ม้าพยศแปดจำพวก

       ภิกษุ  ท.!  เราจักแสดงม้าพยศแปดจำพวก  และโทษแห่งม้าพยศแปดจำพวกนั้นด้วย;  เราจัก แสดงบุรุษพยศแปดจำพวก และโทษแห่งรุษพยศ แปดจำพวกนั้นด้วย; พวกเธอทั้งหลาย จงฟังในข้อนั้น:-

 

ม้าทิ้งรถ

       ภิกษุ ท.! ม้าพยศบางตัวในกรณีนี้ ถูกนายสารถีเตือนด้วยการลงปฏัก เพื่อให้รู้ว่า "จงไป" ดังนี้ แล้ว กลับถอยหลังสลัดรถให้หลุดจากตน. ม้าพยศบางตัว เป็นได้ถึงเพียงนี้. นี่ เป็นโทษแห่งม้าพยศ ข้อแรก.

       ภิกษุ  ท.! ในอุปมานี้ พวกภิกษุทั้งหลายโจทภิกษุรูปหนึ่งด้วยอาบัติ ภิกษุรูปนั้นถูกภิกษุทั้งหลายโจท ด้วยอาบัติอยู่ ย่อมอำพรางอาบัติไว้ว่า "ข้าพเจ้าระลึกไม่ได้, ยังระลึกไม่ได้" ดังนี้. ภิกษุ ท.! เปรียบ ได้กับม้าพยศตัวนั้น ถูกนายสารถีเตือนด้วยปฏัก "จงไป" ดังนี้แล้ว กลับถอยหลัง สลัดรถให้หลุดจากตน. ภิกษุ  ท.!  เรากล่าวนักบวชนี้ว่า มีม้าพยศเป็นคู่เปรียบ ฉะนั้น. ภิกษุ ท.! นักบวชบางคน เป็นได้ถึง เพียงนี้, นี่ เป็นโทษแห่งบุรุษพยศข้อแรก.

 

ม้าหักไม้รถ

       ภิกษุ ท.! ม้าพยศบางตัวในกรณนี้ ถูกนายสารถีเตือนด้วยการลงปฏักเพื่อให้รู้ว่า "จงไป" ดังนี้ แล้ว  ย่อมหกหลัง  แระแทกธูป  หักไม้ตรีทัณฑ์. ม้าพยศบางตัว เป็นได้ถึงเพียงนี้, นี่ เป็นโทษแห่งม้า พยศข้อที่สอง.

       ภิกษุ ท.! พวกภิกษุทั้งหลาย โจทภิกษุรูปหนึ่งด้วยอาบัติ ภิกษุรูปนั้น ถูกภิกษุทั้งหลายโจทด้วยอาบัติ อยู่ กลับโต้แย้งว่า "ประโยชน์อะไรด้วยคำพูดของท่าน ซึ่งเป็นคนพาลคนเขลา คนอย่างท่านหรือรู้จักสิ่ง ที่ควรพูด"  ดังนี้.  ภิกษุ ท.! เปรียไบด้กับม้าพยศตัวนั้น ถูกนายสารภีเตือนด้วยปฏักว่า "จงไป" ดังนี้ แล้ว ย่อมหกหลัง กระแทกธูป หักไม้ตีทัณฑ์. ภิกษุ ท.!เรากล่านักบวชนี้ว่า มีม้าพยศเป็นคู่เปรียบ ฉะนั้น. ภิกษุ ท.! นักบวชบางคน เป็นได้ถึงเพียงนี้, นี่ เป็นโทษแห่งบุรุษพยศข้อที่สอง.

 

ม้าเตะงอนรถ

       ภิกษุ ท.! ม้าพยศบางตัวในกรณีนี้ ถูกนายสารถีเตือนด้วยการลงปฏัก เพื่อให้รู้ว่า "จงไป" ดังนี้ แล้ว ย่อมยกขาดีดขึ้นไป ทางงอนรถ แล้วเตะแล้วถีบงอนรถ. ม้าพยศบางตัว เป็นได้ถึงเพียงนี้, นี่ เป็น โทษแห่งม้าพยศข้อที่สาม.

       ภิกษุ  ท.! พวกภิกษุทั้งหลาย โจทภิกษุรูปหนึ่งด้วยอาบัติ ภิกษุรูปนั้น ถูกภิกษุทั้งหบายโจทด้วยอาบัติ อยู่ กลับยกเอาอาบัติให้แก่โจทเสียเองว่า "ท่านน่ะสิต้องอาบัติชื่อนี้ ท่านจงทำคืนเป็นคนแรกเสียก่อนเถิด "  ดังนี้.  ภิกษุ  ท.!  เปรียบได้กับม้าพยศตัวนั้น  ถูกนายสารถีเตือนด้วยปฏักว่า "จงไป" ดังนี้แล้ว ย่อมยกขาดีดขึ้นไปทางงอนรถ แล้วเตะ แล้วถึบงอนรถ. ภิกษุ ท.! เรากล่าวนักบวชนี้ว่า มีม้าพยศเป็น คู่เปรียบ ฉะนั้น. ภิกษุ ท.! นักบวชบางคน เป็นได้ถึงเพียงนี้, นี่เป็นโทษแห่งบุรุษพยศข้อที่สาม.

