"ไอ-ครีเอท 2008" จุดประกายนักคิด เพื่อชีวิตผู้พิการ

โดย พชรกร อนุศิริ

ถ้าเลือกได้ ไม่มีใครอยากตกอยู่ในสภาพของคนพิการที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ไปตลอดชีวิต

เกือบปีแล้วที่ นิติธร แซ่ตั้ง อายุ 26 ปี ต้องกลายเป็นผู้พิการขาขาดทั้ง 2 ข้าง จากอุบัติเหตุรถไฟทับเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว

วันนี้ชีวิตของเขาเริ่มมีแสงสว่างอีกหน ด้วยความช่วยเหลือของศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ สถาบันที่เปรียบเสมือนศูนย์รวมน้ำใจเพื่อผู้พิการแห่งประเทศไทย

คุณหมอปิยวิทย์ สรไชยเมธา หัวหน้างานอุปกรณ์ประจำศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ เล่าให้ฟังว่า ค่าใช้จ่ายในการทำขาเทียมสำหรับกรณีของนายนิติธร ซึ่งเป็นกรณีขาขาดบริเวณเหนือเข่าขึ้นไปนั้น ขาเทียมที่ใช้มักจะมีราคาสูงถึงข้างละประมาณ
50,000 บาท ซึ่งแตกต่างกับขาเทียมในกรณีขาขาดใต้เข่าเป็นอย่างมาก ที่ตกอยู่ที่ราคาข้างละ 8,000 บาท ดังนั้น รวมแล้วก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายถึงเกือบ
100,000 บาท สำหรับการที่จะทำให้ผู้พิการในกรณีนี้สามารถกลับมาเดินเหินได้ตามปกติ

แต่ด้วยนโยบายของรัฐบาลที่ไม่เคยทอดทิ้งผู้พิการ ทำให้วันนี้เราจึงยังเห็นรอยยิ้มของผู้ที่เคยสูญเสีย กลับมาสดใสได้อีกครั้ง ผู้พิการในประเทศไทยสามารถที่จะขอรับความคุ้มครองจากรัฐบาลได้ด้วยการขึ้นทะเบียนเป็นผู้พิการ หลังจากนั้นอุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆ เช่น
แขนขาเทียม รถเข็น ก็จะถูกจัดสรรให้ เพื่อให้ผู้พิการสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้เหมือนคนปกติให้มากที่สุด

แต่ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีความพยายามในการช่วยเหลือผู้พิการให้มีชีวิตเหมือนคนปกติอย่างไร ในความเป็นจริงแล้วผู้พิการก็ยังไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนปกติได้อย่างชนิดที่เรียกว่า "ปกติสุข" อยู่ดี

ณัฐกมล รุ่งพิมพ์ อีกหนึ่งในผู้พิการ ซึ่งมีโอกาสได้ร่วมงานกับศูนย์การพัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก (APCD) เปิดใจว่า ที่ผ่านมารัฐบาลให้ความช่วยเหลือโดยมุ่งเน้นไปที่ตัวของผู้พิการ เช่น ในความช่วยเหลือในส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ อย่าง แขนขาเทียม รถเข็น แต่ยังขาดในเรื่องของสาธารณูปการ เทคโนโลยีที่จะช่วยให้ผู้พิการสามารถใช้ชีวิตที่เป็นปกติอย่างแท้จริง สามารถไปไหนมาไหนเองได้โดยไม่ต้องเป็นภาระคนอื่น สามารถขึ้นรถโดยสารประจำทางได้ ใช้คอมพิวเตอร์ ฯลฯ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ขาดอีกมาก

นับเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่กำลังจะมีงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านวิศวกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก
สำหรับคนพิการ เวทีในระดับภูมิภาคเอเชียเพื่อการสร้างชีวิตที่ปกติสุขอย่างแท้จริงให้กับผู้พิการ โดยประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพการจัดงาน ระหว่างวันที่ 13-14 พฤษภาคม ภายใต้ชื่อ "ไอ-ครีเอท 2008" (i-CREATe 2008)

งานที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) และศูนย์บำบัดเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการแห่งสิงคโปร์ (START) โดยการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)-(สสปน.)

