ผมขอเปิดใจกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น อาจจะยาว
แต่ขอให้อ่านกันทุกบรรทัดนะครับ |
 |
จากที่โพสไปแล้ว
ผมอาจจะเล่นลิ้น วกวนไปซักนิด
ทำให้มีคนที่คิดชั้นเดียวหลายท่านไม่เข้าใจ
เลยขอมาสรุปง่ายๆ
ตรงนี้อีกครั้ง
คนที่สงสัยและตามเรื่องชาวบ้านอยู่จะได้เข้าใจนะครับ
ผมดูอยู่นาน
เพราะอยากรู้นักว่า
มันจะมีซักกี่เรื่องและผู้โพสต้องการอะไรกันแน่
ก็มีสามเรื่องนะครับ
1.
เรื่องไปกิน แล้วไม่จ่าย 2. เรื่องยืมเงิน 3. เรื่องหยิบเสื้อผ้า
ที่บ้านโอมคุง (big dick) ไป
สามเรื่องนี้เท่านั้น
1.
เรื่องไปกินแล้วไม่จ่าย จริงๆ
น่าจะมีคนที่เคยไปกับผมพอจะมายืนยันได้ว่าผมก็แชร์ทุกครั้ง
คราวที่ไปมีตติ้งผมกินเบียร์ โดยคนอื่นไม่กิน
ผมก็จ่ายเฉพาะค่าเบียร์เพิ่มลงไป ครั้งอื่นที่ไปกับหมาน้อย หนุ่มพระกาฬ
หรือแม้แต่ครั้งที่ไปกับ ทูบี และโอมคุงเอง ถามได้ครับว่าผมจ่ายไหม
น้องบางคนไม่มีเงินก็ไม่ต้องจ่าย
ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ
ขอบอกว่ามีสองครั้งเท่านั้น
ที่ไม่ได้จ่ายคือครั้งที่ต่อจากมีตติ้งแล้วไปกินกันต่อ เงินหมดแล้วครับ
วานเฉลิมเป็นคนเคลียร์ไปก่อน
และก็กะว่าเมื่อเจอกันครั้งต่อไปก็ต้องคืนให้แน่ๆ
ในกรณีนี้ก็เกือยทุกคนที่ไปคืนนั้นก็ยังไม่มีโอกาสจ่ายคืนให้เหมือนกันครับ
อีกครั้งคือ
ไปเจอแต้วที่ ถ.ข้าวสาร ผมบอกแต้วแต่แรกแล้วครับ ว่าไม่มีเงิน
มีแค่ร้อยเดียว ที่แวะไปเพราะไปนั่งรอลุงเต้ย แต้วทราบดีว่าผมไม่มี
เพราะเธอยังยัดเยียดให้ผมขึ้นไปนวดแผนโบราณ
ผมปฎิเสธเธอก็ยืนยันว่าอยากให้ลอง จะออกเงินให้ หลังจากนั้น
ไปนั่งรอที่ร้านอาหาร ผมรู้ดีว่ามีเงินเท่าไหร่ จึงสั่งเฉพาะเครื่องดื่ม
แต่น้องเค้าสั่งอาหาร และเป็นผู้จ่าย ผมก็พูดไปด้วยความสัจย์จริงว่า
วันหน้าผมจะเลี้ยงตอบแทน
มีเท่านี้แน่นอนครับ
ส่วนที่ไปกับผู้ใหญ่ เช่นพี่จ่าศาล ลุงเต้ย แล้วลุงๆ แกเลี้ยง
ผมไม่พูดถึงครับ เพราะไปกันหลายคน และเมื่อวันไหนผมไม่มีเงิน
ผมยืนยันว่าไม่เคยชวนใครไปกินครับ
2. เรื่องยืมเงิน
ผมขอบอกเป็นคำตอบสุดท้ายตรงนี้ว่า ผมยืมเงินคน "ที่รู้จักในบอร์ด"
แค่สองคนเดียว ซึ่งผมถือเป็นผู้มีบุญคุณกับผม และภาวนาไม่ให้บุคคลทั้งสอง
เกี่ยวข้องรู้เห็นกับการโจมตีผมในครั้งนี้ ผมพยายามเบี่ยงเบนทีแรก
เพราะไม่อยากเอ่ยถึงคนที่เคยช่วยเหลือผม
และไม่อยากให้ใครมารู้เรื่องส่วนตัวผมมากๆ
แต่ตอนนี้ขอพูดเท่าที่จะพูดได้ครับ
