หลงกระพี้ไม้ ว่าเป็นแก่น

       ภิกษุ  ท.!  ในกรณีนี้คือ  กุลุบตรบางคนมีศรัทธา ออกบวชจากเรือนไม่เกี่ยวข้องด้วย ออกบวช จากเรือนไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือน  เพราะคิดเห็นว่า "เราถูกความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศก ความร่ำไรรำพัน  ความทุกข์กาย  ความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจครอบงำเอาแล้ว เป็นคนตกอยู่ในกอง ทุกข์  มีทุกข์อยู่เฉพาะหน้าแล้ว  ทำไฉนการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้  จะปรากฏมีได้"  ดังนี้. ครั้น คิดอย่างนี้แล้ว   กุลบุตรจึงออกบวชจากเรือนด้วยศรัทธา.   ครั้นบวชแล้วสามารถทำลาภสักการะและ เสียงเยินยอ  ให้เกิดขึ้นได้,  เธอไม่มีใจยินดีแล้ว ไม่มีความดำริเต็มรอบแล้ว ในลาภสักการะและเสียง เยินยอนั้น.  เธอไม่ทะนงตัวเพราะลาภสักการะ และเสียงเยินยอนั้น, เธอไม่เมาอยู่, ไม่มัวเมาอยู่ ไม่ ถึงความประมาทอยู่  เพราะลาภสักการะและเสียงเยินยอนั้น;  เมื่อไม่ประมาทแล้ว  เธอให้ความถึง พร้อมด้วยศีล เกิดขึ้นได้, เธอมีใจยินดีแล้ว เพราะความถึงพร้อมด้วยสมาธินั้นแต่ว่า หาความดำริเต็ม รอบเพียงความถึงพร้อมด้วยสมธินั้น,  เธอไม่ทะนงตัว เพราะความถึงพร้อมด้วยสมาธินั้น, เธอไม่เมา อยู่  ไม่มัวเมาอยู่  ไม่ถึงความประมาทอยู่  เพราะความถึงพร้อมด้วยสมาธินั้น;  เมื่อไม่ประมาทแล้ว เธอให้ถึงความพร้อมด้วย สมาธิ เกิดขึ้นได้. เธอมีใจยินดีแล้ว ในความถึงพร้อมด้วยสมาธินั้น. เธอ ทะนงตัว  เพราะความถึงพร้อมด้วยสมาธินั้น  เมื่อไม่ประมาทแล้ว  เธอก็ทำให้ ญาณทัสสะ (ความรู้เห็น ธรรม) เกิดขึ้นได้ เธอมีใจยินดีแล้ว มีความดำริเต็มรอบแล้ว ในญาณทัสสนะนั้น. เธอทะนงตัว เพราะญาณทัสสนะนั้นว่า "เราเป็นผู้รู้ผู้เห็นอยู่ ส่วนภิกษุอื่น ๆ เหล่านี้ไม่ รู้ไม่เห็น"  ดังนี้.  เธอนั้น เมาอยู่ มัวเมาอยู่ ถึงความประมาทอยู่ เพราะญาณทัสสนะนั้น, เมื่อ ประมาทแล้ว เธอก็อยู่ด้วยความเป็นอยู่ที่ดูแล้วน่าชัง

       ภิกษุ  ท.! เปรียบเหมือนบุรุษ ผู้ต้องการด้วยแก่นไม้ เสาะหาแก่นไม้ เที่ยวค้นหาแก่นไม้อยู่ ไป จนถึงต้นไม้ใหญ่มีแก่นแล้ว  มองข้ามพ้นแก่น, ถากเอากระพี้ถือไป ด้วยเข้าใจว่า นี่แก่นไม้. บุรุษมีตาดี เห็นคนนั้นเข้าแล้ว  ก็กล่าวว่า  "ผู้เจริญคนนี้ ช่างไม่รู้จักแก่น ไม่รู้จักกระพี้, ไม่รู้จักเปลือกสด, ไม่รู้ จักสะเก็ดแห้งตามผิวเปลือก,  ไม่รู้จักใบอ่อนที่ปลายกิ่ง.  จริงดังว่า ผู้เจริญคนนี้ต้องการแก่นไม้เสาะ หาแก่นไม้  เที่ยวค้นหาแก่นไม้  จนถึงต้นไม้ใหญ่มีแก่นแล้ว ก็มองข้ามพ้นแก่น, ข้ามพ้นกระพี้, ถากเอา เปลือกสด  ๆ ถือไป, ด้วยเข้าใจย่า นี่แก่นไม้; สิ่งที่เขาจะต้องทำด้วยแก่นไม้ จักไม่สำเร็จประโยชน์ เลย"  ดังนี้;  ฉันใดก็ฉันนั้น.  ภิกษุ  ท.! เราเรียกคนบวชชนิดนี้ว่า ได้ถือเอาพรหมจรรย์ตรงกระพี้ ของมัน   และเขาถึงที่สุดแห่งพรหมจรรย์  ด้วยการกระทำเพียงให้ความถึงพร้อมด้วยศีลเกิดขึ้นเท่านั้น เอง.

บาลี พระพุทธภาษิต มหาสาโรปมสูตร มู. ม. ๑๒/๓๖๘/๓๔๐.