"กู เป็นโค"
ภิกษุ ท.! ลาที่เดินตามฝูงโคไปข้างหลัง ๆ แม้จะร้องอยูว่า "กู ก็เป็นโค, กู ก็เป็นโค" ดังนี้ก็ตามที. แต่สีของมันก็หาเป็นโคไปได้ไม่, เสียงของมันก็หาเป็นโคไปได้ไม่, เท้าของมันก็หา เป็นโคไปได้ไม่, มันก็ได้แต่เดินตามฝูงโคไปข้างหลัง ๆ รอ้งเอาเองว่า "กู ก็เป็นโค, กู ก็เป็น โค" ดังนี้ เท่านั้น. ข้อนี้ฉันใด;
ภิกษุ ท.! ภิกษุบางรูปในกรณีเช่นนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน; คือแม้จะเดินตามหมู่ภิกษุไปข้างหลังๆ ร้องประกาศอยู่วา "ข้า ก็เป็นภิกษุ, ข้า ก็เป็นภิกษุ" ดังนี้ก็ตามที, แต่ความใคร่ในการประพฤติ สีลสิกขาของเธอ ไม่เหมือนของภิกษุทั้งหลาย, ความใคร่ในการประพฤติจิตตสิกขาของเธอ ไม่เหมือน ของภิกษุทั้งหลาย, ความใครในการประพฤติปัญญาสิกขาของเธอ ไม่เหมือนของภิกษุทั้งหลาย, ภิกษุ รูปนั้น ได้แต่เดินตามหู่ภิกษุไปข้างหลัง ๆ ร้องประกาศเอาเองว่า "ข้า ก็เป็นภิกษุ, ข้า ก็เป็นภิกษุ" ดังนี้เท่านั้น.
ภิกษุ ท.! เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลายพึงสำเหนียกใจไว้ว่า "ความใคร่ใน การประพฤติสีลสิกขาของเรา ต้องเข้มงวดเสมอ, วามใคร่ในการประพฤติจิตตสิกขาของเรา ต้องเข้มงวดเสมอ, ความใคร่ในการประพฤติปัญญาสิกขาของเรา ต้องเข้มงวดเสมอ" ดังนี้ ภิกษุ ท.! พวกเธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้แล.
บาลี พระพุทธภาษิต ติก. อํ. ๒๐/๒๙๔/๕๒๒.