[๗] พระโมคคัลลานะถามว่า
"ดูกรนางเทพนารี ท่านขึ้นนั่งวิมานเรือ อันบุญกรรมบุด้วยทองคำ เล่น ในสระโบกขรณีเก็บดอกปทุมอยู่ ท่านมีปราสาทเป็นเทวาลัย
อันบุญกรรม จัดแจงเนรมิตให้แล้ว เป็นส่วนๆ โดยรอบทั้งสี่ทิศ รุ่งเรืองเป็นสง่าอยู่เพราะบุญอะไร ท่านมีวรรณะเช่นนี้เพราะบุญอะไร อิฐผล
สำเร็จแก่ท่านในวิมานนี้ เพราะบุญอะไร อนึ่ง โภคะอันเป็นที่รักแห่งใจทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเกิดขึ้นแก่ท่านเพราะบุญอะไร
"ดูกรนางเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเมื่อท่านเกิดเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไรไว้ ท่านมี อานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้
และรัศมีกายของท่านสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญอะไร?"
นางเทพธิดานั้น อันพระมหาโมคคัลลานะถามแล้ว มีใจยินดีได้พยากรณ์ ปัญหาแห่งผลกรรมที่ถูกถามว่า
"ในชาติก่อน ครั้งเมื่อดิฉันยังเป็นมนุษย์อยู่ในหมู่มนุษย์ในมนุษยโลก ได้เห็นภิกษุผู้กระหายน้ำ เหน็ดเหนื่อยมา จึงถวายน้ำฉันโดยขมีขมัน
ท่านผู้ใดแลได้ถวายน้ำฉันโดยขมีขมันแก่ภิกษุที่เหน็ดเหนื่อย กระหายน้ำ มา แม่น้ำหลายสายมีน้ำเยือกเย็น ดาระดาษไปด้วยบัวขาว (ชายฝั่ง)มีหมู่
ไม้จันทน์และมะม่วงขนาดเล็กมีรสหวานอยู่ล้นหลาม ย่อมเกิดแก่ ผู้นั้น ที่อยู่และหมู่ไม้ของผู้นั้นมีแม่น้ำหลายสายล้อมรอบประจำ แม่น้ำ ทั้งหลาย
มีทรายมูล น้ำเย็นสนิท ย่อมเกิดแก่ผู้นั้น หมู่ไม้มะม่วงหมู่ต้นรัง หมู่ต้นหมากหอม หมู่ต้นชมพู่หมู่ไม้ราชพฤกษ์ และต้นแค ฝอยทั้งหลายมีผลดกดื่น
ออกดอกชูสล้างเกิดขึ้นล้อมรอบวิมานของผู้นั้น เขาได้วิมานชั้นดีเยี่ยมงามหนักหนาเช่นนั้น ว่โดยพื้นที่แล้วมีลักษณะ ควสรรเสริญ นี้เป็นวิบาก
แห่งกรรมนั้นทั้งนั้น คนทั้งหลายที่ทำบุญไว้แล้วต้องได้ผลเช่นนี้"
"ดิฉันมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญนั้น อิฐผลย่อม สำเร็จแก่ดิฉันในวิมานนี้ เพราะบุญนั้น อนึ่ง โภคะอันน่ารักแห่งใจทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น
แก่ดิฉันเพราะบุญนั้น
"ข้าแต่ภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดิฉัน ขอบอกแก่ท่าน ครั้งเมื่อดิฉันยังเป็นมนุษย์อยู่ ได้ทำบุญอันใดไว้ ดิฉันมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้
และรัศมีกายของดิฉันสว่างไสวไปทั่วทุกทิศเพราะบุญนั้น."
จบ นาวาวิมานที่ ๗ |