เนื้อนาที่ไม่เกิดบุญ
ภิกษุ ท.! ช้างหลวงประกอบด้วยองค์ห้า เป็นช้างไม่คู่ควรแก่พระราชา ไม่เป็นราชพาหนะได้ ไม่นับว่าเป็นของคู่บารมีของพระราชา. องค์ห้าอะไรเล่า? องค์ห้าคือ ช้างหลวงในกรณีนี้ เป็นช้างที่ไม่ อดทนต่อรูปทั้งหลาย, ไม่อดทนต่อเสียงทั้งหลาย ไม่อดทนต่อกลิ่นทั้งหลาย, ไม่อดทนต่อรสทั้งหลาย, ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพะทั้งหลาย.
ภิกษุ ท.! ช้างหลวงที่ไม่อดทนต่อรูปทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท.! ในกรณี ช้างหลวง เมื่อออกศึก ได้เห็นหมู่พลช้างก็ดี, หมู่พลม้าก็ดี, หมู่พลรถก็ดี, หมู่พลราบก็ดี, (ของฝ่ายข้าศึก) แล้ว ก็ ระย่อ ห่อหด ถดถอยเสียไม่อาจจะเข้าสู่ที่รบ. ภิกษุ ท.! ช้างหลวงอย่างนี้ชื่อว่า ไม่อดทนต่อรูป ทั้งหลาย.
ภิกษุ ท.! ช้างหลวงที่ไม่อดทนต่อเสียงทั้งหลาย เป็ฯอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท.! ในกรณีนี้ ช้างหลวงเมื่ออกศึก ได้ยินเสียงหมู่พลช้างก็ดี, หมู่พลม้าก็ดี, หมู่พลรถก็ดี, หมู่พลราบก็ดี, ได้ยินเสียง กึกก้องแห่งกลองบัณเฑาะว์ สังข์และมโหระทึกก็ดี, แล้วก็ระย่อ ห่อหด ถดถอยเสีย ไม่อาจจะเข้าสู่ ที่รบ. ภิกษุ ท.! ช้างหลวงอย่างนี้ชื่อว่า ไม่อดทนต่อเสียงทั้งหลาย.
ภิกษุ ท.! ช้างหลวงที่ไม่อดทนต่อกลิ่นทั้งหลาย เป้ฯอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท.! ในกรณีนี้ ช้างหลวงเมื่ออกศึก ได้กลิ่นมูตรและกรีส (ปัสสาวะและอุจจาระ) ของช้างทั้งหลาย ชนิดที่เป็นชั้น จ่าเจนสงครามแข้าแล้ว ก็ระย่อ ห่อหด ถดถอยเสีย ไม่อาจจะเข้าสู่ที่รบ ภิกษุ ท.! ช้างหลวงอย่างนี้ ชื่อว่าไม่อดทนต่อกลิ่นทั้งหลาย.
ภิกษุ ท.! ช้างหลวงที่ไม่อดทนต่อรสทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท.! ในกรณีนี้ ช้างหลวงเมื่ออกศึก เมื่อไม่ได้รับการทอดหญ้าและน้ำมื้อหนึ่งหรือสองมื้อ สามมื้อ สี่มื้อ หรือห้ามื้อ แล้วก็ระย่อ ห่อหด ถดถอยเสีย ไม่อาจจะเข้าสู่ที่รบ. ภิกษุ ท.! ช้างหลวงอย่างนี้ชื่อว่า ไม่อดทน ต่อรสทั้งหลาย.
ภิกษุ ท.! ช้างหลวงที่ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพะทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท.! ในกรณีนี้ ช้างหลวงเมื่อออกศึก ถูกศรที่เขายิงมาอย่างรวดเร็วกระทันหันเข้าหนึ่งลูก หรือสองลูก สามลุก สี่ลูก หรือห้าลูกแล้ว ก็ระย่อ ห่อหด ถดถอยเสีย ไม่อาจจะเข้าสู่ที่รบ. ภิกษุ ท.! ช้างหลวงอย่างนี้ชื่อว่าไม่ อดทนต่อโผฏฐัพพะทั้งหลาย.