 

ม้าหงายรถ

       ภิกษุ ท.! ม้าพยศบางตัวในกรณีนี้ ถูกนายสารถีเตือนด้วยการลงปฏัก เพื่อให้รู้ว่า "จงไป" ดังนี้ แล้ว ย่อมแกล้งเดินให้ผิดทาง ทำให้รถคุแคงหงาย. ม้าพยศบางตัว เป็นได้ถึงเพียงนี้, นี่เป็นโทษแห่งม้า พยศข้อที่สี่.

       ภิกษุ  ท.! พวกภิกษุทั้งหลาย โจทภิกษุรูปหนึ่งด้วยอาบัติ ภิกษุรูปนั้นถูกภิกษุทั้งหลายโจทด้วยอาบัติ อยู่  กลับเอาเรื่องอื่นมา  พูดกลบเหลื่อนเสีย  นำเอาเรื่องนอกเรื่องมาพูดแทน  แสดงท่าโกรธ ประทุษร้ายอาการน้อยใจให้ปรากฏ.  ภิกษุ  ท.! เปรียบได้กับม้าพยศตัวนั้น ถูกนายสารถีเตือนด้วยปฏัก ว่า "จงไป" ดังนี้แล้ว ย่อมแกล้งเดินให้ผิดทาง ทำให้คถตะแคงหงาย ภิกษุ ท.! เรากล่าวนักบวชนี้ว่า มีม้าพยศเป็นคู่เปรียบ ฉะนั้น ภิกษุ  ท.! นักบวชบางคน เป็นได้ถึงเพียงนี้, นี่เป็นโทษแห่งบุรุษพยศข้อที่สี่.

 

ม้าทำลายรถ

       ภิกษุ ท.! เปรียบได้กับม้าพยศตัวนั้น ถูกนายสารถีเตือนด้วยปฏักว่า "จงไป" ดังนี้แล้ว ย่อม กระโดดจนสุดตัวสุดเท้า. ม้าพยศบางตัวเป็นได้ถึงเพียงนี้, นี่เป็นโทษแห่งม้าพยศข้อที่ห้า.

       ภิกษุ  ท.! พวกภิกษุทั้งหลายโจทภิกษุรูปหนึ่งด้วยอาบัติ ภิกษุรูปนั้น ถูกภิกษุทั้งหลายโจทด้วยอาบัติ อยู่  กลับโคลงกาย ไกวแขน พูดในท่ามกลางสงฆ์. ภิกษุ ท.! เปรียบได้กับม้าพยศตัวนั้น ถูกนายสารถี เตือนด้วยปฏักว่า "จงไป" ดังนี้แล้ว ย่อมกระโดจนสุดตัวสุดเท้า. ภิกษุ ท.! เรากล่าวนักบวชนี้ว่า มีม้า พยศเป็นคู่เปรียบ ฉะนั้น ภิกษุ  ท.! นักบวชบางคน เป็นได้ถึงเพียงนี้, นี่ เป็นโทษแห่งบุรุษพยศข้อที่ห้า.

 

ม้ากัดสายบังเหียน

       ภิกษุ  ท.! เปรียบได้กับม้าพยศตัวนั้น ถูกนายสารถีเตือนด้วยปฏักว่า "จงไป" ดังนี้แล้ว ก็ไม่แย แสต่อปฏัก กลับกัดสายบังเหียน วิ่งเตลิดไปตามปรารถนาของมัน. ม้าพยศบางตัว เป็นได้ถึงเพียงนี้, นี่ เป็นโทษแห่งม้าพยศข้อที่หก

       ภิกษุ  ท.! พวกภิกษุทั้งหลาย โจทย์ภิกษุรูปหนึ่งด้ายอาบัติ ภิกษุรูปนั้น ถูกภิกษุทั้งหลายโจทด้วย อาบัติอยู่ ก็ไม่ใยดีต่อสงฆ์ ไม่เอื้อเฟื้อต่อโจทก์ หลึกไปทั้ง ๆ ที่ตนยังมีอาบัติติดตัวอยู่. ภิกษุ ท.! เปรียบ ได้กับม้าพยศตัวนั้น  ถูกนายสารถีเตือนด้วยปฏักว่า "จงไป" ดังนี้แล้ว ก็ไม่แยแสต่อปฏัก กลับกัดสาย บังเหียน วิ่งเตลิดไปตามปรารถนาของมัน ภิกษุ  ท.! เรากล่าวนักบวชนี้ว่ามีม้าพยศเป็นคู่เปรียบ ฉะนั้น ภิกษุ  ท.! นักบวชบางคน เป็นได้ถึงเพียงนี้, นี่ เป็นโทษแห่งบุรุษพยศข้อที่หก.

