เมื่อมีศีลควรส่งตนไปในแนวเผากิเลส

       ภิกษุ ท.! พวกเธอทั้งหลาย จงเป็นผู้มีศีลสมบูรณ์ มีปาติโมกข์สมบูรณ์อยู่เถิด, จงเป็นผู้สำรวมใน ปาติโมกขสังวร มีมรรยาทและโคจรสมบูรณ์อยู่เถิด, จงมีปรกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย ซึ่งมีประมาณ เล็กน้อย สมาทานศึกษาในสิกขาบททั้งหลายเถิด.

       ภิกษุ ท.! เมื่อพวกเธอทั้งหลาย สมบูรณ์ด้วยศีลเช่นนั้นแล้ว อะไรเล่าเป็นกิจที่พวกเธอจะตอ้งทำ ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป?

       ภิกษุ  ท.!  เมื่อภิกษุเดินอยู่ก็ตาม,  ยืนอยู่ก็ตาม, นั่งอยู่ก็ตาม, นอนตื่นอยู่ก็ตาม, อภิชฌาและ พยาบาทของภิกษุนั้นก้ปราศจากไปแล้ว,  ถีนมิทธะ,  อุทธัจจกุกกุจจะ,  วิจิกิจฉาของเธอก็ละได้แล้ว, ความเพียรก็ปรารถแล้วไม่ย่อหย่อน, สติก็ตั้งมั่นไม่ฟั่นเฟือน, กายก็ระงับไม่กระสับกระส่วย, จิตก็ตั้งมัน เป็นหนึ่งแน่;  ภิกษุ  ท.! ภิกษุที่เป็นได้เช่นนี้ แม้จะเดินอยู่ก็ตาม ยืนอยู่ก็ตาม นั่งอยู่ก็ตาม นอนตื่นอยู่ก็ ตาม,  เราเรียกว่า  "ผู้มีความเพียรเผากิเลส,  มีความกลัวต่อโทษแห่งวัฏฏะ,  เป็นผู้ปรารถความ เพียรติดต่อสม่ำเสมอเป็นนิจ, เป็นผู้มีตนส่งไปในแนวแห่งความหลุดพ้นตลอดเวลา" ดังนี้.

๑. บาลี พระพุทธภาษิต จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๘/๑๒.