1. ชื่อโครงการ
โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ
การพัฒนาเว็บไซต์เพื่อ E-commerce
สำหรับอาจารย์ผู้สอนด้านบริหารธุรกิจ
การตลาด
สังกัดสำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ
2. หลักการและเหตุผล
การจัดการเรียนการสอนในปัจจุบัน ได้พยายามที่จะพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนให้มีความสำคัญมากยิ่งขึ้น โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งมีลักษณะดังนี้ มุ่งประโยชน์สูงสุดแก่ ผู้เรียน ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ ผู้เรียนมีทักษะในการแสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย ผู้เรียนสามารถนำวิธีการเรียนรู้ไปใช้ในชีวิตจริงได้ ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนเพื่อพัฒนาผู้เรียน (คณะอนุกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้, 2543 : 21)
แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540-2544) ได้กำหนดให้มีแผนงานหลักในการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โดยการเตรียมคนให้มีลักษณะ "มองกว้าง คิดไกล ใฝ่รู้" และได้กำหนดให้มีการปรับปรุงการจัดกระบวนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ โดยให้การเรียนการสอนให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เน้นกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบและมีเหตุผลมุ่งให้ผู้เรียนรักการเรียนรู้ รู้จักคิดวิเคราะห์ นอกจากนั้นยังกำหนดให้ผลิตและพัฒนาสื่อ อุปกรณ์การเรียนการสอน ตลอดจนจัดให้มีสื่อ และอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างเพียงพอ ควรจัดหาอุปกรณ์ ครุภัณฑ์ รวมทั้งซอฟต์แวร์สำหรับการดำเนินงานด้านสารสนเทศ เพื่อการศึกษาอย่างเพียงพอแก่สถานศึกษา โดยคำนึงถึงความพร้อมของบุคลากรเพื่อให้การใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนั้นยังกำหนดให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนส่งเสริมการสร้างสรรค์และพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อการศึกษา เช่น การพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อคอมพิวเตอร์ รวมทั้งสื่อผสม (multimedia) ที่ผู้เรียนเข้าถึงบริการได้ง่ายทั้งในรูปแบบ การซื้อ การใช้ เช่น การส่งผ่านเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อกระตุ้นการเรียนให้สนุก หลากหลาย และกว้างขวาง (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. 2540 : 71)
รัฐบาลเองก็ให้การสนับสนุนการศึกษา โดยรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กำหนดไว้ในมาตรา 43 ว่าบุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่าง ทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 : 13) ทำให้ประชาชนเริ่มส่งลูกหลานเข้าสู่ระบบการศึกษามากขึ้น นอกจากนี้ยังมีกองทุนกู้ยืมเงินให้กับนักเรียนนักศึกษาที่ศึกษาในระดับมัธยมศึกษา และระดับปริญญาตรี จากโครงการดังกล่าวสร้างให้เกิดการเข้าสู่ระบบการศึกษามากยิ่งขึ้น การศึกษาของประชาชนเริ่มสูงขึ้น เกิดสภาพปัญหาการแข่งขันกันเข้าสู่มหาวิทยาลัยที่มีอยู่อย่างจำกัด ดังจะเห็นได้จากจำนวนนิสิตเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าในรอบ 3 ทศวรรษ จากจำนวนไม่ถึงหนึ่งแสนคนในปี 2515 มาเป็นกว่า 1 ล้านคนในปี 2541 เป็นความสำเร็จของการขยายการศึกษาระดับมัธยม (อมรวิชช์ นาครทรรพ. 2542 : 1-9) โดยรัฐไม่ได้คิดถึงแผนในการให้การสนับสนุนการศึกษาในระดับอุดมศึกษา การเปิดรับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยปิดของรัฐเป็นไปได้อย่างจำกัด แม้จะมีการปรับนโยบายรับรอบสองของมหาวิทยาลัย ก็ไม่เพียงพอกับความต้องการของนักเรียน นักศึกษาที่มีจำนวนมากได้
สถาบันราชภัฏมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาของชาติ เพราะเป็นแหล่งผลิตกำลังคนในระดับอุดมศึกษาส่วนใหญ่ของประเทศ และเป็นสถาบันที่เสริมสร้างความเสมอภาคในโอกาสทางการศึกษาให้กับสังคมไทย เนื่องด้วยเป็นสถาบันที่ทำหน้าที่มา ยาวนานกว่า 100 ปี มีจำนวนถึง 36 แห่งกระจายครอบคลุมทั่วประเทศ ได้ผลิตบัณฑิตให้กับสังคมมาแล้วในช่วง 10 ปี มากกว่า 4 แสนคน ปัจจุบันสถาบันราชภัฏมีนักศึกษาเฉพาะในระบบปกติ เป็นจำนวนถึง 154,016 คน ซึ่งใกล้เคียงกับจำนวนนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาแบบจำกัดรับของรัฐทั้งหมดรวมกัน (176,066 คน) (สำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ. 2541 : 2)
ปัจจุบันกระแสความต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกภูมิภาคอันเป็นผลมาจากความต้องการแรงงานมีฝีมือ และกำลังคนวิชาชีพต่าง ๆ เมื่อประกอบกับนโยบายขยายโอกาสทางการศึกษาของรัฐ จึงมีผลให้อัตราการเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาสูงขึ้น และส่งผลต่อเนื่องให้จำนวนผู้ประสงค์เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาสูงขึ้นตามมาด้วย โดยเฉพาะสถาบันราชภัฏ จำนวนผู้สมัครเรียนได้เพิ่มมากขึ้นทุกปี จากจำนวน 50,076 คน ในปีการศึกษา 2535 เป็นจำนวนกว่า 1.66 แสนคนในปีการศึกษา 2541
จากกระแสแรงกดดันของความต้องการศึกษาต่อในสถาบันราชภัฏ สถานการณ์ความต้องการกำลังคนในตลาดแรงงานที่เพิ่มขึ้น ผนวกกับปรัชญาการเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มุ่งสนองความต้องการของท้องถิ่น สถาบันราชภัฏจึงได้รับนักศึกษาเพิ่มขึ้น จากเป้าหมายเดิม ที่กำหนดไว้ในแผนโดยตลอดช่วงแผนพัฒนาการศึกษาระยะที่ 7 ได้รับนักศึกษาภาคปกติไว้ถึง 184,421 คน ขณะที่เป้าหมายในแผนฯกำหนดไว้เพียง 100,000 คน และใน 2 ปีแรกของแผนพัฒนาการศึกษาระยะที่ 8 ได้รับนักศึกษาเกินแผนไปแล้ว 34,816 คน อย่างไรก็ตามแม้สถาบันราชภัฏได้รับนักศึกษาเพิ่มอย่างมากมาโดยตลอด แต่ในช่วงที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนจากรัฐ โดยเฉพาะด้านงบประมาณและอัตรากำลังอย่างจำกัด เมื่อเทียบกับจำนวนนักศึกษาที่รับผิดชอบ จึงส่งผลกระทบต่อการบริหารและจัดการศึกษาของสถาบันราชภัฏทุกด้านทั้งระบบ จากสภาพปัญหาทำให้สถาบันราชภัฏ ไม่อาจตอบสนองความต้องการของผู้ประสงค์จะเข้าเรียนได้ทั้งหมด (สำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ. 2541 : 2)
ภารกิจหลักของสถาบันราชภัฏในพระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ นั้นเขียนไว้ชัดเจนว่า "ให้สถาบันราชภัฏเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น" ดังนั้นเพื่อให้การปลุกจิตสำนึกการเรียนรู้ของผู้คนในแผ่นดิน สถาบันราชภัฏจะต้องเป็นหน่วยงานสำคัญในการสร้างกระบวนการเรียนรู้สู่ประชาชน ในการดำเนินงานสร้างกระบวนการเรียนรู้สู่ประชาชนนั้นมียุทธศาสตร์หลัก ๆ อยู่ 2 ประการคือ ปลุกจิตสำนึกสถาบัน และการสร้างสรรค์กลไกการพัฒนา (ทองคูณ หงส์พันธุ์. 2542 : 7)
นอกจากนี้ภารกิจของราชภัฏในฐานะที่เป็นสถาบันอุดมศึกษา เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นมีภารกิจที่สำคัญคือ การให้การศึกษาวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง ทำการวิจัย ให้การบริการทางวิชาการแก่สังคม ปรับปรุง ถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยี ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ผลิตครูและส่งเสริมวิทยฐานะครู
ภารกิจของสถาบันราชภัฏในฐานะที่เป็นเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น อยู่ใกล้ชิดกับชุมชนเปรียบดัง "มหาวิทยาลัยมหาชน" เป็นส่วนเติมเต็มโอกาสเพื่อการศึกษาให้แก่ ผู้ด้อยโอกาสทั้งหลายที่สนใจใคร่ศึกษาระดับดับอุดมศึกษาที่อยู่ในพื้นที่บริการ เพราะเจตนาเพื่อให้โอกาสดังกล่าวนั้น จึงทำให้ผู้ด้อยโอกาสทั้งหลายที่อยู่ในภูมิภาคที่มีฐานะปานกลางและยากจนสามารถเข้าศึกษาได้ ขยายโอกาสให้กับให้กับประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ที่กระจายอยู่ทุกภูมิภาค(นิเชต สุนทรพิทักษ์. 2542 : 5 - 6)
