Skip Navigation


 

โลกของคนหูหนวก


English Version หน้าแรก Thai Version

"เอกลักษณ์ ชูพลสัตย์" ปั้นคนพิการเก่งงานคอมพ์

คอลัมน์ รู้เขารู้เรา

โดย ศีล มติธรรม

"เอกลักษณ์ ชูพลสัตย์" หรือครูอาร์ต คนเมืองนนท์ ซึ่งพิการขาเดินไม่ได้ เนื่องจากต้องผ่าตัดเนื้องอกที่กระดูกสันหลังตั้งแต่อายุ 3 เดือน ชีวิตนี้จึงต้องนั่งบนรถเข็นตลอด แต่ไม่ว่าร่างกายจะพิการอย่างไร เขาก็พากเพียรเล่าเรียนจนจบมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต คณะบริหารธุรกิจ และยึดอาชีพเป็นครูที่มูลนิธิส่งเสริมและพัฒนาคนพิการ ปากเกร็ด นนทบุรี มากว่า 10 ปี

ด้วยความมานะบากบั่น อาศัยเรียนคอมพิวเตอร์โปรแกรมต่างๆ โดยเฉพาะโปรแกรมกราฟิค ด้วยตนเองจนเก่ง ปัจจุบันสอนกราฟิคปั้นคนพิการจนได้งานกราฟิคในองค์กรใหญ่ๆ หลายแห่งแล้ว

@ คอมพิวเตอร์ทางเลือกที่ดีสำหรับคนพิการ

จริงๆ แล้วคนพิการมีความสามารถหลายๆ ด้าน แต่เขาจะต้องค้นหาตัวเองว่าชอบและถนัดทางด้านไหน คอมพิวเตอร์ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง ผมคิดว่าเหมาะกับคนพิการเพราะไม่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายมาก สามารถนั่งทำงานอยู่กับบ้าน บางคนพิการหนักคือไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ขยับมือได้นิดหน่อย ใช้มือไม่ได้เลย ก็สามารถรับงานได้ ออกแบบได้ รับงานอยู่กับบ้านได้

หลายคนไม่มีความรู้คอมพิวเตอร์มาก่อน บางคนไม่ได้เรียนหนังสือด้วยซ้ำ ภาษาอังกฤษก็อ่านไม่เป็น แต่หลายคนสามารถส่งเสียน้อง ส่งเสียครอบครัว ซึ่งเป็นความภูมิใจ การที่เราให้โอกาสคนคนหนึ่ง แล้วเขาสามารถนำความรู้ตรงนี้ไปใช้ในการดำรงชีวิต

@ ทราบว่ามีหลายองค์กร เช่น โครงการแบ่งปันเพื่อสังคมที่ยั่งยืนเข้ามาช่วยเหลือ เช่น หาครู หาเครื่องมือใหม่ๆ มาให้

ระยะเวลาของหลักสูตรมีเพียงแค่ 6 เดือน เราเรียนหลายวิชา อย่างกราฟิคเรียนประมาณ 7-8 วิชา ค่อนข้างจะเยอะ ฉะนั้น ถ้ามีอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกมาใช้ จะทำให้วิชาความรู้หรือสิ่งที่เราจะสอนให้กับนักเรียนเพิ่มขึ้นได้เยอะ เขาก็มีเวลาฝึกให้เก่งมากขึ้น ทำให้มีโอกาสได้งานมากขึ้น (ติดต่อได้ที่มูลนิธิส่งเสริมและพัฒนาคนพิการ ปากเกร็ด นนทบุรี 0-2582-2898)

@ เนื้อหาหลักสูตรที่เปิดสอน

วิชากราฟิคจะสอนค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านของเว็บ สิ่งพิมพ์ หรือแอนิเมชั่น การที่เราสอนให้เด็กเยอะ คือเราไม่รู้ความถนัดของเด็ก ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เพราะไม่เคยเรียนมาก่อน สองเขาไม่รู้ว่าจบไปแล้วจะไปทำงานอะไร คือเราจะไม่สอนให้เขาเลือกงาน จะพยายามสอนหลากหลายให้เขาไปทำงานได้หลากหลายสาขา

