ผู้เลือกเอาข้างอยู่ป่า
นาคิตะ! เราเห็นภิกษุในธรรมวินัยนี้ ผู้อยู่ในเสนาสนะใกล้บ้าน นั่งเข้าสมาธิแล้ว. เราได้เกิด ความคิดขึ้นว่า "บัดนี้ เลกวัด (คนเฝ้าอาราม) อาจรบกวนภิกษุรูปนั้น, หรือสามเณรจักทำเธอให้เคลื่อน จากสมาธิก็ได้" ดังนี้ ; เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่พอใจการอยู่ในเสนาสนะใกล้บ้านของภิกษุรูปนั้นเลย.
นาคิตะ! เราเห็นภิกษุในธรรมวินัยนี้ ผู้ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร แม้นั่งโงกง่วงอยุ่ในป่า. เราได้เกิด ความคิดขึ้นว่า "เธอผู้นี้ อาจบรรเทาความกระวนกระวายเพราะง่วงนอนเสีย แล้วจึงทำไว้ในใจซึ่ง อรัญญสัญญา (ความกำหนดหมายว่าป่า) นั้นแล ให้เป็นอารมณ์อันหนึ่ง ในบัดนี้" ดังนี้ ; เพราะเหตุนั้น เราจึงพอใจด้วยการอยู่ป่าของภิกษุรูปนั้น.
นาคิตะ! เราเห็นภิกษุในธรรมวินัยนี้ ผู้ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร แม้นั่งเข้าสมาธิอยู่ในป่า แต่จิตยัง ไม่เป็นสมาธิ. เราได้เกิดความคิดขึ้นว่า "เธอผู้นี้อาจตั้งจิตที่ยังไม่เป็นสมาธิในเวลานี้ ให้เป็นสมาธิได้ หรือว่าจักตามรักษาจิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้วไว้" ดังนี้ ; เพราะเหตุนั้น เราจึงพอใจด้วยการอยู่ป่าของภิกษุรูปนั้น.
นาคิตะ! เราเห็นภิกษุในธรรมวินัยนี้ ผู้ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร นั่งเข้าสมาธิอยู่ในป่า. เราได้เกิด ความคิดขึ้นว่า "เธอผู้นี้ อาจเปลื้องจิตที่ยังไม่หลุดพ้นในเวลานี้ ให้หลุดพ้นได้, หรือว่าจักตามรักษาจิตที่ หลุดพ้นแล้ว" ดังนี้ ; เพราะเหตุนั้น เราจึงพอใจด้วยการอยู่ป่าของภิกษุรูปนั้น.
นาคิตะ! เราเห็นภิกษุในธรรมวินัยนี้ ผู้อยู่ในเสนานะใกล้บ้านได้ปัจจัย คือ จีวร บิณฑบาติ เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริกขาร; ภิกษุนั้นยังมุ่งหวังลาภสักการะ มุ่งหวังชื่อเสียง ถึงกับยอมสละ สถานที่ที่หลีกเร้าน ยอมสละเสนาสนะป่าอันเงียบสงัด เข้าไปอยู่ในหมู่บ้าน นิคม และเมืองหลง แล้ว เสร็จการอยู่ในที่นั้น ๆ; เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่พอใจการอยู่ในเสนาสนะ ใกล้บ้านของภิกษุรูปนั้นเลย.
นาคิตะ! เราเห็นภิกษุในธรรมวินัยนี้ ผู้ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร ได้ปัจจัย คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริกขาร; ภิกษุนั้น ไม่นิยมชมชอบในลาภสักการะและชื่อเสียง เธอไม่ ยอมสละสถานที่ที่หลีกเร้น ไม่ยอมสละเสนาสนะป่าอันเงียบสงัด; เพราะเหตุนั้น เราจึงพอใจด้วย การอยู่ป่าของภิกษุรูปนั้นแท้.
นาคิตะ! แม้เราเอง, ในเวลาใด เดินทางไกล เมื่อไม่เห็นใคร ๆ ข้างหน้าหรือข้างหลัง, ใน เวลานั้น เราสบายใจ โดยที่สุดแต่จะถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ แล.
บาลี พระพุทธภาษิต ฉกฺก. อํ. ๒๒/๓๒๘/๓๑๓, ตรัสแก่นาคิตภิกษุ ที่แนวป่าอิจฉานังคละ บ้านพราหมณ์ชาวโกศล ในคราวจากริกไปในแคว้นโกศล.