การจัดการศึกษาที่ตอบสนองความต้องการและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนหูหนวก
ทำไมจึงต้องสอนแบบสองภาษา
การสอนแบบสองภาษาเป็นปรัชญาที่เริ่มปรากฏขึ้นในปี พ.ศ.2523 ที่ประเทศสวีเดน
และอเมริกา เนื่องจากไม่สมหวังกับผลที่ได้จากวิธีสอนแบบระบบรวม วิธีสอนแบบนี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานของการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องพัฒนาการทางภาษา
จิตวิทยาการเรียนรู้ และภาษาศาสตร์ภาษามือ การวิจัยเหล่านั้นรายงานว่าเด็กหูหนวกที่มีพ่อแม่เป็นคนหูหนวก
และได้ใช้ภาษามืออเมริกันตั้งแต่เป็นเด็กจะมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
การอ่านออกเขียนได้ การพัฒนาทางอารมณ์และสังคมดีกว่าเด็กหูหนวกจากครอบครัวที่พ่อแม่เป็นผู้มีการได้ยิน
ทั้งนี้ เพราะเด็กอยู่ในสถานการณ์ที่ใช้สองภาษาตลอดเวลา
ปรัชญาการสอนแบบสองภาษาเกิดขึ้นบนพื้นฐานของความเข้าใจว่า เด็กหูหนวกเรียนรู้ได้ดีจากช่องทางที่ไม่ผิดปกติ
คือ ทางตามากกว่าช่องทางที่ผิดปกติ คือ การได้ยินทางหู และภาษาที่ใช้ในการรับรู้ด้วยตาได้ดีที่สุด
คือ ภาษามือของคนหูหนวก การเรียนภาษามือของคนหูหนวก จะทำให้สมองมีการพัฒนาได้ดี
และมีความเชื่อมโยงต่อเนื่องกับการเรียนภาษาที่สอง ทำให้สามารถเรียนรู้ความแตกต่างของภาษามือ
และภาษาเขียนได้เป็นอย่างดี
การสอนแบบสองภาษาสำหรับคนหูหนวกคืออะไร
- การสอนภาษามือไทย เป็นภาษาแรก เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ภาษามือในการคิด
การแสดงความรู้สึก การพูดคุย และการเรียนรู้โลก ทำให้เด็กมีความรู้สึกมั่นคง
ปลอดภัย ไม่ถูกทอดทิ้ง และเป็นอิสระ
- การสอนภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง เพื่อให้เด็กอ่านออกเขียนได้และ/หรือพูดได้
เพื่อใช้ในการติดต่อกับคนทั่วไป และการรับรู้เรื่องราวต่างๆ จากการอ่าน
- การเรียนการสอนแบบสองภาษา จะทำให้คนหูหนวกมีการปรับตัวได้ดีมีความสามารถในการใช้ภาษามือไทย
และภาษาไทยได้ดีทั้งการอ่าน การเขียนและ/หรือการพูด ซึ่งจะเป็นผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
การสอนแบบสองภาษาทำอย่างไร
การสอนแบบสองภาษามีหลายรูปแบบ สิ่งที่สำคัญของการสอนแบบนี้ คือ
- สอนภาษามือไทยเป็นภาษาแรก จนเด็กสามารถใช้ภาษามือไทยได้เป็นอย่างดี
- สอนภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง ในรูปของภาษาเขียน
- สอนโดยครูสองคน คือ ครูหูหนวกและครูที่มีการได้ยิน (ครูทั้งสองคนต้องรู้ภาษามือและภาษาไทย)
- ใช้ภาษามือไทยเป็นภาษาในการเรียนการสอน
- สอนภาษามือไทย แยกจากภาษาไทย
ทำไมจึงต้องใช้ภาษามือไทย
ภาษามือไทย :
- เป็นภาษาธรรมชาติของคนหูหนวก มีฐานะเป็นภาษาภาษาหนึ่งตามหลักของภาษาศาสตร์
เช่นเดียวกับภาษาทั่วไปในโลก
- มีโครงสร้างและไวยากรณ์เป็นของตัวเอง ซึ่งไม่เหมือนกับโครงสร้างและไวยากรณ์ของภาษาไทย
- เป็นภาษาแรกของคนหูหนวกไทย
- เป็นภาษาที่คนหูหนวกไทยใช้ในการคิด การแสดงความรู้สึก การพูดคุย
และการรับรู้เรื่องราวต่างๆ ผ่านล่ามภาษามือ
ใช้ภาษามือไทยอย่างไร
- ภาษามือไทย ในฐานะเป็นวิชา วิชาหนึ่ง
- ภาษามือไทย เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ภาษาไทย
- ภาษามือไทย เป็นเครื่องมือในการเรียนการสอนวิชาอื่น
ทำไมจึงต้องใช้ครูสองคน
- ครูหูหนวกเป็นต้นแบบของการใช้ภาษามือไทย และเป็นผู้ถ่ายทอดวัฒนธรรมของคนหูหนวก
- ครูที่มีการได้ยิน เป็นต้นแบบของการใช้ภาษาไทยเป็นผู้ถ่ายทอด และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรมของคนหูหนวก
วัฒนธรรมของคนหูหนวกคืออะไร
- วิถีชีวิตของคนหูหนวก
- การมองโลกของคนหูหนวก ผ่านการรับรู้ด้วยตาและภาษามือ
- การพูดคุยด้วยภาษามือ การตั้งชื่อภาษามือ การเรียกผู้อื่นด้วยการสัมผัสแตะต้องตัว
เป็นต้น
ทำไมคนหูหนวกจึงมีวัฒนธรรมแตกต่างจากคนทั่วไป
คนหูหนวกถ่ายทอดวัฒนธรรมกันอย่างไร
- คนหูหนวกส่วนใหญ่เกิดในครอบครัวที่พ่อแม่มีการได้ยินและใช้ภาษาพูด
- คนหูหนวกใช้ภาษามือ เข้าใจภาษาพูดได้น้อย จึงไม่สามารถพูดคุยกับพ่อแม่ได้มากเท่าที่ควรจะเป็น
ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างคนหูหนวกกับครอบครัว ความรู้สึกถูกทอดทิ้งโดดเดี่ยว
ไม่มีเพื่อน และไม่มีคนเข้าใจผลักดันให้คนหูหนวกเข้ารวมกลุ่มกับคนหูหนวกด้วยกัน
- การรวมตัวของคนหูหนวก เป็นบ่อเกิดของชุมชน และวัฒนธรรม คนหูหนวกที่ถ่ายทอดส่งต่อจากผู้ใหญ่หูหนวกผ่านการเล่าเรื่องด้วยภาษามือไปสู่เด็กหูหนวก
วัฒนธรรมของคนหูหนวกมีความสำคัญต่อการจัดการศึกษาของคนหูหนวกอย่างไร
- การจัดการศึกษาที่ตอบสนองความต้องการและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนหูหนวก
จะทำให้คนหูหนวกสามารถเรียนรู้ได้ เช่นเดียวกับคนทั่วไป เช่น
- การใช้ภาษามือไทยเป็นภาษาในการเรียนการสอน
- การใช้เทคนิควิธีสอนและสื่อที่สอดคล้องกับกระบวนการเรียนรู้ของเด็กหูหนวก
- การให้เด็กหูหนวกได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนเด็กหูหนวกและคนหูหนวกผู้ใหญ่
เพื่อเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของคนหูหนวก
- การสอนภาษามือไทยโดยครูหูหนวก ที่ได้รับการฝึกอบรมวิธีสอนภาษามือ
- การสอนโดยครูหูหนวก และครูที่มีการได้ยินที่ใช้ภาษามือไทยได้ดี
- การจัดชั้นเรียนที่แตกต่างกับชั้นเรียนทั่วไป เพื่อให้เด็กได้มองเห็นการใช้ภาษามือของเพื่อนได้ชัดเจน
|