ตอน : ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
เกษรา

ฝ่ายศรีสุวรรณกับพราหมณ์ทั้งสาม เมื่อตื่นขึ้นมาไม่พบพระอภัยก็เที่ยวตามหา
เมื่อพบรอยเท้าผีเสื้อยักษ์ก็ตกใจ จนพราหมณ์ทั้งสามต้องช่วยกันปลอบโยน
 
๏ อันกำเนิดเกิดมาในหล้าโลก สุขกับโศกมิได้สิ้นอย่าสงสัย
ซึ่งเกิดเหตุเชษฐาเธอหายไป ก็ยังไม่รู้เห็นว่าเป็นตาย
ควรจะคิดติดตามแสวงหา แล่นนาวาไปในวนชลสาย
แม้นพระพี่มิม้วยชีวาวาย ก็ดีร้ายจะได้พบประสพกัน ๚

แล้วพราหมณ์โมราก็ผูกหญ้าฟางขึ้นเป็นสำเภา โดยพราหมณ์สานนชี้ทางให้ไปทิศอาคเนย์ แล้วทั้งหมดก็ลงเรือไป
 
๏ เป็นบุพเพสันนิวาสพาสนา กษัตราจะได้คู่ที่สู่สม
สำเภาน้อยลอยแล่นมาตามลม ลุอุดมรมจักรนัครา
ที่ตรงหน้าธานีนั้นมีเกาะ เรือจำเพาะเข้าออกตามซอกผา
เห็นหอคอยลอยลิ่วตรงทิวตา ก็รู้ว่าปากน้ำเป็นสำคัญ ๚

ศรีสุวรรณได้ปลอมตัวเป็นพราหมณ์เข้าเมืองรมจักร แล้ววันหนึ่งศรีสุวรรณก็ได้พบนางเกษรา ธิดากรุงรมจักร
ด้วยวันนั้นนางเกษราได้นั่งวอมาเก็บดอกไม้ ตามคำแนะนำของพระพี่เลี้ยง ซึ่งประสงค์จะให้ธิดาเจ้าเมืองได้พบกับชายรูปงาม
 
๏ พอเนตรน้องต้องเนตรหน่อกษัตริย์ หวนประหวัดหวาดจิตคิดสงสัย
องค์ระทวยขวยเขินสะเทิ้นใจ แฝงต้นไม้เมียงชม้อยคอยชายตา
ทั้งสี่นางต่างเมินทำเดินเฉย แกล้งแหงเงยดูดวงพวงบุปผา
พราหมณ์ทั้งสี่พี่เลี้ยงเมียงมองเห็นสองรา ต่างก็ว่าเข้าช่องแล้วน้องเรา ๚

รักแรกพบทำให้นางเกษราถึงกับลืมดอกไม้ที่เก็บไว้ ส่วนพราหมณ์ปลอมศรีสุวรรณก็คิดถึงนางจนนอนไม่หลับ
 
๏ มองดูเดือนเหมือนวงนลาฏน้อง ช่างผุดผ่องพาจิตพิสมัย
รื่นรื่นกลิ่นลำดวนรัญจวนใจ เหมือนเข้าใกล้กลิ่นนางเมื่อกลางวัน
๏ ให้เคลิบเคล้นเห็นเงาเสาตำหนัก ว่านงลักษณ์ลงขยับจะรับขวัญ
ไฉนน้องมองเมียงอยู่เพียงนั้น ขอเชิญขวัญเนตรนั่งบัลลังรัตน์ ๚

ทางฝ่ายเกษราเอง เมื่อกลับจากชมสวนก็เก็บตัวเงียบ แล้วพี่เลี้ยงทั้งสี่ก็หยอกเย้าและกล่าวเป็นเพลงขับกล่อมบรรทมว่า
 
๏ ว่าปางหลังยังมีเจ้าพราหมณ์น้อย โฉมแฉล้มแช่มช้อยดังเลขา
ทั้งผิวเหลืองเรืองรองดังทองทา เที่ยวเสาะหานุชนางมาทางไกล
เวลาค่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อย พ่อโฉมงามพราหมณ์น้อยจะนอนไหน
สตรีงามสามพบไม่สบใจ จะใคร่ได้ดอกฟ้าลงมาเชย ๚

รุ่งขึ้นเมื่อสี่พระพี่เลี้ยงมาที่สวนขวัญอีก ก็พบเพลงยาวซึ่งเขียนบนใบตองอ่อน
แซมด้วยดอกรักดอกโศก จากพราหมร์ปลอมศรีสุวรรณไปฝากพระธิดา
 
๏ พระว่าพลางทางตัดใบตองอ่อน มาเขียนกลอนกล่าวประโลมนางโฉมฉาย
จนลงเอยอ่านต้นไปชนปลาย ไม่คลาดคลายถูกถ้วนแล้วม้วนตอง
เอาโศกแซมแกมรักสลักหนาม เหมือนบอกความรักนางว่าหมางหมอง
พี่เลี้ยงรับพับใส่ไว่ในซอง แล้วว่าน้องหวังพี่เป็นที่อิง ๚
๏ ทุกวันนี้วันนี้มีผ้าจำเพราะผืน ถ้ากลางคืนหนาวได้แต่ไฟผิง
ถ้าแม้นหม่อมกรุณาเมตตาจริง ช่วยว่าวิงวอนทูลพระธิดา
ประทานสีที่ห่มมาชมสวน ควรมิควรขอประทานซึ่งโทษา
แล้วถอดธำมรงค์ครุฑบุษรา ฝากถวายพระธิดาวิลาวัณย์ ๚

