พระโมคคัลลานเถระถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
"[๔๓]ดูกรแม่เทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไปทั่วทุก ทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์
เพราะบุญกรรมอะไร ท่านจึงมี วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรม อะไร?"
นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบ ปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่
ถูกถามนั้นว่า
"เมื่อชาติก่อน ฉันเกิดเป็นมนุษย์ มีจิตเลื่อมใส ได้ถวายน้ำข้าวอันปรุง ด้วยพริกและใส่น้ำมันอันเจียวแล้ว และปรุงด้วยดีปลี
กระเทียม ขิงข่า กระชาย แด่พระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ ซึ่งประทับ อยู่ ณ พระนครอันธกวินทะ ดิฉันจึงได้เสวย
ทิพยสมบัติเช่นนี้ นางแก้วผู้งดงามทั่วสรรพางค์ สามีไม่จืดจางในการมองชม ได้รับอภิเษกเป็น เอกอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิราช
ก็ยังไม่เทียบเท่าเสี้ยวที่ ๑๖แห่งการถวายน้ำข้าวนั้น ทองคำแท่งตั้งร้อยแท่ง ม้าอัศดรร้อยม้า รถ อันเทียมด้วยม้าอัศดรร้อยคัน
นางราชกัญญาอันประดับประดาด้วยแก้ว มุกดาแก้วมณี และกุณฑลประมาณตั้งแสน ก็ยังไม่เทียบเท่าเสี้ยวที่ ๑๖แห่ง
การถวายน้ำข้าวนั้น คชสารตัวประเสริฐอันเกิดแต่ป่าหิมพานต์เป็นตระกูลคชสารมาตังคะ มีงาอันงอนงามดุจงอนรถ มีสายรัดแล้ว
ด้วย ทองคำ ร้อยเชือก ก็ยังไม่เทียบเท่าเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งการถวายน้ำข้าวนั้นถึงแม้พระเจ้าจักรพรรดิผู้ได้เสวยราชสมบัติเป็นใหญ่
ในทวีปทั้ง ๔ ก็ยัง ไม่เทียบเท่าเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งการถวายน้ำข้าวนั้น."
จบ กัญชิกทายิกาวิมานที่ ๕.
|