... ... ....
ภิกษุ ท.! ฉันใดก็ฉันนั้นเหมือนกัน : ภิกษุ เมื่อประกอบด้วยเหตุห้าอย่างแล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่ควร แก่ของบูชา ไม่ควรแก่ของต้อนรับ ไม่ควรแก่ของทำบุญ ไม่ควรทำอัญชลี ไม่เป็นเนื้อนาบุญของ โลกอย่างดีเยี่ยม. เหตุห้าอย่างอะไรกันเล่า? เหตุห้าอย่างคือ ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ไม่อดทนต่อรูปทั้ง หลาย, ไม่อดทนต่อเสียงทั้งหลาย, ไม่อดทนต่อกลิ่นทั้งหลาย, ไม่อดทนต่อรสทั้งหลาย, ไม่อดทนต่อ โผฏฐัพพะทั้งหลาย.
ภิกษุ ท.! ภิกษุ เป็นผู้ไม่อดทนต่อรูปทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท.! ภิกษุในกรณีนี้ ได้เห็น รูปด้วยตาแล้ว ติดใจยินดีในรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดยินดี ไม่อาจจะตั้งจิตเป็นกลางอยู่ได้. ภิกษุ ท.! ภิกษุอย่างนี้ชื่อว่า ไม่อดทนต่อรูปทั้งหลาย.
ภิกษุ ท.! ภิกษุ เป็นผู้ไม่อดทนต่อเสียงทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท.! ภิกษุในกรณีนี้ ได้ฟังเสียงด้วยหูแล้ว ติดใจยินดีในเสียงอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดยินดี ไม่อาจจะตั้งจิตเป็นกลางอยู่ ได้. ภิกษุ ท.! ภิกษุอย่างนี้ชื่อว่า ไม่อดทนต่อเสียงทั้งหลาย.
ภิกษุ ท.! ภิกษุ เป็นผู้ไม่อดทนต่อกลิ่นทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท.! ภิกษุในกรณีนี้ ได้ ดมกลิ่นด้วยจมูก ติดใจยินดีในกลิ่นอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดยินดี ไม่อาจจะตั้งจิตเป็นกลางอยู่ได้. ภิกษุ ท.! ภิกษุอย่างนี้ชื่อว่า ไม่อดทนต่อกลิ่น ทั้งหลาย.
ภิกษุ ท.! ภิกษุเป็นผู้ไม่อดทนต่อรสทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท.! ภิกษุในกรณีนี้ ได้ลิ้ม รสด้วยลิ้นแล้ว ติดใจยินในรสอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดยินดี ไม่อาจจะตั้งจิตเป็นกลางอยู่ได้. ภิกษุ ท.! ภิกษุอย่างนี้ชื่อว่า ไม่อดทนต่อรสทั้งหลาย.
ภิกษุ ท.! ภิกษุ เป็นผู้ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพะทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท.! ภิกษุในกรณีนี้ ได้สัมผัสโผฏฐัพพะด้วยกายแล้ว ติดใจยินดีในโผฏฐัพพะอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดยินดี ไม่อาจจะตั้งจิต เป็นกลางอยู่ได้. ภิกษุ ท.! ภิกษุอย่างนี้ชื่อว่า ไม่อดทนต่อโผฏฐัพพะทั้งหลาย.
ภิกษุ ท.! ภิกษุ เมื่อประกอบด้วยเหตุห้าอย่างนี้แล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่ควรแก่ของบูชา ไม่ควรแก่ ของต้อนรับ ไม่ควรแก่ของทำบุญ ไม่ควรทำอัญชลี ไม่เป็นเนื้อนาบุญของโลกอย่างดีเยี่ยมเลย.
บาลี พระพุทธภาษิต ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๗๖/๑๓๙, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย.