ปัญญาสนิบาตชาดก ๑๐. อุจฉุวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในอุจฉุวิมาน
  
พระมหาโมคคัลลานเถระถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
 	" [๔๘]ท่านมีศิริ วรรณะ ยศ และเดช มีรัศมีส่องสว่างไปทั่วพื้นปฐพี ตลอดถึงเทวโลกงามไพโรจน์ ดังพระจันทร์และ
พระอาทิตย์และเหมือนท้าว มหาพรหม รวมทั้งสมเด็จอัมรินทราธิราช ผู้เป็นใหญ่กว่าทวยเทพชั้น ดาวดึงส์ 
	อาตมาขอถามท่าน ดูกรนางเทพธิดาผู้งามทั่วสรรพรางค์ ทัด ทรงพวงมาลัยอุบล มีช้องผมอันล้วนแล้วด้วยทอง มีผิว
พรรณงดงาม เปล่งปลั่งทอง ตกแต่งประดับประดาด้วยภูษาอันเป็นทิพย์ ท่านเป็นใคร ไหว้เราอยู่ 
	ดูกรท่านผู้เรืองยศ ท่านได้บริจาคทาน หรือสำรวมในศีลอย่างไร จึงได้เข้าถึงสุคติ ดูกรนางเทพธิดา อาตมาถามท่านแล้ว
ขอท่านโปรดบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร?"
	นางเทพธิดานั้นตอบว่า
	"ข้าแต่ท่านผู้เจริญ (เมื่อดิฉันอยู่ในมนุษยโลก) พระคุณเจ้าเข้าไปบิณฑบาตตามบ้านจนถึงเรือนของดิฉัน ขณะนั้น
ดิฉันมีจิตเลื่อมใส เต็มตื้น ด้วยปีติหาประมาณมิได้ ได้ถวายท่อนอ้อยแด่พระคุณเจ้า แต่ภายหลัง แม่ผัวมาซักถามดิฉันว่า นางใจร้าย 
เจ้าเอาอ้อยไปไว้ที่ไหน ดิฉันตอบว่า ฉันไม่ได้เอาไปทิ้งและไม่ได้รับประทาน ได้ถวายแก่ภิกษุผู้มีความ สงบด้วยตนเอง แม่ผัว
ได้บริภาษดิฉันว่า อ้อยนี้เป็นของข้าและข้าก็เป็นเจ้าของ ฉะนี้แล้ว คว้าได้ก้อนดินขว้างดิฉัน (จนตาย)
	 เมื่อดิฉันตายจากมนุษยโลกนั้นแล้ว มาบังเกิดเป็นเทพธิดา เพราะเหตุที่ดิฉันทำกุศลกรรมนั้นไว้ ดิฉันจึงได้มาเสวย
ความสุขด้วยตนเอง ได้ร่วมบำรุงบำเรอ อยู่กับเทวดาทั้งหลาย และร่าเริงบันเทิงใจอยู่ด้วยเบญจกามคุณอันเป็น ทิพย์ เพราะเหตุ
ที่ดิฉันได้กระทำกุศลกรรมนั้น ดิฉันจึงมาเสวยสุขด้วย ตนเอง อันท้าวเทวราชจอมเทพทรงคุ้มครอง อันเทวดาชาวไตรทศรักษาเพียบ
พร้อมด้วยเบญจกามคุณอันเป็นทิพย์ โอ ผลแห่งบุญนี้มิใช่นิดหน่อย การถวายอ้อยของดิฉันมีวิบากมากมาย ดิฉันได้ร่วมบำรุงบำเรอ 
อยู่กับเทวดาทั้งหลาย ร่าเริงบันเทิงใจอยู่ด้วยเบญจกามคุณอันเป็นทิพย์ ผลบุญเช่นนี้มิใช่น้อย การถวายอ้อยของดิฉัน มีผลอันรุ่งโรจน์
มาก ดิฉันอยู่ในความคุ้มครองรักษาของท้าวเทวราช และชาวไตรทศทั้งหลาย ดังหนึ่งท้าวสหัสนัยน์ในสวนนันทวัน 		
	ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ดิฉันระลึกถึงพระคุณเจ้าผู้มีพระคุณอนุเคราะห์ดิฉัน จึงเข้ามาสู่ที่ใกล้ถวายนมัสการ ถามถึงสุขทุกข์ 
ดิฉันมีจิตเลื่อมใสเต็มตื้นด้วยปีติเป็นล้นพ้น ได้ถวาย ท่อนอ้อยแด่พระคุณเจ้าครั้งเป็นมนุษย์." 
                จบ อุจฉุวิมานที่ ๑๐