นโยบายการดำเนินงาน
ของ กระทรวงอุตสาหกรรม
ภายใต้แผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม
และมาตรการบรรเทาปัญหาการว่างงาน
และส่งเสริมการจ้างงานภาคอุตสาหกรรม
1. บทเกริ่นนำ
* ในโอกาสที่มีการจัดสัมมนาอุตสาหกรรมจังหวัดและศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคในวันนี้ ขอมอบนโยบาย การดำเนินงานที่ต้องเร่งรัดเพื่อสนองนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยใช้กรอบของแผนปรับ โครงสร้างอุตสาหกรรม และภารกิจในการส่งเสริมการจ้างงานภาคอุตสาหกรรมเป็นสำคัญ
2. ความเป็นมาของแผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม
*
แผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม
เป็นแผนซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้เป็นแกนกลางจัดทำขึ้นโดยการมี
ส่วนร่วมอย่างกว้างขวางจากหน่วยงานและผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
มีวัตถุประสงค์เพื่อขจัดหรือ
ลดปัญหาความอ่อนแอในโครงสร้างของอุตสาหกรรมไทย
และมุ่งให้เกิดการปรับตัวไปสู่การผลิตสินค้า
อุตสาหกรรมที่มีคุณภาพและมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นมีขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกสูงขึ้น
ส่งผลใน การกระจายงานและรายได้ไปสู่ชนบท
และลดผลกระทบในทางลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
เนื่องจาก
หลาย ๆ
ท่านอาจจะยังไม่เคยได้รับฟังเกี่ยวกับแผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม
จึงขอท้าวความโดยสรุป
ดังนี้
* ปัญหาความอ่อนแอในโครงสร้างของอุตสาหกรรมไทย เมื่อมองในภาพรวมทั้งหมด พบว่ามีปํญหาสำคัญ อยู่หลายประการ ที่สำคัญที่สุดคือ
* ผลิตภาพของอุตสาหกรรมอยู่ในเกณฑ์ต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาดโลก โรงงานส่วนใหญ่ใช้ เครื่องจักและเทคโนโลยีล้าสมัยที่ได้นำเข้ามาเมื่อกว่า 10-20 ปีมาแล้ว ทำให้ประสิทธิภาพและคุณภาพ ของสินค้าที่ผลิตได้ต่ำกว่าคู่แข่ง
* ความสามารถในการเจาะตลาดและขยายช่องการการตลาดยังไม่เข้มแข็ง การส่งออกส่วนใหญ่เป็นการ ขายให้กับ importers ซึ่งให้ผลกำไรต่ำ อาจจะเพียง 2-3% ถ้าสามารถเจาะเข้าไปถึง retailers หรือ designers ของต่างประเทศจะได้ราคาดีกว่ามาก สินค้าแต่ละชนิดในแต่ละประเทศ ก็มีช่องทางจำหน่าย ที่แตกต่างกันไป ซึ่งผู้ส่งออกต้องศึกษาและต้องพยายามสร้างพันธมิตรร่วมค้าในประเทศผู้ซื้อ
* แรงงานในภาคอุตสาหกรรมของไทย ส่วนใหญ่ (ประมาณ 3 ใน 4) เป็นแรงงานไร้ฝีมือ ระดับการศึกษา โดยเฉลี่ย เพียงชั้นประถม 4 จึงกลายเป็นข้อจำกัดในการเรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรสมัยใหม่ หรือการมีส่วนร่วมในกิจกรรมปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพการผลิต
*เราขาดแคลนอุตสาหกรรมสนับสนุนที่หลากหลาย ทำให้ต้องนำเข้าเครื่องจักรวัสดุ และชิ้นส่วนเป็นมูลค่าสูง ทุกปี สินค้าอุตสาหกรรมหลาย ๆ ประเภทที่เราส่งออกได้มาก แต่มูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นในประเทศก็ไม่ได้สูง เท่าที่ควร
* การวิจัยและพัฒนาในประเทศยังไม่เข้มแข็ง ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รูปแบบสินค้าเพื่อให้มีมูลค่า เพิ่มสูงขึ้น หรือการพัฒนาและประยุกต์เทคโนโลยีที่ได้ลงทุนนำเข้ามาแล้ว ให้ใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่าสำหรับ วัตถุดิบและสภาพการผลิตในประเทศ
*อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือที่เรียกว่า SME ซึ่งต้องถือเป็นฐานรากที่สำคัญของภาค อุตสาหกรรม ยังมีความอ่อนแออยู่มาก ในเรื่องการบริหารการจัดการ ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะให้ความ สำคัญต่อการพัฒนา SME เป็นอย่างมาก
* และปัญหาสำคัญอีกข้อหนึ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้ คือการกระจุกตัวของโรงงานในกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล ซึ่งส่งผลกระทบหลาย ๆ ด้าน ทั้งปัญหามลภาวะ ปัญหาสภาพความเป็นอยู่ที่แออัดของแรงงาน มี ผลถึงจิตใจและประสิทธิภาพการทำงานการเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ เพื่อให้ได้ปรับอัตราค่าจ้าง แต่ไม่มีโอกาส ได้ยกระดับฝีมือหรือพัฒนาผลิตภาพ ธุรกิจเองก็ไม่สามารถขยายพื้นที่การผลิต มีปัญหาการขนส่งและค่าใช้ จ่ายสูง สังคมชนบทขาดความสมดุลเพราะขาดแรงงานหนุ่มสาว
* เพื่อปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรม จึงได้เสนอแผนแม่บทการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมประกอบด้วย 8 แผนงาน คือ
*
แผนงานที่ 1
ปรับปรุงผลิตภาพและปรับกระบวนการผลิตให้มีต้นทุนและการส่งมอบสินค้าที่แข่งขันได้
* แผนงานที่ 2
ยกระดับขีดความสามารถทางเทคโนโลยี
และปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีและเครื่องจักรใน
อุตสาหกรรมเป้าหมาย
* แผนงานที่ 3
ยกระดับขีดความสามารถของแรงงาน
ไปสู่แรงงานฝีมือในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
* แผนงานที่ 4
บ่มเพาะและเสริมสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมสนับสนุนขนาดกลางและขนาดย่อม
* แผนงานที่ 5
ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์
รูปแบบผลิตภัณฑ์
และช่องทางการจำหน่ายในตลาดโลก
* แผนงานที่ 6
กระจายและเคลื่อนย้ายหน่วยผลิตที่ใช้แรงงานเข้มข้นและมีมลภาวะน้อยไปสู่ภูมิภาค
และชนบทเพื่อกระจายงานและรายได้
* แผนงานที่ 7
ชักจูงการลงทุนจากต่างประเทศ
ในอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีสำหรับอนาคต
* แผนงานที่ 8
จัดระบบอุตสาหกรรมที่มีมลภาวะสูง
และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสะอาดเพื่อลดมลภาวะ
อุตสาหกรรม
*จากกรอบของแผนแม่บทฯ ได้มีการจัดประชุมระดมความคิดเพื่อประเมินสภาะและปัญหาของ อุตสาหกรรมแต่ละสาขา รวม 13 สาขา มีการลงคะแนนจัดลำดับความสำคัญของปัญหา มีการกำหนด วิสัยทัศน์ของอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่จะพัฒนาไปให้ถึงใน 5 ปีข้างหน้า มีการกำหนดกลยุทธ์ ในการพัฒนาและปรับปรุงอุตสาหกรรมแต่ละสาขา และมีการจัดทำข้อเสนอโครงการจากหน่วยงานต่าง ๆ กว่า 50 หน่วยงาน บรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม
*
อุตสาหกรรม 13
สาขา
ที่อยู่ในแผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม
ได้แก่
01-
อาหารและอาหารสัตว์
02-
สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
03-
รองเท้าและเครื่องหนัง
04-
ผลิตภัณฑ์ไม้และเครื่องเรือน
05-
ยาและเคมีภัณฑ์
06-
ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง
07-
ผลิตภัณฑ์พลาสติก
08- เซรามิกส์และแก้ว
