ที่จอดรถคนพิการของประเทศไทย
โดย ประภาษ รัตนพันธุ์
ณ ช่วงเวลานี้ ถ้าเราไปทำธุระ
ไปเที่ยวหรือซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าดังๆ หรือตามศูนย์การค้าต่างๆ
ในกรุงเทพฯ และสถานที่ราชการบางแห่ง จะพบว่ามีการกันพื้นที่ส่วนหนึ่งของลานจอดรถเป็นที่จอดรถสำหรับคนพิการ
บางแห่งก็จะกันที่ไว้สามารถจอดได้หลายคัน แม้นจำเป็นจริงๆ
ในเรื่องของของพื้นที่ อย่างน้อยจอดได้ 1 คัน จะมีป้ายสัญญาณติดไว้เห็นชัดเจน
เป็นรูปวีลแชร์ที่เราเห็นก็ทราบทันทีว่านี่เป็นสัญลักษณ์ของคนพิการ
ที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน และจะจัดไว้ในที่ที่ซึ่งคนพิการสามารถเข้าไปใช้บริการที่นั้นๆ
ได้สะดวกที่สุด นับว่าภาครัฐที่เป็นผู้ใช้กฎหมายและภาคเอกชนผู้สนองการใช้กฎหมายได้ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี
นับว่าเป็นการให้ความสำคัญแก่คนพิการขึ้นมาระดับหนึ่ง
ในต่างประเทศ ที่ประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างมากที่สุด
เพราะผลพวงจากสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ประเทศญี่ปุ่นโดนระเบิดปรมาณู
ทำให้คนล้มตายหลายแสนคน และที่ยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นคนพิการเสียค่อนข้างมาก
ประกอบกับการทำสงครามก็ทำให้มีคนพิการในปริมาณที่ไม่น้อย
โชคดีที่รัฐบาลและคนที่ประเทศญี่ปุ่นให้ความสนใจในเรื่องนี้
และปลูกฝังคนในชาติให้มีความเห็นอกเห็นใจคนพิการ ไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในเรื่องการใช้สถานที่
เป็นต้นว่า ทางลาด ห้องน้ำ ที่จอดรถเฉพาะคนพิการ ถือเป็นนโยบายสำคัญในเรื่องนี้
จนตราบเท่าทุกวันนี้
เรายังพบเห็นการให้ความอนุเคราะห์แก่คนพิการอย่างมาก เราจะเห็นอาสาสมัครที่เป็นวัยรุ่น
รับหน้าที่ดูแลคนพิการ ช่วยเข็นรถ ช่วยพาไปพักผ่อนตามสวนสาธารณะ
ไปเที่ยวศูนย์การค้า ไปทานอาหาร บางครั้งจะเห็นไปกันเป็นกลุ่มๆ
โดยที่เขาเหล่านั้นมิใช่ญาติของคนพิการเหล่านั้นด้วยซ้ำ
แต่เป็นการสร้างจิตสำนึกในความเอื้ออาทรต่อคนพิการ สร้างทัศนคติที่ดีต่อคนพิการ
อย่างน้อยเยาวชนที่นั่นได้รับรู้ว่าคนพิการเหล่านั้นคือผู้ที่เคยได้สละตนเองเพื่อป้องกันประเทศให้พวกเขาได้อยู่กันอย่างสุขสบายในปัจจุบัน
หรือต้องพิการเพราะการทำงานก็เพื่อสร้างชาติให้มั่นคง
เพราะฉะนั้น เขาๆ ทั้งหลายจึงไม่ทอดทิ้ง แม้ครั้งล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้
มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ประเทศเนปาล ก็พบเห็นสาวสวยวัยรุ่นเข็นรถคนพิการที่เป็นชาวญี่ปุ่นด้วยกันที่นั้น
ไปเที่ยวไหนต่อไหน เมื่อไปทักทายจึงทราบว่าแท้จริงแล้วหาใช่เป็นบิดาของสาวคนนั้นตามที่เข้าใจเอาเองไม่
