วิจัยตลาดโพล
ทีมวิจัยตลาดโพล 64 ถ.ทหาร อ.เมือง จ.อุดรธานี http://udmarket.cjb.net

ประจำวันที่ 1  ตุลาคม  2544

โพลชี้อาจารย์ไม่เห็นด้วยกับการลงเวลาในวันปิดภาคเรียน  

           ระบุไม่เห็นด้วยกับการลงเวลาถึงร้อยละ 48.9 นอกจากนี้ยังเห็นว่าเป็นการ
ริดรอนสิทธิอันพึงมีพึงได้ของอาจารย์ สูงถึง ร้อยละ 50 และอาจารย์ต้องการขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานสูงถึงร้อยละ 79.8

 

 

 

 

 

ทีมวิจัยตลาดโพล ทำการสำรวจความคิดเห็นของอาจารย์ที่มีต่อการลงเวลาปฏิบัติ
ราชการในวันปิดภาคเรียน ของสถาบันราชภัฏอุดรธานี โดยเก็บข้อมูลจากอาจารย์ จำนวน 94 คน จาก 4 คณะ ในวันที่ 28 กันยายน 2544 ปรากฏผลดังนี้

อาจารย์ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการลงเวลาปฏิบัติราชการในวันปิดภาคเรียน มีผู้ไม่เห็นด้วยจำนวน 46 คน คิดเป็นร้อยละ 48.9 รองลงมาคือ เฉย ๆ จำนวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 24.35 และเห็นด้วยกับการลงเวลาปฏิบัติราชการ จำนวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 13.8 เหตุผล
อื่น ๆ ได้แก่ ไม่ควรทำในระดับอุดมศึกษา เป็นการสิ้นเปลืองไฟฟ้าของทางราชการ ประสิทธิภาพของการทำงานไม่ได้ขึ้นกับการลงเวลา เป็นต้น  จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 12.8 

การลงเวลาในวันปิดภาคเรียน อาจารย์เห็นว่า เป็นการริดรอนสิทธิอันพึงมีพึงได้ของอาจารย์ จำนวน 34 คน คิดเป็นร้อยละ 36.2 รองลงมาคือ ความคิดเห็นอื่น ๆ ได้แก่ ต้องการไปเยี่ยมภูมิลำเนา อาจารย์ไม่มีวันหยุดพักผ่อนเพราะทำงานทั้ง 7 วันอยู่แล้ว เป็นการทำให้เกิดความเครียด การพัฒนางานวิชาการ ไม่ใช่การเฝ้าอยู่ในสถาบัน ควรเปิดโอกาสให้ไปเปิดวิสัยทัศน์บ้าง ดัชนีบ่งชี้การทำงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเซ็นต์เวลา เป็นต้น โดยมีผู้ตอบจำนวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 28.7 เป็นการอุทิศเวลาให้กับทางราชการมากยิ่งขึ้น จำนวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 18.1 ปฏิบัติตามระเบียบของสถาบันอย่างเคร่งครัด จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 11.7 และสนองนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการอย่างเคร่งครัด จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 5.3 ตามลำดับ

สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อาจารย์มีความคิดเห็นว่าการมาลงเวลาในวันปิดภาคเรียนไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพแต่อย่างใด จำนวน 47 คน คิดเป็นร้อยละ 50.0 รองลงมามีความเห็นอื่น ๆ ได้แก่ เป็นการปิดกั้นโอกาสในการใฝ่หาความรู้ และประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อนำมาเป็นตัวอย่างในการสอน อาจารย์มีความรับผิดชอบงานอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องลงชื่อ คนไม่ใช่เครื่องจักรควรมีวันหยุดพักผ่อนบ้างเพราะทำงานทั้ง 7 วันอยู่แล้ว การลงเวลาไม่ได้วัดว่าใครทำงานหรือไม่ทำงาน การบังคับไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน การทำงานนั้นขึ้นอยู่กับหน้าที่ความรับผิดชอบ การอุทิศเวลา และเสียสละมากกว่า เป็นต้น มีผู้ตอบจำนวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 26.6 สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้นได้ จำนวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 21.3 และประสิทธิภาพการทำงานลดน้อยลง จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 2.1 ตามลำดับ

ส่วนการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานนั้น อาจารย์เห็นว่า มีความสำคัญมาก จำนวน 75 คน คิดเป็นร้อยละ 79.8 รองลงมาคือปานกลาง จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 12.8 ไม่สำคัญเลย จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 4.3 และอื่น ๆ  ได้แก่ การหยุดช่วงปิดเทอม เพียงไม่
กี่สัปดาห์ ไม่ได้ทำให้งานด้อยประสิทธิภาพลง เป็นต้น จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 3.2

สำหรับคุณลักษณะอาจารย์ที่พึงประสงค์ ในการที่จะก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยนั้น เห็นว่า อาจารย์ต้องมีความเป็นอิสระทางวิชาการ จำนวน 70 คน คิดเป็นร้อยละ 74.5 มากที่สุด รองลงมาได้แก่ ประเด็นอื่น ๆ ได้แก่ การมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความอิสระในการปฏิบัติงาน ได้รับการสนับสนุนด้านวิชาการจากสถาบัน มีความเป็นอิสระทางวิชาการ เป็นผู้นำความรู้ใหม่ ๆ ให้กับนักศึกษาอยู่เสมอ ความรับผิดชอบเป็นดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพ เป็นต้น จำนวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 14.9 ปฏิบัติตามคำสั่งของสถาบันอย่างเคร่งครัด จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 5.3

สำหรับแนวทางในการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจของอาจารย์ที่พึงประสงค์นั้น อาจารย์ส่วนใหญ่ เห็นว่า ควรมุ่งเน้นความเป็นอิสระ และความเป็นเลิศทางวิชาการมากที่สุดคือ 52 คน คิดเป็นร้อยละ 55.3 รองลงมาได้แก่ มุ่งเน้นความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน จำนวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 39.2 ปฏิบัติตามคำสั่ง ประเด็นอื่น ๆ ได้แก่ ควรจัดหาทุนดูงานนอกสถานที่ จัดหางบประมาณส่งเสริมด้านวิชาการให้มากขึ้น เป็นต้น จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 3.2  และปฏิบัติตามคำสั่งและระเบียบโดยเคร่งครัด จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 2.1 ตามลำดับ.