 

ม้ายืนนิ่ง

       ภิกษุ  ท.!  เปรียบได้กับม้าพยศตัวนั้น  ถูกนายสารถีเตือนด้วยปฏักว่า "จงไป" ดังนี้แล้ว ก็ไม่ ยอมก้าวเดินหน้า ไม่ยอมถอยกลับหลัง ยืนนิ่งอยู่ ราวกับหลักที่ปักไว้ในที่นั้น ฉะนั้น. ม้าพยศบางตัว เป็น ได้ถึงเพียงนี้, นี่ เป็นโทษแห่งม้าพยศข้อที่เจ็ด.

       ภิกษุ ท.! พวกภิกษุทั้งหลาย โจทภิกษุรูปหนึ่งด้วยอาบัติ ภิกษุรูปนั้น ถูกภิกษุทั้งหลายโจทด้วยอาบัติ อยู่ ก็ไม่ยอมกล่าวว่าตนต้องอาลัติ หรือไม่ต้องอาบัติ. ภิกษุรูปนั้น ย่อมทำให้สงฆ์ลำบากด้วยความเป็นผู้นิ่ง ไม่ยอมพูดของเธอ. ภิกษุ ท.! เปรียบได้กับม้าพยศตัวนั้น ถูกนายสารถีเตือนด้วยปฏักว่า "จงไป" ดังนี้ แล้ว ก็ไม่ยอมก้าวเดินหน้าไม่ยอมถอยกลับหลัง ยืนนิ่งอยู่ราวกับหลักที่ปักไว้ในที่นั้น ฉะนั้น. ภิกษุ ท.! นักบวบางคน เป็นได้ถึงเพียงนี้, นี่ เป็นโทษแห่งบุรุษพยศข้อที่เจ็ด.

 

ม้าหมอบ

       ภิกษุ ท.! เปรียบได้กับม้าพยศตัวนั้น ถูกนายสารถีเตือนด้วยปฏักว่า "จงไป" ดัง มันกลับคุกเท้า หน้า  คุกเท้าหลัง หมอบทับเท้าทั้งสี่ ในที่นั้นเอง. ม้าพยศบางตัว เป็นได้ถึงเพียงนี้, นี่เป็นโทษแห่งม้า พยศข้อที่แปด.

       ภิกษุ ท.! พวกภิกษุทั้งหลายโจทย์ภิกษุรูปหนึ่งด้วยอาบัติ ภิกษุรูปนั้น ถูกภิกษุทั้งหลายโจทด้วยอาบัติ อยู่ กลับกล่าวเสียอย่างนี้ว่า "ทำไมหนอ, พวกผู้มีอายุทั้งหลาย ชอบพาลหาเหตุใส่ตัวเราหนักไปนัก, บัดนี้ เราขอเวลา พอเราได้บอกเลิกสิกขา หมุนกลับคืนไปสู่เพศต่ำแห่งคฤหัสถ์เสียก่อนเท่านั้น" ดังนี้แล้ว ต่อมา  ภิกษุนั้นก็บอกเลิกสิกขา  หมุนกลับคืนไปสู่เพศต่ำแห่งคฤหัสถ์  แล้วยังแถมเยาะเย้ยให้ว่า  "ทีนี้ พวกท่านผู้มีอายุทั้งหลายจงพอใจกันเถิด"  ดังนี้แล้ว ภิกษุ ท.! เปรียบได้กับม้าพยศตัวนั้น ถูกนายสารถี เตือนด้วยปฏักว่า  "จงไป"  ดังนี้แล้ว มันกลับคุกเท้าหน้า คุกเท้าหลัง หมอบทับเท้าทั้งสี่ ในที่นั้นเอง. ภิกษุ  ท.!  เรากล่าวนักบวชนี้ว่า มีม้าพยศเป็นคู่เปรียบ ฉะนั้น. ภิกษุ ท.! นักบวชบางคน เป็นได้ถึง เพียงนี้, นี่ เป็นโทษแห่งบุรุษพยศข้อที่แปด แล.

บาลี พระพุทธภาษิต อฏฺฐก. อํ. ๒๓/๑๙๔/๑๐๔, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย.