วิปัสสนากรรมฐานของพระอาจารย์สิงห์ อ. บ้านแพง จ. นครพนม
ท่านได้แนะนำการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน โดยเริ่มต้นจากการ การกล่าวคำวันทาพระรัตนตรัย, คำขอขมาพระรัตนตรัย, คำไหว้พระ, คำสวดไตรสรณคมน์, สวดพระพุทธคุณ ธัมมคุณ สังฆคุณ, สมาทานพระกรรมฐาน แล้วจึงปฏิบัติ ภายหลังการปฏิบัติเสร็จแล้ว ให้กล่าวคำแผ่เมตตาให้แก่ตัวเอง, แผ่เมตตาให้บุคคลอื่น, และกรวดน้ำ, อธิษฐาน (ส่วนท่านที่ไม่มีเวลาก็สวดมนต์โดยย่อ คือกล่าวคำไหว้พระ, คำสวดไตรสรณคมน์, สวดพระพุทธคุณ ธัมมคุณ สังฆคุณ, สมาทานพระกรรมฐาน แล้วจึงปฏิบัติ)
คำวันทาพระรัตนตรัย
อุกาสะ วันทามิ ภันเต เจติยัง สัพพัง สัพพัตถะฐาเน
สุปะติฐฐิตัง สารีริกะธาตุ มหาโพธิง พุทธะรูปัง สะกะลัง
สะทา, กายะสา วะจะสา มะนะสา เจวะ วันทา เมเต ตะถาคะเต
สะยาเน อาสาเน ฐาเน, คะมะเน จาปิ สัพพะทา (กราบ)
คำขอขมาพระรัตนตรัย
วันทามิ ภันเต สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต มะยา กะตัง
ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง
ทาตัพพัง สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ (กราบ)
คำไหว้พระ
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ (กราบ)
สะวากขาโต ภะคะวาตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ)
คำสวดไตรสรณคมน์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
สวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจาระณะสัมปันโน สุตะโต โลกะวิทู อนุตตะโร ปุริสะธัมมะสาระถิ สัทธา เทวะมะนุสะนัง พุทโธ ภะคะวะติ
สาวะกะขาโต ภาคะวะตาธัมโม สันทิติโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปานะยิโก ปัจจัยตัง เวทิตัปโพ วิญญูหิติ
สุปะฐิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปปะติปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะติปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะติปันโน ภะคะวาโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยูคานิ อัสทะ ปุริสะปุคะลา เอสะ ภะคะวะโตสาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัชลีกะระณีโย อะนุตตะรัง บุญยะเขตตัง โลกัสะติ
คำสมาทานพระกรรมฐานก่อนปฏิบัติ
อุกาสะ อุกาสะ ณ. โอกาสบัดนี้ ข้าพเจ้า ขอสมาทาน ซึ่งพระกรรมฐาน ขอขณิกสมาธิ อุปปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ และวิปัสสนาญาณ จงบังเกิดขึ้นในขันธสันดานของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะตั้งสติกำหนดไว้ ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าก็กำหนดรู้ หายใจออก ก็กำหนดรู้ 3 หน 7 หน 100 หน และ 1000 หน และจะตั้งสติกำหนดไว้ ที่รูปนามที่เป็นปัจจุบัน (ทำความรู้สึกตัวทั่วพร้อมในกายเดิน กายยืน กายนั่ง กายนอน) ด้วยความไม่ประมาท ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เทอญฯ
วิธีปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ให้นั่งสมาธิ คู้บัลลังก์ เอาขาขวาทับลงบนขาซ้าย เอามือขวาทับลงบนมือซ้าย พอหัวแม่มือชนกัน ตั้งกายให้ตรง ยืดตัวอยู่ในอิริยาบถอันสบาย หรือจะนั่งพับเพียบ นั่งเก้าอี้ก็ได้ จากนั้นให้เอาสติไปกำหนดจับไว้ที่ปลายโพรงจมูกด้านใน หรือที่ริมฝีปากด้านบน ทำความรู้สึกตั้งสติก่อนแล้ว หายใจเข้ารู้ (จิตเพ่งอยู่ที่ลมหายใจเข้า) เป็นสมาธิขณะหนึ่ง ทำความรู้สึกตั้งสติแล้วผ่อนลม หายใจออกรู้ (จิตเพ่งอยู่ที่ลมหายใจออก) เป็นสมาธิอีกขณะหนึ่ง เรียกว่า ขณิกสมาธิ สติคือ ความระลึก ต้องระลึกอยู่ทุกระยะลมหายใจ เข้า-ออก พยายามอย่าให้เผลอ ถ้าเผลอ หรือหลงลืมสติ ขณะใดให้ตั้งสติกำหนดใหม่ การตั้งสติใหม่อยู่บ่อยๆ อย่างนี้ เรียกว่า อาตาปี คือ การทำความเพียร ให้สังเกตด้วยว่า เวลาจิตสงบ แล้วร่างกายจะตั้งตรง กายเบา จิตเบา ความรู้สึกเหมือนกับว่า ตัวจะลอยจากพื้น นี่เป็นอาการของสมาธิ ให้กำหนดลมหายใจเข้า-ออกเรื่อยไป ถ้าจิตละเอียดมากขึ้น ลมหายใจจะหายไป ไม่ต้องตกใจ ให้เพ่งดูความนิ่งของจิตนั้นเรื่อยไป ไม่นานลมหายใจก็จะปรากฏขึ้นมาเอง เมื่อลมหายใจปรากฏขึ้นมาแล้ว ก็ให้กำหนดลมหายใจ เข้า-ออก เรื่อยไป จนกว่าจะสมควรแก่เวลา
หรือบางท่านที่ใหม่ต่อการปฏิบัติ จะกำหนดพุทธคุณควบคู่กันไปก็ได้ เช่น เวลาหายใจเข้าให้กำหนดในใจว่า พุท เวลาหายใจออกให้กำหนดว่า โธ ดังนี้ก็ได้ เพื่อประคองจิตให้เกิดความสงบ พุทหายใจ เข้า โธหายใจออก ทำอย่างนี้เรื่อยไป เมื่อจิตใจเกิดความสงบแล้ว คำบริกรรมว่า พุทโธ นี้จะหายไป ผู้ปฏิบัติไม่ต้องตกใจ ให้กำหนดเพ่งลมหายใจ เข้า-ออก ต่อไป จนกว่าจะสมควรแก่เวลา
เมื่อสมควรแก่เวลาแล้ว ก่อนที่จะพักผ่อนเปลี่ยนอิริยาบถ ให้ตั้งจิตเป็นมหากุศล กรวดน้ำ แผ่เมตตา ให้แก่สัพพสัตว์ทั้งหลาย พร้อมทั้งอธิษฐานบารมี เป็นอันเสร็จพิธี
คำแผ่เมตตาให้แก่ตัวเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
อะเวโร โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวรภัย
อัพยาปัชโช โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความเบียดเบียน
อะนีโฆ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์กาย ทุกข์ใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข รักษาตนอยู่เถิด
คำแผ่เมตตาให้บุคคลอื่น
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิดอย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพยาปัชโช โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิดอย่าได้พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิดอย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เทอญฯ
กรวดน้ำโดยย่อ ทำเมื่อปฏิบัติเสร็จแล้ว ต่อจากเมตตา
อิทัง (เม) ญาติณัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ข้าพเจ้าขอแผ่ส่วนบุญกุศล ที่ได้กระทำแล้วนี้ จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า จงมีความสุขเถิด
ข้าพเจ้า ขอตั้งจิต อุทิศผล
บุญกุศลนี้ แผ่ไป ให้ไพศาล
ถึงบิดา มารดา ครูอาจารย์
ทั้งลูกหลาน ญาติมิตร สนิทกัน
คนเคยร่วม ทำงาน การทั้งหลาย
มีส่วนได้ในกุศล ผลของฉัน
ทั้งเจ้ากรรมนายเวร และเทวัญ
ขอให้ทุกท่าน โมทนา ทั่วหน้าเทอญ
*ถ้าว่าหลายคนให้เปลี่ยน เม เป็น โน
คำตั้งสัจจะอธิษฐาน
ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะอธิษฐาน ขออนุภาพแห่งบุญกุศล
ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้วในวันนี้ จงเป็นพลวะปัจจัย
เป็นนิสัยตามส่ง ให้เกิดปัญญาญาณ ทั้งชาตินี้ และชาติหน้า
ตลอดชาติอย่างยิ่ง จนถึงความพ้นภัย คือพระนิพพานเทอญฯ
บารมีอยู่ที่ความกล้า วาสนาอยู่ที่การกระทำ
ขยัน และอดทน เป็นเบื้องต้นแห่งความสำเร็จ