ในระหว่างเรียนจะมีการประเมินในด้านวิชาความรู้ และเรื่องความประพฤติ เพื่อเป็นกรอบให้เขาไปอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้อย่างไม่มีปัญหา กฎหลักๆ ที่เรามองรุนแรงอย่างเช่นยาเสพติด ชู้สาว ลักขโมย ถ้าเกิดว่าฝ่าฝืนกฎหลักๆ นี้ครั้งแรกมีการทำทัณฑ์บน ครั้งที่สองเรียกเตือน ถ้าไม่ฟังอีกก็พ้นสภาพ ทุกวันจันทร์จะมีการพบกลุ่มตอนกลางคืน จะมานั่งคุยกันว่ามีปัญหาอะไร เราก็มาปรับมาแก้ไขอะไรที่ดีหรือไม่ดีก็ช่วยกัน

ตอนนี้เริ่มมี Call Center ถ้ามีทุน หรือสถานที่พร้อม อีกหน่อยจะทำเป็นหลักสูตรระยะสั้นกับระยะยาว ระยะสั้นคือมาเรียนจบไปแล้วไปทำงานได้เลย เช่น ทำขนม งานฝีมือ จบไปทำธุรกิจของเขาเอง เพราะบางคนไม่สะดวกเดินทาง อีกอย่างอยากเสริมเรื่องภาษาจะได้รับงานแปลเอกสารอยู่กับบ้าน

@ อัตราการได้งาน

ตอนนี้ร้อยละ 85 ของนักเรียนในแต่ละรุ่นมีงานทำกันหมดแล้ว บางคนเรียนยังไม่ทันจบก็ได้งาน เรียนจบหมายถึงปีหนึ่ง โปรแกรมสำนักงาน 6 เดือน โปรแกรมกราฟิคอีก 6 เดือน บางคนจบแค่สำนักงานออกไปทำงานก็มีเพราะไม่ชอบกราฟิค ช่วงที่เรียนก็พักที่มูลนิธิ

เนื่องด้วยกฎหมายบังคับว่าบริษัทที่มีพนักงาน 200 คนขึ้นไป ต้องรับคนพิการเข้าทำงาน 1 คนอย่างน้อย ตอนนี้นายจ้างก็ติดต่อมาจนคนเราไม่พอ อีกอย่างค่าจ้างคนพิการไม่แพงอย่างทำโปรแกรมสำนักงานตกแค่คนละ 5,000-8,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับวุฒิ แต่คนพิการข้อเสียคือวุฒิมีไม่มากเพราะไม่สะดวกไปเรียน แต่ถ้าได้งานกราฟิคจะได้เงินดีขึ้นมาหน่อย

ส่วนใหญ่บริษัทที่รับคนพิการเข้าไปทำงานจะคาดหวังว่าพวกเขาจะต้องตั้งใจมีความขยันมากกว่าคนปกติ จริงๆ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบ ความคิดส่วนบุคคลสภาพร่างกายเขาอาจจะไม่สมบูรณ์ไปไหนไม่สะดวก แต่ถ้าได้คนขี้เกียจ ไม่ขยัน ไม่ตั้งใจไปก็แย่ ส่วนใหญ่พยายามจะเน้นว่าคุณมาเรียนคุณต้องตั้งใจ จบไปจะได้มีความรู้ติดตัวเพื่อไปแข่งกับคนอื่นที่ปกติ เพราะคุณพิการคนมีจุดเสียเปรียบ ต้องหาสิ่งอื่นมาเพื่อเป็นข้อได้เปรียบหรือจุดเด่นของตัวเอง

มติชนรายวัน วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11193 หน้า 23

กลับไปหน้าแรก