พระมหาโมคคัลลานเถระ ได้ถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
"[๔๕]ดูกรนางเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสว ไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?"
นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบ ปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่
ถูกถามว่า
" เมื่อชาติก่อน ดิฉันได้ถวายดอกผักตบกำมือหนึ่ง แก่ภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต ในปัญณกตนครอันประเสริฐ น่ารื่นรมย์
อันประดับแล้วด้วยเสาระเนียดเพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสว ไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญ
กรรมนั้น.ดูกรนางเทพธิดา ท่านมวรรณะงามยิ่งนัก ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไป ทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?"
นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้วมีความปลาบปลื้ม ใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่
ถูกถามว่า
"เมื่อชาติก่อน ดิฉันได้ถวายดอกนิลอุบลกำมือหนึ่ง แก่ภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต ในปัณณกตนครอันประเสริฐ น่ารื่นรมย์
อันประดับแล้ว ด้วยเสาระเนียด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมีวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และเป็นผู้มีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
เพราะบุญกรรมนั้น.
ดูกรนางเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนัก ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไป ทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?"
นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบ ปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่
ถูกถามว่า
"เมื่อชาติก่อน ดิฉันได้ถวายดอกบัวหลวงกำมือหนึ่ง ซึ่งมีโคนขาว กลีบขาว เกิดแล้วที่สระน้ำ แก่ภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต
ในปัณณกตนครอันประเสริฐ น่ารื่นรมย์ ประดับด้วยเสาระเนียด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมวรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมี
สว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมนั้น.
ดูกรนางเทพธิดา ท่านมีวรรณงามยิ่งนัก ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญกรรมอะไร?"
นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบ ปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญหาแห่งผลกรรมที่
ถูกถามนั้นว่า"
"เมื่อชาติก่อน ดิฉันได้ถวายพวงมาลัยอันร้อยด้วยดอกมะลิตูม มีสีขาว ดังงาช้าง แก่ภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต ในปัณณกต
นครอันประเสริฐ น่า รื่นรมย์ ประดับแล้วด้วยเสาระเนียด เพราะบุญกรรมนั้น ดิฉันจึงมี วรรณะงามเช่นนี้ ฯลฯ และมีรัศมีสว่างไสว
ไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญ กรรมนั้น."
จบ จตุริตถีวิมานที่ ๔.
|