วัตถุประสงค์ของการปฏิรูปการเรียนการสอนประการหนึ่งคือ เพื่อพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนที่เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ และเพื่อพัฒนาเครือข่ายการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการฝึกหัดครู ให้เปิดกว้างสู่ชุมชน ขยายความร่วมมือระหว่างสถาบัน ขยายแหล่งเรียนรู้ แหล่งวิทยาการ และแหล่งฝึกประสบการณ์อย่างกว้างขวาง (กองส่งเสริมวิทยฐานะครู. 2540)
การปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมการเรียนรู้ยุคโลกาภิวัตน์ สาระความรู้ต่าง ๆ เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ผู้เรียนทุกวัยจึงต้องมีโอกาสเรียนรู้จากแหล่งความรู้ที่มีอยู่รอบตัว ทั้งจากครูคน ครูเครื่อง และครูธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ผู้เรียนต้องมีความคล่องแคล่วในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นประตูที่จะเปิดออกไปสู่โลกกว้างเพื่อเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ และรู้จักสังเคราะห์ข้อมูลข่าวสารเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับชีวิตของตน ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ (คณะอนุกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้, 2543 : 21)
จากการพัฒนาการศึกษาในยุคโลกาภิวัตน์
การเรียนการสอนในสถาบันราชภัฏควรเปลี่ยนแปลงไปในวิถีการเรียนรู้
เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างเข้มข้น
ประเทศต่าง ๆ
รวมทั้งประเทศไทย
ต่างหันมาให้ความสนใจในการพัฒนาการเรียนการสอนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
"Internet" มากขึ้น
หลายสถาบันใช้การเรียนการสอนผ่านดาวเทียม
การเรียนการสอนหลายสาขา
นำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ "Multimedia"
มาใช้ช่วยสอนอย่างจริงจัง
มีห้องสมุดเสมือน (Virtual Library หรือ
Electronic Library หรือ Virtual School) เกิดขึ้นในระบบการศึกษา
โดยคนเรียนที่ไหนก็ได้ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน
ที่ทำงานโดยอาศัยการเชื่อมโยงเรียนรู้หาข้อมูลจากฐานข้อมูล
หาครูหรือ Tutor จากเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หรือฟังคำบรรยายผ่านระบบ
โทรคมนาคม
ทำให้คนเราสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง
ซึ่งต่างไปจากระบบเดิม
ทำให้วิถีการเรียนรู้ของคนเปลี่ยนไป
ทำให้การศึกษาไม่ถูกจำกัดด้วยเวลาและสถานที่
โดยทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะเลือกเรียนรู้จากที่ใดในเวลาใดก็ได้
(กองส่งเสริมวิทยฐานะครู.
2540 : 61-62)
สำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ ได้จัดทำเกณฑ์ที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนไว้ดังนี้คือ วิธีการเรียนรู้ โดยมีเกณฑ์ว่าผู้เรียนต้องเป็นคนสร้างความรู้ด้วยตนเอง ต้องลงมือปฏิบัติจริงอย่างเต็มใจด้วยการคิด การสร้าง การค้นพบ จนเกิดผลงานที่เป็นรูปธรรม และตรวจสอบได้ พฤติกรรมการสอนของครูอาจารย์ โดยมีเกณฑ์ว่าครูต้องกำหนดให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ครู อาจารย์เป็นเพียงผู้สนับสนุน ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้สร้างความรู้ของ ผู้เรียนเองจากข้อมูลข่าวสาร จากวัสดุการเรียนรู้ จากสื่อนวัตกรรม จากสถานการณ์ที่ความรู้ของผู้เรียนเองจากข้อมูลข่าวสาร จากวัสดุการเรียนรู้ จากสื่อนวัตกรรม จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและมีอยู่จริงในสภาพจริง ครู อาจารย์เป็นเพียงผู้นำผู้เรียนเข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสาร หรือนำแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้มาให้ผู้เรียนได้คิด ได้สร้าง