ไอ-ครีเอท 2008 เป็นงานที่จัดขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายจะให้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้และการพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาและฟื้นฟูคนไข้ คนชรา
และผู้พิการ และเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งยังเป็นเวทีแลกเปลี่ยนระหว่างผู้นำในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเหล่านี้ในด้านสินค้าและบริการ ทั้งผู้ให้ทุนและผู้กำหนดนโยบายด้านวิจัยและพัฒนา นักวิจัย นักบำบัด บุคลากรทาง
การแพทย์ เพื่อส่งเสริมให้คนไข้ คนชรา และผู้พิการ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

กิจกรรมภายในงานจะประกอบไปด้วย การประชุมด้านวิชาการ โดยเป็นเวทีให้นักวิชาการได้มาแลกเปลี่ยนผลงานวิจัยทางด้านเทคโนโลยี
ประสบการณ์ และรับทราบถึงความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีการนำเสนอผลงานวิชาการของนักวิจัยจาก
ประเทศต่างๆ
จำนวน 70 บทความ

การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการด้านต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจในด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพ การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มพูนศักยภาพแก่คนพิการและ
ผู้สูงอายุ และเพิ่มเติมความรู้ความเข้าใจแก่ แพทย์ พยาบาล นักวิจัย นักวิชาชีพ นักการศึกษา ครู อาจารย์ และนักปฏิบัติ

นิทรรศการทางด้านเทคโนโลยีเพื่อคนพิการ จากหน่วยงานและบริษัทต่างๆ เทคโนโลยีล้ำยุค รวมถึงอุปกรณ์เพื่อการช่วยเหลือแบบล่าสุด ทั้งจากผู้ผลิตในประเทศและต่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการประกวดผลงานการออกแบบด้านเทคโนโลยีสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุของนักศึกษาจากประเทศต่างๆ ซึ่งจัดขึ้นเป็น
ครั้งแรก ในหัวข้อ "สิ่งประดิษฐ์สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ" มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีเพื่อการช่วยเหลือรูปแบบใหม่มาใช้ในการสนับสนุนให้คนพิการและผู้สูงอายุสามารถดำรงชีวิตได้อย่างคล่องตัว โดยมีจำนวนผู้ร่วมเข้าประกวด 19 โครงการ จาก 5 ประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นโครงการของนักศึกษาไทย จำนวน 7 โครงการ

น่าสนใจว่าที่ผ่านมาในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนผู้พิการจากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติเป็นจำนวนประชากร
ถึง1.9 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดกว่า 60 ล้านคน คือประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ แต่ข่าวคราวของการจัดงานเพื่อคนพิการไม่ได้มีขึ้นบ่อยนัก

สารินทร์ เรืองศรี นักกายภาพบำบัดประจำศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ ให้ความเห็นว่า อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการในประเทศไทยก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย เพียงแต่ว่าราคาค่อนข้างแพง เพราะต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
ตัวอย่างเช่น รถเข็นปรับยืนได้ที่อำนวยความสะดวกกับผู้พิการให้สามารถหยิบของจากที่สูงได้ด้วยตัวเอง นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ราคาสูงถึงคันละ
160,000 บาท

อย่างไรก็ดี สารินทร์บอกว่า ขณะนี้ทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้นำตัวอย่างของรถเข็นแบบปรับยืนได้นี้ไปทำการศึกษา เพื่อที่จะสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ที่คันละ 14,000-16,000 บาท

ทางด้าน วันทนีย์ พันธชาติ ผู้อำนวยการโครงการศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ บอกว่า ในโอกาสที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพของงาน อยากให้งานนี้จุดประกายให้กับนักวิจัยไทยหันมาสนใจ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีให้ผู้พิการในประเทศไทยได้เข้าถึงมากขึ้น

ในเมื่อโลกปัจจุบันเต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่เหตุใด "ผู้พิการ" กลับยังคงเป็นเสมือน "ผู้ที่ถูกลืม"