ถ้าใครเจอผมตอนผมเล่นแรกๆ
จะทราบว่าผมเป็นคนกรุงเทพ แต่ไปทำธุรกิจที่นครสวรรค์ แต่ขาดทุนชิบหายวายวอด
เผอิญพ่อผมได้เคยเช่าที่ไว้ที่หนึ่งในนครสวรรค์และลงทุนทำเป็นตึกไว้ให้คนเช่าทำผับ
แต่เขาเลิกกิจการนั้นไปแล้ว
ผมจึงมาประกาศในบอร์ดว่าใครสนใจจะลงทุนกับผมบ้าง (บางคนน่าจะจำได้)
หลังจากที่โพสไป ก็ได้โทรคุยกับพี่จ่าศาลเป็นคนแรก
ตอนนั้นผมฟังว่าพี่เค้าก็สนใจ และผมเชื่อในความเป็นไปได้ของโครงการ
จึงเดินทางมากรุงเทพเพื่อนำเสนอโครงการ โดยที่ผม "ไม่เคย"
ปกปิดเลยครับว่าผมไม่มีทุนนะ มีแต่โครงการ จึงมีการนัดเจอกันครับ
และคุยถึงความเป็นไปได้ เท่านั้น
แต่มีคนที่รู้เพียงบางส่วน
เขียนเรื่องล้อเลียน ว่าผมมาขอเงินห้าแสน
และกล่าวหาว่าผมใช้บอร์ดมาหาผลประโยชน์ แต่พี่จ่าศาล
กับลุงเต้ยซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน น่าจะยืนยันได้ว่า
ทั้งหมดเป็นเพียงการคุยกัน จำนวนเงินที่เกิดขึ้น
ทุกคนเป็นคนประเมินว่ามันน่าจะใช้เงินเท่านี้
และสุดท้าย
โครงการนั้นก็ไม่ได้ทำครับ โดยที่ลุงเต้ยเพื่อนพี่จ่าศาล เสนอว่า
พี่เค้ามีงานจะให้ผมทำ ซึ่งผมฟังแล้วก็น่าสนใจครับ
จึงตัดสินใจไม่กลับนครสวรรค์ เพื่อเตรียมทำงานกับพี่เค้า
แน่นอนครับ
ช่วงนั้นผมไม่มีเงินเลย มีปัญหาทางการเงินอย่างมาก
ความสุขเดียวที่ผมมีตอนนั้นคือเล่นบอร์ด ผมพูดไม่อายเลยว่า
ทุกบาทที่ผมใช้ตอนนั้น มาจากพี่จ่าศาลและลุงเต้ยครับ
ทำไมผมถึงกล้าขอเงินเขา เพราะตอนนั้นพี่เค้าก้ยังยืนยันว่า
เค้าจะให้ผมทำงานด้วยแน่ๆ
และงานที่พี่เค้าเสนอพี่เค้าก็ยืนยันว่าจะทำรายได้มากมาย ผมจึงกล้ายืมเค้า
โดยที่มันเท่ากัยการ "เบิกเงินเดือนล่วงหน้า"
นั่นเอง
เท่าไหร่เหรอครับ ตอนนี้น่าจะเกินหมื่นครับ
แต่ผมได้พูดคุยกับพี่เค้าตลอด พี่จ่าศาลกับลุงเต้ยเป็นคนดีมากๆ
แกบอกเสมอว่าทุกบาทที่ให้ไปไม่เคยคิดจะได้คืน เพราะรู้ว่าผมลำบาก
ล่าสุดผมได้งานแล้ว พี่เค้าก็รู้ว่าผมยังไม่มีปัญญาคืน พี่เค้าบอกแค่ว่า
เห็นผมได้งานเค้าก็ดีใจ อยากให้ผมเลี้ยงตัวเองได้
ครับ
ตอนนี้ผมแค่พอเลี้ยงตัวเองได้เท่านั้นครับ
ที่ผมโพสในกระทู้แรกว่าใครให้ยืมมาก็โง่เอง
สาบานว่าไม่ได้หมายถึงพี่สองคนนี้แน่นอน เพราะผมโพสว่าถ้าให้ยืม
แล้วดันมาทวงในบอร์ดก็โง่เอง
เพราะผมเชื่อว่าไม่ใช่ฝีมือพี่เขาครับ
แต่ ครั้งที่เจอพี่จ่าศาล
และพี่เล็กครั้งแรก มีอีกคน ที่เมื่อพูดแล้วผมจำเป็นต้องพูดให้หมดครับ
ลุงเป็ด หรือที่เคยใช้ชื่อในบอร์ดว่า