09-
เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
10-
ยานยนต์และชิ้นส่วน
11- อัญมณีและเครื่องประดับ
12-
เหล็กและเหล็กกล้า
13- ปิโตรเคมี
แต่ละสาขาที่กล่าวถึงนี้
ยังครอบคลุมประเภทกิจการย่อย
ๆ ลงไปอีก
เช่น
สาขาสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตเส้นใยเส้นด้าย
การผลิตผ้าผืน
ผ้าทอ ผ้าถัก
การฟอก ย้อม
พิมพ์
ตกแต่งสำเร็จ
ไปจนถึงการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป
เมื่อรวมทั้ง
13 สาขาแล้ว
จะครอบคลุมจำนวนโรงงานกว่าร้อยละ
90
ของจำนวนโรงงานทั้งหมด
*แผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมนี้
ได้มีการนำเสนอและได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีมาเป็น
ลำดับชั้น
คือ
แนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม
ได้รับความเห็นชอบเมื่อ
30 กันยายน 2540
แผนแม่บทการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม
ได้รับความเห็นชอบเมื่อ
20 มกราคม 2541
กลยุทธ์หลัก
วิสัยทัศน์และกลยุทธ์อุตสาหกรรม
13 สาขา
ได้รับความเห็นชอบเมื่อ
31 มีนาคม 2541
แผนปฏิบัติการ
ได้รับความเห็นชอบเมื่อ
16 มิถุนายน 2541
*แผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม
เป็นแผนระยะ 5
ปี ตั้งแต่ปี
2541 ถึง 2545
ในแผนปฏิบัติการ
ประกอบด้วยโครงการต่าง
ๆ กว่า 400
โครงการ
ซึ่งจะดำเนินการโดยหน่วยงานของราชการและเอกชน
เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงแรงงาน
กระทรวงเกษตรฯ
กระทรวงการคลัง
สภาอุตสาหกรรมฯ
สมาคมอุตสาหกรรม
และสถาบันอิสระต่าง
ๆ เป็นต้น
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการเหล่านี้
มีทั้งที่ใช้งบประมาณของราชการ
งบปกติของหน่วยงาน
เอกชน
และที่จะใช้เงินกู้จากต่างประเทศ
ซึ่งได้เสนอไว้ในวงเงิน
1,192
ล้านเหรียญสหรัฐ
เงินกู้จากต่างประเทศนี้
ส่วนใหญ่ (ประมาณ
995
ล้านเหรียญสหรัฐ)
จะนำมาปล่อยกู้ต่อให้กับธุรกิจ
เอกชน
เพื่อนำไปใช้ลงทุนปรับปรุงเครื่องจักรและสายการผลิต
กระจายการผลิตไปยังภูมิภาค
หรือจ้าง
ผู้เชี่ยวชาญมาให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อปรับปรุงกิจการ
ฯลฯ
โดยมีหลักการว่าธุรกิจที่ขอกู้จะต้องผ่านกระ
บวนการประเมินสถานประกอบการ
และมีผู้เชี่ยวชาญให้การรับรองว่าเป็นโครงการที่เหมาะสมและมี
ศักยภาพที่จะสร้างรายได้เพื่อนำมาชำระคืนเงินกู้
3. การเร่งรัดดำเนินงานตามแผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม
*มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้รวมการเร่งรัดดำเนินงานตามแผนปรับโครงสร้าง อุตสาหกรรม เป็น 1 ใน 25 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2541 ของรัฐบาล โดยจะ นำเงินกู้จากต่างประเทศจำนวน 122.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณเกือบ 5,000 ล้านบาท) มาใช้สนับ สนุนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมในปี 2541 นี้ด้วย
*
เนื่องจากแผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเป็นแผนซึ่งมีเนื้อหาสาระครอบคลุมกว้างขวางมาก
แต่ละ
ประเทศกำลังอยู่ในภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ
โดยเฉพาะการเงิน
ซึ่งมีผลกระทบถึงการจ้างงาน
รัฐบาล
จึงเน้นให้เร่งรัดการดำเนินงานในส่วนที่จะมีผลได้เร็วในการ.....
*
ช่วยเหลือให้ภาคธุรกิจดำเนินกิจการต่อไปได้
*
ชะลอการปลดคนงาน
*
ให้ความมั่นใจแก่สถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อแก่ภาคธุรกิจ
*
กระจายเม็ดเงินสู่สังคมในวงกว้างเพื่อสร้างอำนาจซื้อภายในประเทศ
*
สร้างงานรองรับแรงงานที่กลับสู่ภูมิลำเนา
*ตลอดจนสร้างงานรองรับผู้ตกงานจากภาคการเงินที่มีความรู้และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการ
พัฒนาอุตสาหกรรม
*
แผนงานที่จะต้องเร่งรัดดำเนินการก่อน
มีอยู่ 4
แผนงาน คือ
* แผนงานที่ 1
ปรับปรุงผลิตภาพและปรับกระบวนการผลิต
ให้มีต้นทุนและการส่งมอบสินค้าที่แข่งขันได้
* แผนงานที่ 3
ยกระดับขีดความสามารถของแรงงาน
ไปสู่แรงงานฝีมือในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
* แผนงานที่ 4
บ่มเพาะและเสริมสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมสนับสนุนขนาดกลางและขนาดย่อม
* แผนงานที่ 6
กระจายและเคลื่อนย้ายหน่วยผลิตที่ใช้แรงงานเข้มข้นและมีมลภาวะน้อยไปสู่ภูมิภาคและ
ชนบทเพื่อกระจายงานและรายได้
ใน 4
แผนงานเร่งด่วนนี้
กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักในแผนงานที่
1,4 และ 6
ส่วนในแผน
งานที่ 3 นั้น
จะมีกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมเป็นหน่วยงานหลัก
โดยกระทรวงอุตสาหกรรม
ก็จะต้องร่วมดำเนินงานอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้การพัฒนาแรงงานสอดคล้องกับความต้องการของภาค
อุตสาหกรรมอย่างแท้จริง
4.
บทบาทของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด
ในการสนับสนุนแผนงานเร่งด่วน
*ในแผนงานที่ 1
เรื่องการปรับปรุงผลิตภาพและปรับกระบวนการผลิตให้มีต้นทุนและการส่งมอบสินค้า
ที่แข่งขันได้
โครงการที่จะต้องเร่งดำเนินการคือ
การให้ความช่วยเหลือแก่โรงงานอุตสาหกรรมเพื่อปรับ
ปรุงการผลิต
ลดต้นทุน
โดยบทบาทที่สำคัญของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด
คือการประชาสัมพันธ์ให้ผู้
ประกอบการได้ทราบถึงความช่วยเหลือนี้
และเป็นผู้กลั่นกรองคัดเลือกโรงงานที่มีศักยภาพเข้าร่วมโครง
การโดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีประวัติการประกอบการที่ดี
มีความรับผิดชอบในการบริหารการเงิน
มีความมุ่งเน้นและทัศนคติที่ดีในการพยายามปรับปรุงกิจการของตนเอง
หน่วยงานส่วนกลางที่รับผิดชอบ
แผนงานนี้และจะประสานงานกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดต่อไป
คือ
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
และ
สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งประเทศไทย
*
ในแผนงานที่ 3
เรื่องการยกระดับขีดความสามารถของแรงงาน
กลุ่มเป้าหมายที่ต้องเร่งช่วยเหลือ
คือ
แรงงานที่กำลังจะถูกเลิกจ้าง
เนื่องจากโรงงานต้องการลดปริมาณการผลิตและลดจำนวนพนักงาน
หรือ
โรงงานอาจจะต้องหยุดการผลิตหรือปิดกิจการ
แรงงานที่กำลังจะเป็นส่วนเกินนี้
รัฐจะต้องสนับสนุนให้ได้
รับการฝึกอบรมปรับทักษะ
เพื่อให้สามารถทำงานในกระบวนการผลิตแบบใหม่ที่โรงงานอาจจะกำลังปรับ
ปรุง
จะต้องช่วยเจรจาให้ผู้ประกอบการชะลอการเลิกจ้างไว้ก่อน
โดยรัฐอาจจะต้องมีเงินชดเชยค่าแรงให้
เพื่อให้แรงงานยังได้รับการจ่ายค่าจ้างในขณะเดียวกันก็ช่วยแบ่งเบาภาระการจ่ายค่าจ้างของผู้ประกอบการ
ในช่วงวิกฤตนี้
ในเรื่องนี้ได้มีการหารือกับทางกระทรวงแรงงานฯ
และจะกำหนดวิธีปฏิบัติที่ชัดเจนต่อไป
สำหรับแรงงานบางส่วนที่จะต้องถูกเลิกจ้าง
กระทรวงอุตสาหกรรมควรจะมีบทบาทในการประสานจัดหา
แหล่งจ้างงานใหม่ที่จะรองรับได้
โดยสรุปแล้ว
ในแผนงานนี้
สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด
จะต้องรับบทบาทสำคัญในการสอดส่องรวบรวม
และรายงานข้อมูลว่ามีโรงงานใดที่มีแนวโน้มจะลดจำนวนพนักงาน
เป็นพนักงานที่มีประสบการณ์ทำงาน
