แม้ว่าดอยเชียงแม้ว่าดอยเชียงดาวจะเป็นภูเขาที่มีความสูง
เป็นอันดับสามของประเทศไทย (๒,๒๒๕
เมตร)
แต่นับว่าเป็นภูเขาหินปูนที่สูงที่สุด
เนื่องจากภูเขาที่สูงอันดับหนึ่งและสองนั้นเป็นเขาหินแกรนิต
สภาพของหินปูนระดับสูงกอปรกับสภาพที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม
ยังผลให้สังคมพืชที่ปรากฏอยู่บริเวณสัน
และยอดดอยมีลักษณะพิเศษ
คือเป็นสังคมพืชภูเขากึ่งอัลไพน์
อันอุดมไปด้วยพรรณไม้เขตอบอุ่นหลายชนิด
ที่ไม่พบในที่อื่นใดในโลก
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๒
ผมเดินสำรวจพรรณไม้บริเวณยอดสูงสุดซึ่งมี
ชมพูเชียงดาว และ หญ้าดอกลาย
กำลังออกดอกสะพรั่งไปทั่วเนินเขา
ในจำนวนนั้นมีกระจุกดอกไม้สีม่วงอ่อน
ขึ้นแซมอยู่เล็กน้อย
มันเป็นพืชสกุลหญ้าดอกลายที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นพืชชนิดใหม่ของไทย
(new record of Thailand) อย่างแน่นอน
เพราะกลุ่มหญ้าดอกลายของไทยที่มีรายงานพบเพียง
๓
ชนิดนั้นผมรู้จักเป็นอย่างดี
เมื่อผมกลับมายังสวนพฤกษศาสตร์จึงได้ทำการตรวจสอบพืชดังกล่าว
โดยการสืบค้นข้อมูลจากเอกสารต่างๆโดยเฉพาะในหนังสือพรรณพฤกษชาติประเทศจีน
(Flora of China)
ซึ่งมีพืชสกุลเดียวกันนี้กว่า
๗๐ ชนิด
แต่ไม่พบว่าใกล้เคียงกับชนิดใดเลย
ในที่สุดก็ไม่อาจจะจำแนกชนิดได้
เนื่องจากพืชสกุลนี้มีการกระจายพันธุ์ที่กว้างขวางกว่า
๑๕๐ ชนิดทั่วโลก
นอกจากนี้เอกสารที่มีอยู่ก็ไม่พอเพียง
จึงต้องพักการตรวจสอบชื่อเอาไว้ก่อน
ต่อมาในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๓
ผมได้รับทุนจากสวนพฤกษศาสตร์เอดินเบอระ
เพื่อเดินทางไปศึกษาดูงานทางพฤกษศาสตร์ยังประเทศอังกฤษ
จึงมีโอกาสตรวจสอบเอกสารและตัวอย่างพืชเพิ่มเติม
ในหอพรรณไม้ของสวนพฤกษศาสตร์เอดินเบอระ
และสวนพฤกษศาสตร์คิว
ผลที่ได้น่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อพบว่าพืชดังกล่าว
มิได้เป็นเพียงพืชชนิดใหม่ของไทยเท่านั้น
หากแต่เป็นถึงพืชชนิดใหม่ของโลกทีเดียว
จึงได้ทำการจัดตั้งชื่อพืชชนิดใหม่ตามหลักสากล
โดยให้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Swertia
chiangdaoensis หรือ ศรีเชียงดาว
ตามสถานที่ที่ค้นพบ
การสำรวจในปีต่อ ๆ มาพบว่า
ปริมาณของศรีเชียงดาว
ที่พบในแต่ละปีจะแตกต่างกัน
เนื่องจากเป็นพืชล้มลุกที่เจริญจากเมล็ดปีต่อปี
โดยรวมแล้วถือว่ามีจำนวนประชากรน้อยมาก
และมีสถานภาพที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เป็นอย่างยิ่ง
เนื่องมาจากการรบกวนของกิจกรรมท่องเที่ยวและไฟป่า
ดาวจะเป็นภูเขาที่มีความสูง
เป็นอันดับสามของประเทศไทย (๒,๒๒๕
เมตร)
แต่นับว่าเป็นภูเขาหินปูนที่สูงที่สุด
เนื่องจากภูเขาที่สูงอันดับหนึ่งและสองนั้นเป็นเขาหินแกรนิต
สภาพของหินปูนระดับสูงกอปรกับสภาพที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม
ยังผลให้สังคมพืชที่ปรากฏอยู่บริเวณสัน
และยอดดอยมีลักษณะพิเศษ