fuckduck
ที่พูดถึงเพราะรู้ว่าลุงเป็ดมีส่วนอย่างยิ่ง
ที่ทำให้มีการพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
เพราะแกโกรธผม
แกมีความจำเป็นต้องโกรธครับ ผมเองก็เพิ่งมานึกทบทวน
ว่าแกเกลียดโกรธผมเรื่องอะไร คือครั้งแรกที่เจอกันนั้น
ผมไม่เคยเจอลุงเป็ดมาก่อน ส่วนพี่จ่าศาล
กับลุงเต้ยนั้นเราเจอกันหลายครั้งแล้ว
จนเราไม่ได้คิดว่าเราเป็นเพื่อนในบอร์ด
ลุงเป็ดไม่เห็นด้วยกับโครงการของผม
ทำให้ผมแสดงกริยามารยาทไม่ดีกับแก นั่นคือพูดอะไรหลายๆ
อย่างที่เหมือนว่าแกเสือก และดูถูกแก เหมือนกับว่า ถ้าลุงไม่มีเงินจะลงทุน
ลุงก็เงียบไปก่อน
ตอนนั้นผมยอมรับว่าคิดอย่างนั้นจริงๆ
เพราะลุงเป็ดพูดประโยคนึงที่ผมไม่ชอบ นั่นคือ ชโยดม เรายังอายุน้อย
เรายังมองอะไรไม่ขาด
ลุงผ่านอะไรมาเยอะกว่า....
ที่ลุงแกพูดอาจจะจริงครับ แต่ตอนนั้น
ผมมีแต่ไฟ และความพยายามดิ้นรน
เพื่อเอาชีวิตรอด
ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดประโยชน์อะไรหรือไม่
ผมขอกราบขอโทษลุงเป็ด มา ณ ตรงนี้ ด้วยความจริงใจ และตลอดเวลาผมยืนยันว่า
เคารพลุงเป็ดมาตลอด ไม่เคยรู้ตัวว่าเคยทำให้ลุงโกรธ
และลุงมองผมอย่างไร
ดังนั้นเมื่อเรื่องเป็นอย่างนี้ และมาโยงกับ
ลุงเป็ด และหลายๆ คนรู้แค่ว่า หลังจากวันนั้น ผมยังมีมาขอเงินพี่จ่าศาล
กับลุงเต้ยอีก จึงกลายเป็นความเข้าใจว่าผมหลอกลวง ประมาณว่า ไม่ได้นั่น
ก็เอานี่แทน แต่เหตุผลผมก็ได้พูดไปตอนต้นแล้วนะครับ
ส่วนคนอื่นๆ
ในบอร์ดนั้น ผมไม่เคยรับเงินใครซักบาทเดียว คนที่เคยเจอผม น่าจะรู้ดี
รู้อยู่แก่ใจ
3. เรื่องสุดท้าย คือเรื่อง
เอาเสื้อผ้าและรองเท้าไปจากบ้านโอมคุง
ผมไม่แก้ตัวอะไรทั้งสิ้นครับ
บอกตรงนี้เลยว่าเอาไปจริง
แต่ผมเชื่ออยู่อย่างว่า
ถ้าไม่มีเรื่องอื่นๆ มาเสริม เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องด่ากันธรรมดา
ไอ้เหี้ย มึงเสือกเอาของกูไปได้ไงวะ
ไม่บอกก่อน
เรื่องจริงเป็นอย่างที่ผมบอกเดวิลครับ
วันนั้นทุกคนเมาแฮงค์
ผมตื่นเป็นคนสุดท้าย โดยไม่คิดว่าจะตื่นเอาบ่ายขนาดนั้น
เพราะผมจำเป็นต้องไปต่างจังหวัดจริงๆครับ
โอมคุง ไม่อยู่ ผมหาไม่เจอ
ไม่ทราบไปไหน ผมมารู้ทีหลังว่าน้องมันไปหลับอยู่อีกห้อง
ผมจึงถือวิสาสะยืมเสื้อ กางเกง และรองเท้าใส่ออกมา
โดนตั้งใจจะโทรบอก
มาถึงตรงนี้ใครจะว่าผมผิด
ผมก็ยอมรับผิดครับที่ถือวิสาสะ
เพราะผมก็เห็นว่าคนเราไว้ใจกันขนาดปล่อยผมอยู่ในบ้านคนเดียวได้
