ผู้ไม่หนุนหมอนไม้

       ภิกษุ  ท.! ในบัดนี้ เจ้าลิจฉวีทั้งหลาย มีท่อนไม้เป็นหมอนหนุน เป็นอยู่อย่างไม่ประมาท มี ความเพียรเข้มแข็ง  ในการฝึกวิชาใช้ศร.  พระราชาแห่งมคธ  นามว่า อชาตสัตตุ ผู้เวเทหิบุตร ย่อมหาช่องทางทำลายล้างมิได้ หาโอกาสทำตามอำเภอพระทัยแก่เจ้าลิจฉวีเหล่านั้นมิได้.

       ภิกษุ ท.! แต่ในกาลฝ่ายอนาคน เจ้าลิจฉวีทั้งหลาย จัดทำตนเป็นสุขุมาลชาติ จนมีฝ่ามือและ ฝ่าเท้าอ่อนนิ่ม เจ้าลิจฉวีเหล่านั้น จักสำเร็จการนอนบนที่นอนอันอ่อนนุ่ม มีหมอนใหญ่ ๆ หนุน ประทมจนกระทั้งพระอาทิตย์ขึ้น  คราวนั้นพระราชาแห่งมคธนามว่า  อชาติสัตตุ  ผู้เวเทหิบุตร จักได้ช่องทางทำลายล้าง จักได้ทำโอกาส ทำตามอำเภอพระทัย แก่เจ้าลิจฉวีเหล่านั้น.

       ภิกษุ  ท.! ในบัดนี้ ภิกษุทั้งหลาย ก็มีท่อนไม้เป็นหมอนหนุนเป็นอยู่อย่างไม่ประมาท มีความ เพียรเผากิเลส ในชั้นความเพียรที่เป็นหลักเป็นประธาน.  มารผู้ใจบาป  จึงหาช่องทางทำลายล้างมิได้ หาโอกาสที่จะทำตามอำเภอใจ แก่ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นมิได้

       ภิกษุ ท..! ในกาลยืดยาวฝ่ายอนาคต จักมีภิกษุทั้งหลาย ที่ทำตนเป็นสุขุมาลชาติ จนมีฝ่ามือ และฝ่าเท้าอ่อนนิ่ม.  ภิกษุเหล่านั้น  จักสำเร็จการนอน  บนที่นอนอันอ่อนนุ่ม มีหมอนใหญ่ ๆ หนุน จนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น. คราวนั้นเอง มารผู้ใจบาป ก็จักได้ช่องทางทำลายล้าง จักได้โอกาสที่จะ ทำตามอำเภอใจ แก่ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น

       ภิกษุ  ท.!  เพราะฉะนั้น  ในเรื่องนี้  พวกเธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้ว่า "เราทั้ง หลาย  จักใช้ท่อนไม้เป็นหมอนหนุน  เป็นอยู่อย่างไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส ในชั้นความ เพียรที่เป็นหลักประธาน" ดังนั้น. ภิกษุ.! พวกเธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้แล.

บาลี พระพุทธภาษิต นิทาน.สํ. ๑๖/๓๑๒/๖๗๕-๖, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่กูฎาคารศาลา ป่ามหาวัน ใกล้เมืองเวสาลี