และได้ค้นพบสิ่งที่ผู้เรียนอยากรู้ ด้านวัสดุการเรียนรู้ โดยมีเกณฑ์ว่าต้องจัดหาวัสดุการเรียนรู้ (Learning Materials) ที่ดีมีประสิทธิภาพและมีปริมาณเพียงพอที่จะให้ผู้เรียนได้นำมาสร้างความรู้ของตนเองให้มาก วัสดุการเรียนรู้ที่ดีมีคุณภาพและประสิทธิภาพจะได้มาจากการศึกษาวิจัย และสร้างสรรค์ให้สอดคล้องและเหมาะสมกับการเรียนรู้ที่ดีของผู้เรียน ด้านบรรยากาศและสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ดี โดยมีเกณฑ์ว่า ผู้เรียน จะต้องมีทางเลือกในการสร้างความรู้อย่างมากมาย ต้องมีความหลากหลายของทักษะและรูปแบบซึ่งหมายถึงการมีบุคคลที่มีทักษะแตกต่างกันหลายระดับ ตั้งแต่รู้น้อยจนถึงรู้มาก หรือบุคคลที่มีอายุแตกต่างกันอยู่ในกลุ่มเดียวกันต้องมีความเป็นกันเอง โดยมีความเป็นกัลยาณมิตร มีความรู้สึกเป็นอิสระ และเป็นสุขในการคิด การสร้าง และการค้นพบความรู้ ด้านการมีส่วนร่วมและใช้ระบบในการบริหารจัดการ โดยมีเกณฑ์ว่าต้องเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย (Stakeholder) ในการเรียนการสอนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาการเรียนการสอนด้วยการให้ผู้เรียน ครู ผู้ปกครอง และสังคมผู้ใช้ผลผลิตได้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดหลักสูตร กระบวนการเรียนการสอน และการวัดประเมินผลที่สอดคล้องกับสภาพชีวิตจริงทุกขั้นตอน (พลสัณห์ โพธิ์ศรีทอง. 2541 : 3)
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้ให้ความสำคัญกับสื่อเพื่อการศึกษา โดยได้กำหนดไว้ในหมวด 9 เทคโนโลยีการศึกษา มาตรา 64 รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิต และพัฒนาแบบเรียนตำรา หนังสือทางวิชาการ สื่อสิ่งพิมพ์อื่น วัสดุอุปกรณ์ และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอื่น โดยเร่งรัดพัฒนาขีดความสามารถในการผลิต จัดให้มีเงินสนับสนุนการผลิตและมีการให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิต จัดให้มีเงินสนับสนุนการผลิต และมีแรงจูงใจแก่ผู้ผลิต และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา โดยเปิดให้มีการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม มาตรา 67 รัฐต้องส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาการผลิต และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา รวมทั้งการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อให้เกิดการใช้ที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับกระบวนการเรียนรู้ของคนไทย
การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นับว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมาก
ต่อการทำธุรกิจค้าขายในโลกปัจจุบัน
ซึ่งจะเป็นทั้งประโยชน์โดยตรง
ต่อการดำเนินการภายในบริษัทและเป็นโอกาสทางการตลาดของบริษัทอีกด้วย
นอกจากนี้
ปัจจุบันยังมีเทคโนโลยีของอินเทอร์เน็ต
เป็นสื่อที่ทำให้คนทั่วไปรู้จักพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อย่างแพร่หลาย
จนทำให้หลายคนเข้าใจว่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับอินเทอร์เน็ต
คอมเมิร์ซเป็นสิ่งเดียวกัน
ทั้งๆ ที่อินเทอร์เน็ตคอมเมิร์ซเป็นเพียงวิธีการหนึ่งของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตามการทำอินเทอร์เน็ตคอมเมิร์ซนับว่าเป็นแนวโน้มที่มาแรงและยังคงจะเติบโตต่อไปในอนาคตได้อีกมาก
ซึ่งภาครัฐและเอกชนใน
ต่างประเทศ
โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างมาก
ในขณะที่ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงของการเริ่มต้น
เท่านั้น
ซึ่งเราควรจะเร่งรีบพัฒนาทั้งบุคลากรและระบบต่างๆ
ที่จะมารองรับการทำอินเทอร์เน็ตคอมเมิร์ซเพื่อจะได้ไม่พลาดโอกาส
ทางการตลาดที่น่าไขว่คว้านี้นั่นเอง
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า
การเรียนรู้ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ.
2542
นั้นได้เน้นผู้เรียนสำคัญที่สุด
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนต้องเอื้อต่อผู้เรียนให้ผู้เรียนได้พัฒนาศักยภาพ
และก้าวเท่าทันกับวิทยาการที่เปลี่ยนแปลงไป
เพื่อให้ผู้เรียนมีศักยภาพ
และเป็นบัณฑิตออกไปรับใช้สังคมได้อย่างมีคุณภาพต่อไป
ปัจจัยที่จะสร้างให้บัณฑิตมีคุณภาพได้คืออาจารย์ผู้สอน
ที่จะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการสอน
และต้องเรียนรู้ให้เท่าทันกับเทคโนโลยี
สารสนเทศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะอาจารย์ผู้สอนด้านการตลาดของสถาบัน
ราชภัฏ
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษา
เรียนรู้ เกี่ยวกับการการค้า-ขายสินค้าออนไลน์
หรือการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
(E-commerce) ที่นับวันจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น
และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน
เพื่อให้เกิดการปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และสามารถที่จะสร้างตลาดออนไลน์
ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่ติดต่อกับทั่วโลกได้
ถือเป็นโอกาสให้กับนักศึกษาได้เรียนรู้
และพัฒนาเว็บไซต์เพื่อการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ของแต่ละสถาบันต่อไป
3.
วัตถุประสงค์
3.1
เพื่อจัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
(E-commerce) สำหรับอาจารย์ผู้สอนโปรแกรมวิชาการตลาด
สังกัดสำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ
3.2
เพื่อให้อาจารย์ผู้สอนด้านการตลาด
มีความรู้ ความเข้าใจ
และสามารถทำการซื้อ -
ขาย ออนไลน์ได้
เพื่อนำไปถ่ายทอดให้กับนักศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.3
เพื่อให้นักศึกษาได้ความรู้
ประสบการณ์จากอาจารย์ผู้สอน
และสามารถสร้างมูลค่าให้กับเว็บไซต์ของแต่ละสถาบันได้
3.4
เพื่อสนับสนุนนโยบายการปฏิรูปการเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนเป็นสำคัญ
สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ปี พ.ศ.
2542
4.
เป้าหมาย
1.
อาจารย์ผู้สอนสังกัดสำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ
จำนวน 36
แห่งมีความรู้
ความสามารถด้าน E-commerce
ได้เป็นอย่างดี
2.
โปรแกรมวิชาการตลาด
ของแต่ละสถาบันราชภัฏ
มีเว็บไซต์เพื่อการค้าอิเล็กทรอนิกส์
และสามารถสร้างมูลค่าให้กับเว็บไซต์ได้
3.
นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติการด้านการค้าอิเล็กทรอนิกส์
และสามารถ บริหาร
จัดการเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.
นักศึกษามีเวทีในการฝึกทักษะวิชาชีพด้านการขายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์
(E-commerce)
5.
แนวทางและขั้นตอนการดำเนินงาน
1.
ศึกษาสภาพปัญหาการเรียนการสอนในยุคการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีสารสนเทศ
2.
ศึกษานโยบายการปฏิรูปการเรียนรู้
และหาแนวทางที่จะปฏิบัติให้สอดคล้องกับการปฏิรูปการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
3.
ศึกษาปัญหาการเรียนการสอนด้านการตลาดในสถาบันราชภัฏ
4
เขียนโครงการ
5.
เสนอโครงการ
6.
ดำเนินงานตามโครงการ
7
ออกหนังสือเชิญอาจารย์ผู้สอนด้านการตลาดทั้ง
36 แห่ง
8
ติดต่อวิทยากร
จัดหลักสูตรการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ
9
ดำเนินการจัดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ
10.
ประเมินผลการจัดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ
และสรุปผลงาน
6.
กิจกรรมการดำเนินงานและระยะเวลาปฏิบัติการ
ลำดับที่ |
กิจกรรม |
ระยะเวลา
พ.ศ.
2543-2544 |
|||||||||||
|
|
ตค |
พย |
ธค |
มค |
กพ |
มีค |
มย |
พค |
มิย |
กค |
สค |
กย |
1.
|
ศึกษาสภาพปัญหาการเรียนการสอน |
** |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
2.
|
ศึกษานโยบายการปฏิรูปการเรียนรู้ |
** |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
3. |
ศึกษาปัญหาด้านการเรียนการสอนด้านการตลาด |
** |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
4. |
เขียนโครงการ |
** |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
5. |
เสนอโครงการ |
** |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
6. |
เชิญวิทยากร |
|
|
** |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
7. |
เชิญอาจารย์เข้าร่วมประชุมสัมมนา |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
7. |
ดำเนินการจัดประชุมสัมมนา |
|
|
|
|
|
|
** |
|
|
|
|
|
8. |
ประเมินผลการจัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ |
|
|
|
|
|
|
|
** |
|
|
|
|
9. |
เผยแพร่ |
|
|
|
|
|
|
|
|
** |
** |
** |
** |
7.
ระยะเวลาดำเนินการ
ตั้งแต่ กันยายน พ.ศ.
2543 กันยายน 2544
การจัดประชุมเชิงปฏิบัติในครั้งนี้
จำนวน 5 วัน
คือในวันที่ 30 เมษายน 2544
ถึงวันที่ 4 พฤษภาคม
2544 ณ ห้องประชุม 2
และศูนย์คอมพิวเตอร์
สถาบันราชภัฏอุดรธานี
8.
งบประมาณ
ค่าตอบแทน
1.
ค่าตอบแทนวิทยากร
จำนวน 5
วัน จำนวน 40
ชม.
เป็นเงิน
20,000 บาท
2.
ค่าตอบแทนนักศึกษาช่วยงาน
5 วัน
จำนวน
6
คน
เป็นเงิน
2,700
บาท
3.
ค่าปฏิบัติการนอกเวลา
จำนวน 20
วัน 11
คน เป็นเงิน
19,800
บาท
4.
ค่าพาหนะเดินทางวิทยากร
กรุงเทพฯ-อุดร
6,500 บาท
ค่าใช้สอย
1.
ค่าเอกสารจัดการประชุมสัมมนา
จำนวน
30,000
บาท
2.
ค่าอาหารว่างและอาหารกลางวัน
จำนวน
80
คน 5 วัน เป็นเงิน
32,000
บาท
3. ค่างานเลี้ยงรับรอง จำนวน
80 คน เป็นเงิน
8,000 บาท
4.
ค่าห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
จำนวน 3
วัน
7,200
บาท
5.
ค่าจัดพิมพ์เอกสารสรุปผลการประชุมสัมมนาจำนวน
100 ชุด
20,000 บาท
6. ค่าจัดป้ายนิเทศก์แนะนำโปรแกรมวิชา,
มูลนิธิ เป็นเงิน
6,100 บาท
รวมงบประมาณทั้งสิ้น
152,300 บาท
9.
การประเมินผล
ประเมินผลจากการจัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ
แบบสอบถาม สังเกต
สัมภาษณ์
อาจารย์ผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนาในครั้งนี้
และติดตามผลจากโฮมเพจที่อาจารย์ผู้เข้าร่วมสัมมนาจัดทำขึ้น
10.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.
อาจารย์ผู้สอนด้านการตลาดของสถาบันราชภัฏ
มีความรู้
ความสามารถด้านการค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เป็นอย่างดี
2.
สามารถพัฒนาเว็บไซต์เพื่อการค้าอิเล็กทรอนิกส์ของแต่ละสถาบันได้
3.
สถาบันราชภัฏมีเว็บไซต์เพื่อการค้าอิเล็กทรอนิกส์
และสามารถทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ตได้
4.
อาจารย์แต่ละสถาบันนำความรู้ไปถ่ายทอดให้กับนักศึกษาได้นำความรู้
ไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพด้าน
E-commerce ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.
สำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ
ได้สนองตอบนโยบายการปฏิรูปการเรียนรู้โดยผู้เรียนเป็นสำคัญ
และสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ.
2542
6 นักศึกษามีแหล่งฝึกประสบการณ์วิชาชีพออนไลน์
ในการทำธุรกรรมด้านอินเทอร์เน็ตได้
และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพต่อไป
11.
ผู้รับผิดชอบโครงการ
โปรแกรมวิชาบริหารธุรกิจ
(การตลาด)
วิทยาการจัดการ
สถาบันราชภัฏอุดรธานี
1.
ดร.ณัติเทพ
พิทักษานุรัตน์
ประธานดำเนินงาน
2. อาจารย์เอื้องไพร
พรหมสาขา ณ สกลนคร รองประธาน
3. ผศ.สุวิมล พิสัยสวัสดิ์
รองประธาน
4. อาจารย์ศิศวิมล
บัวราษฎร์
กรรมการ
5. อาจารย์วัชพร
มานะจิตร
กรรมการ
6. อาจารย์เขมณัฐ
ภูกองไชย
กรรมการ
7. อาจารย์เสกสรร
สายสีสด
กรรมการและเลขานุการ
8. อาจารย์พีระนันท์ คำบอนพิทักษ์ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