คอลเซ็นเตอร์
(AIS) พูดไม่ได้ "โอกาส" ของคนในโลกเงียบ
หากยังจำกันได้ประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์
เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส เคยเปิดตัวโครงการสร้างงานแก่ผู้พิการทางสายตา
โดยรับบุคคลเหล่านี้เป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ ได้รับเงินเดือนและสวัสดิการเทียบเท่า
พนักงานปกติทั่วไป
ปัจจุบันรับผู้พิการทางสายตาทำงานแล้ว
22 คน 11 คนทำงานที่อาคารพหลโยธินเพลส (ขึ้นรถเมล์มาทำงานเองด้วย)
อีกส่วนประจำที่ศูนย์ call center แก่ผู้พิการทางสายตาที่มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชินูปถัมภ์ รวมทั้งศูนย์ call center ที่มีพนักงานอยู่ที่นั่นอีก
8 คน
เมื่อเร็วๆ นี้ "เอไอเอส"
ขยายโอกาสในการทำงานไปยังผู้พิการทางหูอีก 8 คน เป็นการต่อยอดในการให้โอกาสแก่ผู้พิการรูปแบบอื่นๆ
นอกจากผู้พิการทางสายตา
"สมประสงค์ บุญยะชัย"
รองประธานกรรมการ บริษัทเอไอเอสกล่าวว่า จากการให้โอกาสผู้พิการทางสายตาเข้าทำงาน
พบว่าถ้ามีการฝึกอบรม มีเครื่องมือช่วยทำงาน คนเหล่านี้ก็สามารถสร้างบริการได้ไม่ต่างจากคนปกติ
และการสร้างโอกาสถือเป็นการตอบแทนสังคมอย่างหนึ่งของบริษัท
"ผู้พิการไม่ได้ต้องการความสงสาร
แต่ต้องการโอกาสเพื่อที่เขาจะได้มีชีวิตในสังคมได้ด้วยตนเอง
ไม่เป็นภาระสังคม เราเองอยากให้เขาทำงานด้วยความภาคภูมิใจไม่ใช่ว่าให้งานเพราะสงสาร
ซึ่งเริ่มจากผู้พิการทางสายตาก็ได้ผลดี เป็นตัวอย่างแก่
พนักงานปกติในเรื่องของความขยันและความตั้งใจทำงาน พอได้ผลดีแล้วก็ดูว่า
ยังมีผู้พิการแบบอื่นที่น่าจะทำงานเฉพาะด้านได้อีก ก็คือผู้พิการทางหู"
ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพคนพิการแห่งชาติ
พบว่ามี ผู้จดทะเบียนเป็นคนพิการทางหูประมาณ 100,000
คน มีเพียง 1% เท่านั้นที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี
และ 1% มีไม่ถึง 10% ที่มีโอกาสเข้าทำงานในบริษัท ส่วนใหญ่จะทำงานด้านการจัดเอกสาร
ตรวจพิสูจน์อักษร
"วิลาสินี พุทธิการรันต์"
รองกรรมการ ผู้อำนวยการสายงานบริหารลูกค้า และการบริการบริษัทเดียวกันกล่าวว่า
หลักเกณฑ์ในการรับผู้พิการทางหูเป็นพนักงานมีข้อกำหนดไม่ต่างจากพนักงานปกติทั่วไป
เช่น ต้องจบปริญญาตรี มีความสามารถในการพิมพ์ดีดตามที่กำหนด
รวมทั้งมีทักษะการใช้คอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี เมื่อผ่านการ
คัดเลือกแล้วจึงเข้าสู่กระบวนการฝึกอบรม
ทั้งทักษะการให้บริการ
และให้ทราบว่าบริษัทให้บริการเกี่ยวกับอะไร โดย 8 คนที่เป็นผู้พิการทางหูทำงานกับเอไอเอสมา
1 ปีแล้ว โดยให้บริการตอบคำถามและข้อมูลต่างๆ ผ่านบริการ
iSign (real talk ภาษามือ) ใช้คอมพิวเตอร์และเว็บแคมเป็น
ช่องทางในการสื่อสาร ลูกค้าที่ใช้บริการผ่านช่องทางนี้ก็จะเป็นผู้พิการทางหูเป็น
ส่วนใหญ่เช่นกัน
"ลูกค้าที่เป็นคนหูหนวกของเรามีประมาณ
10,000-20,000 ราย ส่วนใหญ่จะใช้ SMS, MMS เป็นหลัก
เมื่อเขาต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโปรโมชั่นต่างๆ
ก็ต้องอาศัยคนกลางในการติดต่อกับคอลเซ็นเตอร์ เมื่อมีพนักงานที่เป็นผู้พิการทางหูด้วยกันก็สามารถติดต่อกับคอลเซ็นเตอร์แล้วสื่อสารด้วยภาษามือผ่านหน้าจอได้โดยตรงไม่ต้องผ่านคนกลางแล้ว"
"วิลาสินี"
ยังเล่าให้ฟังถึงการทำงานร่วมกันแบบน่ารักๆ ระหว่างพนักงานผู้พิการทางสายตา
และผู้พิการทางหูด้วยว่า ในกรณีที่ลูกค้าต้องการดาวน์โหลดเพลงหรือเสียง
รอสาย เมื่อพนักงานที่พิการทางสายตา (แต่ได้ยินเสียง)
ทราบความต้องการของลูกค้า ถ้าดำเนินการได้ทันก็จะดำเนินการเอง
แต่หากเกิดภาวะ "โหลด" ลูกค้าโทร.เข้ามาเป็นจำนวนมาก
เขาก็จะพิมพ์ความต้องการของลูกค้าว่าต้องการโหลดเพลงอะไรส่งไปให้พนักงานผู้พิการทางหู
(แต่มองเห็น) ให้ดำเนินการรับช่วงโหลดเพลงต่อแทน
ถามถึงความรู้สึกของตัวพนักงานบ้าง
"ฝ้าย" พนักงานคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นผู้พิการทางหู
เล่าผ่านภาษามือให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นเสมียนในโรงแรมใบหยก
รับหน้าที่ถ่ายเอกสารเพียงอย่างเดียว ทำไปนานๆ ก็รู้สึกเหงาเพราะทั้งออฟฟิศมีเธอ
คนเดียวที่เป็นผู้พิการทางหู นอกนั้นเป็น คนปกติหมด
พอมาทำงานที่เอไอเอส บรรยากาศต่างออกไปเพราะมีเพื่อนที่พิการทางหูหลายคน
"ช่วงแรกๆ รู้สึกว่างานยากเพราะไม่รู้เรื่องมาก่อนเลย
เมื่อต้องเจอกับลูกค้าก็รู้สึกตื่นเต้น ทำภาษามือผิดๆ
ถูกๆ ลูกค้าเองก็ตื่นเต้นทำภาษามือผิดๆ ถูกๆ เหมือนกัน
(ยิ้ม) แต่เมื่อทำงานไปนานๆ เข้าก็รู้สึกว่างานไม่ได้ยากอย่างที่คิด"
ถือเป็นโครงการดีๆ
อีกโครงการที่ช่วยทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้นเยอะ
"เอไอเอส"
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ บริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ อยากเอาโครงการนี้ไปทำบ้างก็น่าจะดี
|