วัดธาตุทอง วัดที่พัฒนามาพร้อมกับชุมชนชาวพระโขนง กรุงเทพฯ

ธรรมะกับการพัฒนาชุมชน

ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๔๘๒ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงค์ มีพระบัญชาให้ พระมหานพ อังกุรปญโญ มารักษาการเจ้าอาวาสวัดธาตุทอง เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร เพื่อควบคุมดูแล และปฏิบัติศาสนกิจของวัดตั้งแต่ยังไม่มีพระอุโบสถ จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า ๕๐ ปี ซึ่งเท่ากับอายุของวัด

๑. ผลงานด้านศาสนสถานที่สำคัญของวัดธาตุทอง ได้แก่ พระอุโบสถ พระวิหาร ซุ้มประตูและกำแพงวัด หอพระอภิบาลปวงชน หอระฆัง หอประชุม โรงเรียนพระปริยัติธรรม กุฏิที่อยู่จำพรรษาของพระเณร   ฌาปนสถาน และศาลาบำเพ็ญกุศล

๒. ด้านการศึกษา ท่านให้ความสำคัญแก่การศึกษาของเยาวชนมาก จึงจัดให้มีสถานศึกษาครอบคลุมทุกระดับดังนี้

  • โรงเรียนวัดธาตุทอง (เรือนเขียวสะอาด) ย้ายมาจากโรงเรียนประชาบาลตำบลคลองเตย (สาขาวัดทองล่าง) เป็นโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร เปิดสอนระดับประถมศึกษา ชั้น ป.๑ ถึง ป.๖ และร่วมกับกรมการศึกษนอกโรงเรียน เปิดสอนหลักสูตรนักศึกษาผู้ใหญ่ภาคค่ำ
  • พ.ศ. ๒๔๙๔   ได้เห็นถึงความยากลำบากของนักเรียนที่ต้องเดินทางไกลเพื่อไปเรียนต่างอำเภอ จึงปรารภกับคุณสะอาด และคุณมะลิ ธรรมสโรช ทั้งสองท่านได้มีจิตศรัทธาถวายเงินเพื่อสร้างเป็นโรงเรียนมัธยม ปัจจุบันโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง เปิดสอน ชั้น ม.๑ -ม.๖ และเป็นโรงเรียนศึกษาผู้ใหญ่ สังกัดกรมการศึกษานอก โรงเรียนกรุงเทพฯ
  • พ.ศ. ๒๕๑๘  ได้อนุเคราะห์ให้ใช้อาคารสุรินทรฦาชัย และสร้างโรงฝึกให้เป็น ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน วัดธาตุทอง ดำเนินการฝึกอาชีพให้กับเยาวชนเพื่อป้อนให้กับตลาดฝีมือแรงงาน ในสาขา ช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ช่างเชื่อมโลหะ แผ่น และช่างเครื่องทำความเย็น ปัจจุบันแบ่งการบริหารใหม่ตั้งให้มีฐานะเป็นกองขึ้นตรงกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
  • พ.ศ. ๒๕๒๔  ได้เห็นถึงความทุกข์ยากของผู้มีรายได้น้อย ที่ไม่สามารถส่งลูกๆ ได้เข้าเรียนในระดับ อนุบาล จึงเมตตาให้เปิดโรงเรียนอนุบาลวัดธาตุทอง โดยให้มูลนิธิวัดธาตุทองออกค่าใช้จ่ายแทนให้ทั้งหมด ปัจจุบันโรงเรียน อนุบาลวัดธาตุทอง เป็นโรงเรียนเอกชนการกุศลในพระพุทธศาสนา สังกัดสำนักงานคณะกรรม การการศึกษาเอกชน เปิดรับนักเรียนชั้นอนุบาล ๒ และ ๓ อายุ ๔ - ๖ ปี
  • จัดตั้งกองทุนเพื่อการศึกษา และมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน และนักศึกษาที่เรียนดี แต่ยากจน เป็นประจำทุกปี

๓. ด้านสาธารณะประโยชน์ ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ท่านได้สนับสนุน และส่งเสริมด้านการศึกษา ด้านการสาธารณะสุข และกิจกรรมเยาวชน ในวงกว้างดังนี้