มาอย่างไร
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะต้องได้มาจากการติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวในวงการอุตสาหหกรรม
ของจังหวัดด้วย
ไม่ใช่เฉพาะข้อมูลที่มีผู้มาแจ้งตามพระราชบัญญัติโรงงานเท่านั้น
ในขณะนี้เดียวกัน
สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดจะต้องติดตามรวบรวมข้อมูลว่ามีโรงงานที่จัดตั้งใหม่หรือ
ขยายกิจการ
ซึ่งจะต้องการแรงงานเพิ่มจำนวนเท่าใด
เป็นแรงงานประเภทใด
เพราะเป็นแหล่งที่จะรองรับ
ผู้ตกงานจากโรงงานอื่นได้
สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดจะต้องปฏิบัติงานเชิงรุก
ในการประสานงานให้มีการถ่ายโอนแรงงานใน
ลักษณะนี้
ในกรณีที่จะต้องจัดให้แรงงานได้รับการฝึกอบรมปรับทักษะ
ก็ให้ประสานงานกับกรมส่งเสริม
อุตสาหกรรม
ซึ่งจะดำเนินงานร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในเรื่องนี้
*สำหรับแผนงานที่ 3 เรื่องการบ่มเพาะอุตสาหกรรมสนับสนุนขนาดกลางและขนาดย่อม ประเภทกิจการ ที่เป็นเป้าหมายสำคัญ คือ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์,ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิส์, ผู้ประกอบการ งานโลหะ (เช่น งานกลึง,งานหล่อ,งานปั้มโลหะ),ผู้ผลิตชิ้นส่วนพลาสติก,ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ มีโครงการสำคัญ คือ โครงการพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วน ซึ่งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลัก บทบาทของสำนักงาน อุตสาหกรรมจังหวัดในเรื่องนี้จะคล้ายคลึงกับในแผนงานที่ 1 คือ การกลั่นกรองคัดเลือกผู้ประกอบการที่ มีศักยภาพ เชิญชวนให้เข้าร่วมโครงการ
* ในแผนงานที่ 6 เรื่องการกระจายหน่วยผลิตที่ใช้แรงงานเข้มข้นและมีมลภาวะน้อย ไปสู่ภูมิภาคและ ชนบท มีโครงการสำคัญก็คือ โครงการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมชนบท ของกรมส่งเสริมอุตสาห กรรม หรือโครงการเร่งรัดพัฒนาอุตสาหกรรมชนบท ของสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมนั่นเอง
ตามแผนงานนี้ มีกลุ่มเป้าหมายอยู่ 2 ระดับ คือ โรงงานที่จะเป็นแม่ข่าย ซึ่งอาจตั้งอยู่ในตัวจังหวัดหรือ อำเภอ และจะเป็นผู้จ่ายงานให้กับโรงงานบริวารซึ่งอยู่ตามหมู่บ้าน
สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ควรมีบทบาทในการเชิญชวนผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในจังหวัด ให้เข้า ร่วมโครงการในฐานะโรงงานแม่ข่าย ในบางกรณีอาจมีโรงงานจาก กทม.และปริมาณฑ?สนใจไปจัดตั้ง โรงงานแม่ข่ายในต่างจังหวัด สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ควรเป็นผู้ประสานงานจัดหาสถานที่ตั้งโรงงาน ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับการจัดผังเมือง โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมที่ได้มีการริเริ่มจัดตั้งขึ้นบ้างแล้ว
นอกจากนี้ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด สามารถเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับหมู่บ้านหรือกลุ่มราษฏรที่มี ศักยภาพจะเป็นโรงงานบริเวรได้เป็นอย่างดี
5. บทสรุป
* แผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม จะเป็นแผนหลักในการดำเนินงานของทุกหน่วยงานในกระทรวงอุตสาห กรรม ต่อไปอีกหลายปี ในวันนี้ ขอเน้นภารกิจเร่งด่วนที่จะต้องร่วมมือกันดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2541 ตามแนวทางที่ได้กล่าวมา
* สำหรับรายละเอียดวิธีการปฏิบัติและการประสานงาน เช่น ในเรื่องการเร่งรัดสนับสนุนสินเชื่อแก่อุตสาห กรรมขนาดกลางและขนาดย่อม และการสนับสนุนอุตสาหกรรมชนบท จะได้มีการประสานงานและจัดอบรม สัมมนาเจ้าหน้าที่เฉพาะเรื่องในโอกาสต่อ ๆ ไป