เธอบอกว่าเป็นเพื่อนของเขา ทั้งๆ ที่อายุต่างกันราวจะเป็นพ่อลูกกัน
นี่คือน้ำใจที่งดงามของคนญี่ปุ่นที่ยังมีอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้
ในประเทศสหรัฐอเมริกาก็เช่นกัน
ให้ความสำคัญต่อคนพิการไม่น้อยหน้ากัน ด้วยเหตุผลคล้ายกันและทำเหมือนๆ
กันกับประเทศญี่ปุ่น เคยไปเที่ยวกับคนไทยที่นั่น ที่มีสามีเป็นทหารอเมริกันจากสงครามเวียดนามและเป็นคนพิการ
ทราบว่าเขาได้รับความสะดวกในเรื่องเหล่านี้อย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการจอดรถในที่ที่จัดไว้สำหรับคนพิการ
ไม่ว่าจะไปที่ไหน มิหนำซ้ำรถยนต์ที่ใช้สำหรับคนพิการก็จะมีป้ายทะเบียนที่บอกเอกลักษณ์ด้วยสัญลักษณ์รูปวีลแชร์เป็นป้ายทะเบียน
หากไม่มีก็จะมีสติ๊กเกอร์ติดที่กระจกรถยนต์แทน หรือป้ายสำหรับแขวนไว้ที่ภายในด้านหน้าของรถ
เพื่อบอกให้ทราบว่ารถที่จอดไว้ในที่จอดรถสำหรับคนพิการนี้
คือรถของคนพิการจริงๆ เพราะจะเห็นสัญลักษณ์ที่ว่านั้นห้อยไว้ที่นั่น
การฝ่าฝืนของบุคคลธรรมดาไปใช้สิทธิที่จอดรถสำหรับคนพิการเพื่อจอดรถตัวเอง
เพื่อตัวเองจะได้รับความสะดวก จะมีโทษปรับที่สูงมาก หรือหากไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่านี่คือรถสำหรับคนพิการที่มาทำธุระที่นี่
ผู้คนทั่วไปจึงไม่กล้าไปสวมสิทธิ
หันกลับมามองที่ประเทศไทย
ตามที่กล่าวแล้วข้างต้น แม้จะมีคนพิการที่จะใช้รถ หรือมีผู้ที่จะขับรถพาคนพิการไปเที่ยว
ไปเดินเล่น ไปทานอาหาร ตามห้าง ตามศูนย์การค้า กลับไม่ได้รับความสะดวกตามที่จัดไว้
เพราะคนไทยโดยทั่วไปมักจะเสียดายที่ที่ว่างเว้นไว้เป็นที่จอดรถนั้น
และคงคิดเอาเองว่า คงไม่มีใครพาคนพิการมาเที่ยว หรือคนพิการที่ไหนจะขับรถมาจอดตรงนั้น
เลยเข้าไปจอดแทน ทั้งๆ ที่ตัวเอง ญาติตัวเอง ก็ไม่มีใครเป็นคนพิการ
ลองไปสังเกตดูจะพบว่าที่จอดรถสำหรับคนพิการนี่แหละจะเป็นทำเลทองของผู้ฉวยโอกาสแล่นรถเข้ามาจอด
แทนที่จะไปวนหาที่จอดรถที่อื่น เพราะคิดว่านอกจากจะมีที่ว่างให้ตนเองจอดได้แน่ๆ
แล้ว ยังใกล้ทางเข้าอาคาร ที่ไม่ต้องเดินไกลอีกด้วย นอกจากกฎหมายจะเอื้อมไปเล่นงานผู้ที่ฉวยโอกาสอย่างนี้ไม่ถึงแล้ว
การจัดที่จอดรถนั้นไว้ ก็แค่ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายของการสร้างอาคารเท่านั้นเอง
เราไม่ได้ปลูกจิตสำนึกให้เห็นใจต่อคนพิการเหล่านี้ไว้
ให้กับประชาชนคนไทยด้วยกัน แต่ก็คงหวังอะไรตรงนี้ไม่ได้มากนัก
เพราะครั้งหนึ่งเราเคยเจอเหตุการณ์คนพิการมาร้องเรียกสิทธิเพื่อคนพิการ
แต่หน่วยงานและหัวหน้าหน่วยงานคนที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรงกลับปฏิเสธที่จะไปพบ
แถมบอกให้คนพิการมาพบเขาที่ทำงานด้วยซ้ำไป ฉะนั้น ที่จอดรถสำหรับคนพิการของประเทศไทยจึงเป็นกลายเป็นเพียงที่จอดรถของคนปกติที่แค่พิการทางใจเท่านั้นเอง
|