และถ้าผมคิดจะขโมยของจริงๆ
ตอนนั้นของมีค่าทั้งหมดอยู่ในบ้านครับ
ส่วนสาเหตุ
ที่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้คืน อย่างแรกบอกก่อนว่า หลังจากที่เอาของมาแล้ว
ผมมารู้อีกทีว่าผมไม่มีเบอร์โอมคุง เบอร์ที่จดมามีแต่ของ คนชื่อทูบี
ผมพยายามถามหาเบอร์จากคนที่ไปด้วยคือหนุ่มพระกาฬ
ข้อนี้หนุ่มพระกาฬจะยืนยันได้ว่าผมพยายามติดต่อแล้ว และไม่ได้ปิดบังใคร
เพราะผมก็บอกหนุ่มว่าผมเองก็ไม่สบายใจ
หลังจากนั้นผมได้ไปหาที่บ้านโอมคุงครั้งหนึ่ง
แต่ไม่มีคนอยู่
และผมก็ยังไม่ได้ไปอีก
เพราะเชื่อว่ายังไงก็ต้องเจอกันอีก ผมเจอโอมคุงในเพิร์ซ
ผมพยายามถามว่าเขาซีเรียสไหม ผมจะได้ไปคืน แต่น้องเค้าบอกว่าไม่ซีเรียส
เค้าอาจซีเรียสจริงไม่จริงก็แล้วแต่
แต่เมื่อผมเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงผมจึงคิดว่าเจอกันเมื่อไหร่ก็คืนเมื่อนั้นเท่านั้นครับ
ข้อนี้เป็นข้อเดียวที่ผมยอมรับว่าผิด อย่างสุจริตใจ
และสาบานว่าไม่ได้อยากได้ของๆ
ใครครับ
ท้ายสุดนี้
ผมย้ำว่าผมขออภัยลุงเป็ด
และย้ำว่า
ผมไม่เชื่อว่าพี่จ่าศาล กับพี่เต้ย เป็นคนเริ่มเรื่อง
และ
ผมไม่โกรธเดวิล เพราะเดวิลรับรู้ข้อมูลมาอย่างนั้นจริงๆ ข้อนี้
ผมพูดจากใจจริง ชื่นชมคุณเสมอ เพราะเข้าใจในความคิดของคุณ
ที่ผมบ่ายเบี่ยงมาตลอด เพราะผมมั่นใจว่า ผมไม่ได้ทำให้เดวิล
และคนอื่นๆ เดือดร้อน และผมก็ไม่อยากพูดเรื่องที่ผมพูดข้างบนนี้เลย
เพราะมีหลายคนที่ผมต้องพูดชื่อถึง ทั้งๆ
ที่เขาไม่เกี่ยวข้อง
ผมเองอาจจะไม่ใช่คนดีอะไรนักหนา
แต่ไม่คิดจะหลอกลวงใครแน่นอนครับ ผมพูดเสมอว่า ไม่มีใครหลอกใครได้หรอก
เพราะทุกเรื่องมันล้วนมีที่มาที่ไป
กว่าใครจะควักกระเป๋าออกมาได้
และ ผมขอโทษเดวิล และเพื่อนๆ คนอื่นๆ
ถ้ามันทำให้ไม่สบายใจกัน และย้ำให้เพื่อนๆ ในบอร์ดทราบว่า
ที่ผมพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริงร้อยเปอร์เซนต์ เป็นเรื่องส่วนตัวของผม
เป็นปัญหาของผม จริงๆ
และถ้ายังมีอะไรนอกเหนือไปจากนี้อีก
สิ่งเดียวที่ผมจะพูดตอนนี้คือ ถ้าผมได้ไปทำอะไรให้ใครรู้สึกไม่ดี
ผมขอโทษครับ
และได้โปรดอย่าคิดว่าทั้งหมดข้างบนเป็นการแก้ตัวเลยครับ
ผลประโยชน์เดียวที่ผมมาหาจากบอร์ดคือความสบายใจ
ในขณะทีผมกำลังพยายามทำงาน ที่เพิ่งได้ทำให้มันดี
ผมก็ได้กำลังใจจากบอร์ด
ขอบคุณที่รับฟัง และขอบคุณบอร์ดหลุดโลกครับ
|
โดยคุณ
: ชโยดม - [ 16 ก.ย. 44 - 17:56:27 น.
] | |