คือเป็นสังคมพืชภูเขากึ่งอัลไพน์
อันอุดมไปด้วยพรรณไม้เขตอบอุ่นหลายชนิด
ที่ไม่พบในที่อื่นใดในโลก
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๒
ผมเดินสำรวจพรรณไม้บริเวณยอดสูงสุดซึ่งมี
ชมพูเชียงดาว และ หญ้าดอกลาย
กำลังออกดอกสะพรั่งไปทั่วเนินเขา
ในจำนวนนั้นมีกระจุกดอกไม้สีม่วงอ่อน
ขึ้นแซมอยู่เล็กน้อย
มันเป็นพืชสกุลหญ้าดอกลายที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นพืชชนิดใหม่ของไทย
(new record of Thailand) อย่างแน่นอน
เพราะกลุ่มหญ้าดอกลายของไทยที่มีรายงานพบเพียง
๓
ชนิดนั้นผมรู้จักเป็นอย่างดี
เมื่อผมกลับมายังสวนพฤกษศาสตร์จึงได้ทำการตรวจสอบพืชดังกล่าว
โดยการสืบค้นข้อมูลจากเอกสารต่างๆโดยเฉพาะในหนังสือพรรณพฤกษชาติประเทศจีน
(Flora of China)
ซึ่งมีพืชสกุลเดียวกันนี้กว่า
๗๐ ชนิด
แต่ไม่พบว่าใกล้เคียงกับชนิดใดเลย
ในที่สุดก็ไม่อาจจะจำแนกชนิดได้
เนื่องจากพืชสกุลนี้มีการกระจายพันธุ์ที่กว้างขวางกว่า
๑๕๐ ชนิดทั่วโลก
นอกจากนี้เอกสารที่มีอยู่ก็ไม่พอเพียง
จึงต้องพักการตรวจสอบชื่อเอาไว้ก่อน
ต่อมาในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๓
ผมได้รับทุนจากสวนพฤกษศาสตร์เอดินเบอระ
เพื่อเดินทางไปศึกษาดูงานทางพฤกษศาสตร์ยังประเทศอังกฤษ
จึงมีโอกาสตรวจสอบเอกสารและตัวอย่างพืชเพิ่มเติม
ในหอพรรณไม้ของสวนพฤกษศาสตร์เอดินเบอระ
และสวนพฤกษศาสตร์คิว
ผลที่ได้น่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อพบว่าพืชดังกล่าว
มิได้เป็นเพียงพืชชนิดใหม่ของไทยเท่านั้น
หากแต่เป็นถึงพืชชนิดใหม่ของโลกทีเดียว
จึงได้ทำการจัดตั้งชื่อพืชชนิดใหม่ตามหลักสากล
โดยให้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Swertia
chiangdaoensis หรือ ศรีเชียงดาว
ตามสถานที่ที่ค้นพบ
การสำรวจในปีต่อ ๆ มาพบว่า
ปริมาณของศรีเชียงดาว
ที่พบในแต่ละปีจะแตกต่างกัน
เนื่องจากเป็นพืชล้มลุกที่เจริญจากเมล็ดปีต่อปี
โดยรวมแล้วถือว่ามีจำนวนประชากรน้อยมาก
และมีสถานภาพที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เป็นอย่างยิ่ง
เนื่องมาจากการรบกวนของกิจกรรมท่องเที่ยวและไฟป่า
ศรีเชียงดาว Swertia chiangdaoensis P. Suksathan,
Edinb. J. Bot. 58:3, 2001.
ไม้ล้มลุกวงศ์ดอกหรีด (GENTIANACEAE)
สูง ๑๕-๖๕ เซนติเมตร
ใบรูปใบหอกแคบออกตรงกันข้าม
ดอกขนาดประมาณ ๑.๕ เซนติเมตร
ออกเป็นช่อแน่นมีจำนวนมาก
กลีบเลี้ยงห้ากลีบ
สีเขียวหรือเขียวอมแดง
กลีบดอกห้ากลีบสีม่วงอ่อน
โคนกลีบมีแถบขวางสีม่วงเข้ม
และสีเขียว
มีต่อมรูปครึ่งวงกลมหนึ่งต่อม
โคนก้านเกสรตัวผู้แผ่แบน
ปลายเรียวแหลม
เกสรตัวผู้รูปไข่แกมขอบขนาน
รังไข่สีเขียวอ่อนมีปื้นสีน้ำเงินเข้ม
ก้านเกสรตัวเมียสั้น
ยอดเกสรตัวเมียเป็นสองแฉก
ผลแห้ง แก่แล้วแตก เมล็ดเล็ก
มีจำนวนมาก
นิเวศและการกระจายพันธุ์ :
พืชถิ่นเดียว (endemic)
พบเฉพาะดอยเชียงดาว จ.
เชียงใหม่
บริเวณพื้นที่เปิดในระดับความสูงกว่า
๒,๑๐๐ เมตร
|