เนื้อความในเพลงยาวก็เล่าถึงความจริง ว่าตนเป็นหน่อกษัตริย์จากกรุงรัตนา
แต่จำต้องรอนแรมมาถึงกรุงรมจักร คงเป็นเพราะบุญบันดาลให้ได้มา
จึงขอความปรานีจากพระธิดาได้เมตตามิให้ร่อนเร่พเนจรอีกดังนี้
 
๏ นางโฉมยงทรงหยิบใบตองอ่อน เห็นโศกซ้อนแกมรักสลักหนาม
ก็แจ้งจิตปริศนาปัญญาพราหมณ์ แกล้งนิ่งความคลี่สารออกอ่านพลัน
ในสารศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ บุรีรัตนามหาสวรรย์
สวาทหวังพระธิดาวิลาวัณย์ สู้เดินดั้นดงแดนแสนกันดาร
พยายามข้ามมหามหรรณนพ หวังประสบวรนุชสุดสงสาร
มาอาศัยในสวนอุทยาน บุญบันดาลดลจิตพระธิดา ๚

ช่วงนั้นท้าวอุเทนกษัตริย์เมืองชะวามาสู่ขอนางเกษรา แต่ท้าวทศวงศ์ไม่ยอมยกให้ เนื่องจากเป็นคนต่างชาติ
ท้าวอุเทนโกรธ จึงยกทัพมาตีเมืองรมจักร ศรีสุวรรณและพราหมณ์ทั้งสาม อาสาสู้ศึกได้ชัยชนะ
เมื่อเสร็จศึกรบแล้ว แต่ศึกในทรวงของศรีสุวรรณยังไม่สงบ ท้าวทศวงศ์ได้ประทานรางวัลให้ทหารหาญทั้งหลาย
โดยเฉพาะพราหมณ์ทั้งสี่ แต่เหล่าพราหมณ์ไม่ยอมรับ
 
๏ ขอคืนไว้ในท้องพระคลังหลวง ข้าทั้งปวงพี่น้องไม่ไต้องประสงค์
ซึ่งอาสามาประจญรณรงค์ หวังพระองค์ทรงฤทธิ์เหมือนบิดา ๚
๏ ด้วยท่องเที่ยวเปลี่ยวอกเหมือนนกไร้ ไม่มีไม้รวงรังเป็นฝั่งฝา
อันโฉมงามพราหมณ์น้อยผู้น้องยา ขอฝากไว้ใต้ฝ่าบาทบงส์ ๚

ท้าวทศวงศ์ได้ฟังดังนั้นว่าพราหมณ์ผู้กล้าคิดกระไรอยู่ แต่ยังไม่สนิทใจที่จะยกพระธิดาให้
ต่อมาพระธิดาก็ได้รับเพลงยาวเอ่ยคำลา จากพราหมณ์ปลอมศรีสุวรรณว่า
 
๏ โอ้อนาถวาสนาพี่หาไม่ จึงมิได้ชิดเชื้อแม่เนื้อหอม
เหมือนมดแดงแฝงพวงมะม่วงงอม เที่ยวไต่ตอมเต็มอยู่ไม่รู้รส
พี่รักเจ้าเอาชีวาเข้ามาแลก ช่วยรบแขกแตกทัพกลับไปหมด
มาอยู่วังตั้งเดือนดูเหมือนมด ละอายอดสูใจกระไรเลย ๚

เมื่อพระธิดาอ่านเพลงยาวจบก็ถึงกับเป็นลมแน่นิ่งไป หมอหลวงก็รักษาไม่ไหว ต้องตามพราหมณ์ทั้งสี่มารักษา
อาการของพระธิดาก็ดีขึ้นเป็นลำดับ ด้วยวิสัยทัศน์ของท้าวทศวงศ์และมเหสีก็พอจะเดาเหตุการณ์ได้
 
๏ ศรีสุวรรณมาค้างอยู่ปรางศ์มาศ ถ้าพลั้งพลาดก็จะพลอยให้ถอยศักดิ์
จงเสกสองครองกรุงบำรุงรัก ถ้าหน่วงหนักนานไปจะให้อาย ๚

จากนั้นก็มีพระราชพิธีราชาภิเษกและสยุมพร เจ้าฟ้าศรีสุวรรณและพระราชธิดาเกษรา
ขึ้นอย่างถูกต้องตามขัตติยประเพณีทุกประการ โดยมีสามพราหมณ์เป็นที่ปรึกษา
เมื่อถึงฤกษ์ส่งตัว พระมเหสีแห่งกรุงรมจักรได้สั่งสอนพระธิดาดังนี้
 
๏ อย่าถือองค์นงลักษณ์ว่าอัครเรศ แม่ดวงเนตรนึกว่าเหมือนทาสี
ต้องซื่อตรงจงรักด้วยพักดี ถึงราตรีกราบบาทอย่าขาดวัน ๚
๏ ถ้าเธอกริ้วแม่อย่าโกรธพิโรธตอบ ประณตนอบโอนอ่อนค่อยผ่อนผัน
อนึ่งเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล อย่าป้องกันหึงหวงให้ล่วงเกิน ๚
๏ เมื่อเธอทุกข์ปลุกให้พระทัยชื่น อย่าเริงรื่นเริศร้างทำห่างเหิน
ราชการภารธุระอย่าละเมิน จึงเจริญราศรีไม่มีมัว  ๚
๏ อันหญิงดีเพราะผลปรนนิบัติ รักษาสัตย์สู้ม้วยอยู่ด้วยผัว
ผัวยิ่งรักหนักหญิงก็ยิ่งกลัว อย่าถือตัวต่อชายจะหน่ายใจ
๏ คำของแม่แต่เท่านี้ก็ดีนัก บุรุษรักไม่มีที่สงสัย
ดึกอยู่แล้วแก้วตาจงคลาไคล แม่จะไปส่งเจ้าลำเพาพาล ๚