เตียงตั่งที่ลุกเป็นไฟ
ภิกษุ ท.! พวกเธอทั้งหลายจักตัดสินเนื้อความสองข้อนี้ ว่าอย่างไหนจะดีกว่ากัน คือ การที่ถูก บุรุษมีกำลังแข็งแรง จังเข้าที่ศีรษะหรือที่คอ กดให้นั่งหรือนอน บนเตียงเหล็กหรือตั่งเหล็ก อันร้อนเป็น เปลวไฟ ลุกโพลงมีแสงโชติช่วง กับ การใช้สอยเตียงตั่ง ที่พวกกษัตริย์มหาศาล หรือพราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล ถวายด้วยศรัทธา?
"ข้าแต่องค์ผู้เจริญ! การใช้สอนเตียงตั่ง ที่พวกกษัตริย์มหาศาล หรือพราหมณ์มหาศาล หรือ คฤหบดีมหาศาล ถวายด้วยศรัทธา นั่นแหละดีกว่า; เพราะว่า การที่ถูกบุรุษมีกำลังแข็งแรง จับเข้าที่ศีรษะหรือที่คอ กดให้นั่ง หรือนอนบนเตียงเหล็กหรือตั่ง เหล็ก อันร้อนเป็นเปลวไฟลุกโพลงมีแสงโชติช่วง นั่นเป็นความทุกข์ทนได้ยาก พระเจ้าข้า".
ภิกษุ ท.! เราจักบอก เราจักอธิบายแก่พวกเธอทั้งหลายให้เข้ามา : การที่ถูกบุรุษมีกำลังแข็ง แรง จับเข้าที่ศีรษะหรือที่คอ กดให้นั่งหรือนอนบนเตียงเหล็กหรือตั่งเหล็ก อันร้อนเป็นเปลวไฟลุกโพลง มีแสงโชติช่วงนั่นต่างหากเป็นการดี สำหรับคน ซึ่งเป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่ลามก ไม่สะอาด มีความ ประพฤติชนิดที่ตนเองนึกแล้วก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทำที่ต้องปกปิดซ่อนเร้น ไม่ใช่สมณะก็ปฏิญญาว่า เป็นสมณะ ไม่ใช่คนประพฤติพรหมจรรย์ก็ปฏิญญาว่า ประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเน่าใน เปียกแฉะ มี สัญชาติหมักหมม เหมือนบ่อที่เทขยะมูลฝอย. ข้อนั้นเพราะเหตุไร?
ภิกษุ ท.! เพราะว่า การที่เขาจะต้องตายหรือได้รับทุกข์เจียนตาย เนื่องจากเหาตุที่เขาถูก บุรุษมีกำลังแข็งแรง จับเข้าที่ศีรษะหรือที่คอ กดให้นั่งหรือนอน บนเตียงเหล็กหรือตั่งเหล็ก อันร้อนเป็น เปลวไฟลุกโพลงมีแสงโชติช่วงหาได้เป็นเหตุให้เขาต้องเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ภายหลัง แต่ความตาย เพราะการทำลายแห่งกาย ไม่; ส่วนการที่เขาเป็นคนทุศิล มีความเป็นอยู่ลามก ไม่ สะอาด มีความประพฤติชนิดที่ตนเองนึกแล้วก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทำที่ต้องปกปิดซ่อนเร้น ไม่ใช่สมณะ ก็ปฏิญญาว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่คนประพฤติพรหมจรรย์ก็ปฏิญญาว่า ประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเน่าใน เปียกแฉะ มีสัญชาติหมักหมม เหมือนบ่อที่เทขยะมูลฝอย, แล้วยัง (มีความคิดที่จะ) ใช้สอยเตียงตั่ง ที่ พวกกษัตริย์มหาศาล หรือพราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล ถวายด้วยศรัทธา นั้น ย่อมเป็นไปเพื่อ ความทุกข์ ไม่เกื้อกูลแก่เขา ตลอดกาลนาน ภายหลังแต่ความตาย เพราะการทำลายแห่งกาย เขา ย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก.
บาลี พระพุทธภาษิต สตฺตก. อํ. ๒๓/๑๓๔/๖๙, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่โคนไม้แห่งหนึ่งใน เขตประเทศโกศล