณี ๔ เหลี่ยม เต็มเปี่ยมด้วยน้ำใสสะอาด
อันบุญกรรมเนรมิตให้แล้ว ดารดาษไปด้วยดอกปทุมบานสะพรั่ง ดอกปทุมทุกๆ ดอก มีหมู่นางเทพอัปสรพากันมาขับระบำรำฟ้อน
ชวนให้เกิดความรื่นเริงบันเทิงใจ
ดูกรนางเทพธิดาผู้มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ ท่านถึงความ เป็นเทพธิดาผู้มีฤทธิ์อย่างนี้ ครั้งเมื่อท่านเกิดเป็นมนุษย์
ได้ทำบุญอะไร ไว้ ท่านมีอานุภาพรุ่งเรือง และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้ เพราะบุญกรรมอะไร?"
นางเทพธิดานั้นตอบว่า
"ดิฉันได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่เมืองพาราณสี ได้ถวายผ้าคู่หนึ่งแด่พระพุทธองค์ถวายบังคมพระยุคลบาท แล้วนั่งอยู่ที่พื้นดิน
ได้กระทำ อัญชลีด้วยจิตอันเลื่อมใส พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น มีพระฉวีวรรณดุจ ทองคำธรรมชาติ ได้ทรงแสดงทุกขสัจและสมุทัยสัจ
ว่าเป็นของไม่ เที่ยง เป็นทุกข์ และทรงแสดงทุกขนิโรธสัจและมัคคสัจว่า อันปัจจัยอะไรๆ ปรุงแต่งไม่ได้ ให้ดิฉันฟัง เพราะฉะนั้น
ดิฉันจึงได้รู้แจ้งชัดในอริยสัจ ๔ ดิฉันเป็นคนมีอายุน้อย ทำกาละจุติจากชาตินั้นแล้ว ไปบังเกิดในชั้นไตรทศ เป็นผู้เรืองยศ เป็นป
ชาบดีคนหนึ่งของท้าวสักกะ นามว่ายสุตตรา ปรากฏไปทั่วทุกทิศ."
จบ นาควิมานที่ ๓.
|