  • พ.ศ. ๒๕๐๔  เปิดศูนย์เยาวชนวัดธาตุทอง บริเวณชั้นล่างโรงเรียนวัดธาตุทอง และลานจอดรถ       
  • พ.ศ. ๒๕๐๘   อนุญาตให้เทศบาลนครกรุงเทพ ใช้พื้นที่วัดสร้างอาคาร ๓ ชั้นสร้างเป็นศูนย์เยาวชนวัดธาตุทอง
  • พ.ศ. ๒๕๐๘ – ๒๕๑๐  ให้การสนับสนุนก่อสร้างอาคารเรียนให้กับประชาชนบ้านปักหลัก เขต พระโขนง กรุงเทพมหานคร จำนวน ๒ หลัง คืออาคารธาตุทอง ๑ และอาคารธาตุทอง ๒
  • พ.ศ.๒๕๐๙ ให้การสนับสนุนก่อสร้างอาคารเรียนให้กับวัดกระทุ่มเสือปลาเขตพระโขนงกรุงเทพมหานคร จำนวน ๑ หลัง คืออาคารธาตุทอง ๑
  • พ.ศ. ๒๕๑๑   สร้างศูนย์บริการสาธารณสุขที่ ๒๑ วัดธาตุทองให้บริการส่งเสริมสุขภาพป้องกัน และควบคุมโรค การรักษาพยาบาล และฟื้นฟูสมรรถ ภาพของผู้ป่วย มีคลินิกป้องกันและบำบัดยาเสพติด สถานรับเลี้ยง เด็กเล็ก และชมรมผู้สูงอายุ (ตั้งอยู่ ณ ศาลานาคปรก ในบริเวณวัดธาตุทอง)
  • พ.ศ.๒๕๒๑ สร้างอนามัยประจำตำบลสะแกลาดที่วัดบัวขวัญเขตลาดหลุมแก้วจังหวัดปทุมธานีเพื่อช่วยเหลือ ประชาชนที่ขัดสนและห่างไกล
  • บริจาคเงิน ๓ ล้านบาท ให้โรงพยาบาลปทุมเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาโรงพยาบาล
  • พ.ศ. ๒๕๓๘   มอบเงินให้มูลนิธิชัยพัฒนาเป็นเงิน ๕๐ ล้านบาท เพื่อตั้งเป็นกองทุนวัดธาตุทอง เพื่อมูลนิธิชัยพัฒนา
  • ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๕ - พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้จัดตั้งกองทุน"วัดธาตุทอง พ.ศ.๒๕๓๕" ให้แก่สภากาชาดไทย เพื่อบำเพ็ญกุศลสาธารณะประโยชน์โดยมียอดเงินบริจาคสะสมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๐๖ ล้าน ๓ แสน ๑ หมื่น ๓ พันบาท
  • บริจาคเงินเพื่อซื้อเครื่องตรวจขั้วประสาทตา และเครื่องตรวจวิเคราะห์รอยต้อกระจก ด้วยระบบคอมพิวเตอร์รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๘ ล้าน ๗ แสนบาท
  • ให้การสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมด้านวัฒนธรรม และประเพณี และการละเล่นพื้นบ้าน เพื่อสืบถอดเอกลักษณ์ของชาติ ในเทศกาลสงกรานต์ และงานประจำปีของทางวัดธาตุทอง และส่งเสริม ให้มีกิจกรรม สำหรับเยาวชน เช่น กีฬามวยไทย   นาฏศิลป์   ดนตรีไทย  วงโยธวาทิต ศิลปะหัถกรรม และคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ จนสามารถนำชื่อเสียงมาสู่โรงเรียน และครอบครัว

ตลอดชีวิตของท่านเจ้าคุญพระธรรมปาโมกข์ ท่านได้อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา และสาธารณะประโยชน์ โดยเล็งเห็นความมั่นคงด้านสุขภาพ พลานามัย ของประชาชน และการศึกษาของเยาวชน เพื่อให้ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ไม่หลงไปในอบายมุข ยาเสพติกและสังคมรอบด้านของยุควัตถุนิยม ในสังคมสมัยใหม่ จนลืมวัฒนธรรม ประเพณี อันดีงามของชาติไป ท่านได้ปฎิบัติตนให้เป็นตัวอย่างของสมณะผู้เสียสละ และไม่ยึดติดในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แก่พระภิกษุและสามเณร เป็นเวลายาวนานกว่า ๕๐ ปี

"เงินนี้ประชาชนให้เรามา เมื่อเราเหลือใช้จากการพัฒนาวัด เราก็คืนกลับไปสู่มือของประชาชน ในรูปของการพัฒนาประเทศ ถ้าเรายังมีชีวิตอยู่ เราก็จะทำต่อๆ ไป"

 

Aram Boy Group 2006