ประติมากรรมหน้าพระ

1. การปั้นภาพนูนสูงหน้าพระ
ศิลปะไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะที่ความละเอียด อ่อนช้อย และงดงาม ศิลปะส่วนใหญ่เกิดจากความเลื่อมใสและศรัทธาีที่คนไทยมีต่อพระพุทธศาสนา ศิลปะแห่งความเมตตา ปรากฏอยู่บนพระพักตร์อันสงบ เยือกเย็น ของพระพุทธปฏิมากร ที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกสบายใจ และปล่อยวางจากความวุ่นวายเมื่อได้นั่งเงียบๆ หรือได้ปฎิบัติสมาธิตามหลักของพระพุทธศาสนา
คนไทยเมื่ออายุมากขึ้นจะเข้าวัดถือศีล ศึกษาธรรม ทำให้จิตใจให้สงบ แต่สำหรับศิลปินแล้ว ส่วนหนึ่งจะใช้ช่วงเวลานี้ สร้างผลงานเพื่อสื่อความคิดและจินตนาการ เก็บไว้ชื่นชม อย่างเช่นคุณวสันต์ หรือลุงจิ๋ม ช่างออกแบบทำบล็อกแม่พิมพ์งานพลาสติกมากว่า 40 ปี หลังเกษียรจากงานประจำที่ทำมาตลอดชีวิต ลุงจิ๋มหันมาศึกษาพระพุทธปฏิมากรต่างๆ และสร้างผลงานด้วยใจรักอยู่กับบ้าน
ต่อมามีความคิดที่จะสร้างผลงานด้านศิลปะ เพื่อเผยแพร่ให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษา และเป็นแบบอย่างให้หันมาช่วยกันสร้างผลงาน เชิงอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้วัสดุที่มีอยู่รอบตัว เช่นกระดาษ ฟางข้าวและใบไม้ แทนการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายอย่างเช่น เรซิ่น และไฟเบอร์กลาส อย่างแต่ก่อน
กับผลงานต้นแบบที่ ปั้นด้วยดินน้ำมัน
เพื่อสื่อถึงแนวทางดังกล่าว จึงได้ทำการศึกษาค้นคว้าร่วมกับเพื่อน สร้างผลงานที่ทำจากเยื่อกระดาษหนังสือพิมพ์ ตามแบบภูมิปัญญาดังเดิมที่มาแต่โบราณของชาวจีนจากโพ้นทะเล ที่สร้างพระพุทธรูปด้วยกระดาษและปิดทองได้สวยงามแทนการหล่อด้วยโลหะ ซึ่งยังคงประดิษฐานอยู่ตามวัดและศาลเจ้าต่างๆ มาจนถึงปัจจุบัน
การปั้นขึ้นรูปที่มีขนาดใหญ่ ส่วนมากจะใช้ดินเหนียวเพราะมีราคาถูกกว่าดินน้ำมัน แต่การปั้นด้วยดินน้ำมันจะง่ายกว่า เพราะไม่ต้องรีบร้อนปั้นอย่างดินเหนียวที่แห้งเร็ว ต้องคอยพรมน้ำและคลุมผ้า
วิธีประหยัดไม่ต้องเสียเงินซื้อดินน้ำมันจำนวนมาก จะใช้เศษโฟมหนุนด้านล่างแล้วพอกดินน้ำมันทับ แต่ข้อเสียของดินน้ำมันก็คือเนื้อดินจะอ่อน แต่งรายละเอียดและความคมชัดได้ยาก อย่างเช่นปุ่มเกศาจะปั้นด้วยดินน้ำมันก่อน และทำพิมพ์ยางหล่อเป็นปูนปลาสเตอร์ แล้วจึงนำไปติดบนดินน้ำมันอีกครั้ง
2. การทำพิมพ์ยางพารา
เมื่อได้รูปปั้นต้นแบบแล้ว จะนำมาทำพิมพ์ยางพารา หรือ Rubber mold ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้กับงานหล่อแบบขนาดเล็กที่ต้องการรายละเอียด และไม่มีตะเข็บเหมือนการหล่อแบบจากพิมพ์ชิ้น จึงไม่ต้องตบแต่งรอยต่อหลังการหล่อแบบอีก
แต่แม่พิมพ์ยางพาราจะ มีข้อเสียที่มีการหดตัว และเสียรูปง่าย ไม่เหมาะกับงานชิ้นใหญ่ๆ เพราะเมื่อหล่อแบบออกมาแล้วจะได้รูปทรงที่ไม่แน่นอน และใช้งานได้ไม่ดีเท่าแม่พิมพ์จากยางซีลีโคน วิธีแก้ปัญหาก็คือต้องใช้ผ้าเสริมความแข็งแรงและทำแม่พิมพ์ให้มีความหนามากขึ้น และทำครอบแม่พิมพ์ด้วยปูนปลาสเตอร์ ป้องกันการเสียรูปทรง

1. ต้นแบบดินน้ำมันที่เก็บรายละเอียดแล้ว ก่อนนำมาถอดแบบทำแม่พิมพ์ยางพารา

2. ใช้ดินน้ำมันทำขอบกั้นแบบโดยรอบ แล้วใช้สำลีพันปลายไม้ ชุบยางพาราทาลงบนแบบ

3. ทาบางๆ ให้ทั่วในรอบแรก โดยเฉพาะในร่องลึก ถ้าเป็นฟองอากาศให้ใช้ไม้จิ่มให้แตก จึงทาทับ

4. ใช้ผ้าพันแผลเสริมเพิ่มความแข็งแรง และทาทับต่อให้หนาประมาณ 5 10 ชั้น
5. เสร็จแล้วตากลมทิ้งไว้ให้แห้ง สังเกตสีของยางพาราจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง
ทำพิมพ์ครอบประคองแม่พิมพ์
แม่พิมพ์ยางพาราที่แห้งดีแล้วจะหดตัวและคงรูป จากนั้นจึงนำมาเทพิมพ์ครอบด้วยปูนปลาสเตอร์ เพื่อประคองแม่พิมพ์กันการบิดเบี้ยวและเสียรูปเวลาหล่อแบบ
- ทาน้ำมันหล่อลื่นบนแม่พิมพ์ยางให้ทั่ว จะทำให้ถอดพิมพ์ครอบได้ง่ายขึ้น
- เพื่อให้สามารถถอดพิมพ์ครอบออกได้ง่าย จึงทำพิมพ์ครอบเป็นสองชิ้น
- แม่พิมพ์ขนาดใหญ่ต้องการความแข็งแรง จึงต้องให้มีความหนามากกว่า 1 นิ้ว
- ทิ้งให้พิมพ์ครอบแห้ง ปูนปลาสเตอร์จะแข็งต้วแนบกับพิมพ์ยางพอดี
- ถอดพิมพ์ครอบปูนปลาสเตอร์ออก ตกแต่งความเรียบร้อย
- ค่อยๆ ดึงแม่พิมพ์ยางพาราออกจากแบบ ล้างทำความสะอาด
- ตัดแต่งขอบยางให้ใหญ่กว่าแม่พิมพ์เล็กน้อย เพื่อป้องกันปูนไหลเวลาหล่อแบบ
- นำแม่พิมพ์ยางที่ทำความสะอาด และแห้งแล้วมาวางบนพิมพ์ครอบกันเสียรูป