คนไม่ทิ้งธรรม๑
ภิกษุ ท.! ในทิศใด พวกภิกษุ มีความพร้อมเพรียงกัน มีความบันเทิงต่อกัน ไม่ทะเลาะวิวาทกัน เข้ากันและกันได้สนิทเหมือนน้ำกับน้ำนม มองดูกันและกันด้วยสายตาแห่งความรักอยู่; ภิกษุ ท.! ทิศนั้น เป็นผาสุกแก่เรา แม้ต้องเดินไป (อย่างเหน็ดเหนื่อย) จะป่วยกล่าวไปใยถึงการที่เพียงแต่นึกถึง. ใน กรณีนี้ เราเชื่อแน่แก่ใจว่า เป็นเพราะภิกษุเหล่านั้น ได้ละทิ้งธรรมสามอย่างเสียแล้ว และพากันมาถือ กระทำให้มากในธรรมสามอย่าง. ธรรมสามอย่างอะไรบ้าเล่าที่เธอละทิ้งเสียแล้ว? สามอย่างคือ:-
(๑) ความตรึกในทางกาม
(๒) ความตรึกในทางมุ่งร้าย
(๓) ความตรึกที่ก่อให้เกิดความลำบากแก่ผู้อื่น. ธรรมสามอย่างเหล่านี้แล ที่พวกภิกษุเหล่านั้น ละ ทิ้งเสียแล้ว.ก็ธรรมสามอย่างอะไรบ้างเล่า ที่พวกภิกษุเหล่านั้นพากันมาถือกระทำเพิ่มพูนให้มาก? สามอย่างคือ:-
(๑) ความตรึกในการหลีกออกจากความพันพันในกาม,
(๒) ความตรึกในการทำความไม่มุ่งร้าย,
(๓) ความตรึกในการไม่ทำคนอื่นให้ลำบาก. ธรรมสามอย่างเหล่านี้แล ที่พวกภิกษุเหล่านั้นพากัน มาถือ กระทำเพิ่มพูนให้มาก.ภิกษุ ท.!ในทิศใด พวกภิกษุ มีความพร้อมเพรียงกัน มีความบันเทิงต่อกันและกัน ไม่ทะเลาะวิวาท เข้ากันและกันได้สนิทเหมือนน้ำนมกับน้ำมองดูกันและกันด้วยสายตาแห่งความรักอยู่; ภิกษุ ท.! ทิศนั้น เป็นที่ผาสุกแก่เรา แม้ต้องเดินไป (อย่างเหน็ดเหนื่อย) จะปล่วยกล่าวไปไยถึงการที่เพียงดแต่นึกถึง. ในกรณีนี้ เราเชื่อแน่แก่ใจว่า เป็ฯ เพราะพวกภิกษุเหล่านั้น ได้ละทิ้งธรรมสามอย่างเหล่าโน้นเสียแล้ว และพากันมาถือ กระทำให้มากใน ธรรมสามอย่างเหล่านี้แทน.
๑. บาลี พระพุทธภาษิต ติก. อํ. ๒๐/๓๕๕/๕๖๔, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย.