ดาราโดนใจ : "อุ้ม" สิริยากร ชีวิตกระจ่างใสในโลกมืด

หากจะเปิดประตูให้ใครสักคนเข้ามาสู่ห้องหัวใจ คุณจะเลือกใครระหว่าง คนสวยงามตามสายตาที่มองเห็น หรือความดีความงามตามที่ใจสัมผัส สำหรับ น้องอุ้ม สิริยากร พุกกะเวส เธอยืนยันความรู้สึกที่มีต่อผู้คนและสรรพสิ่ง ด้วยการสัมผัสจากใจ ภายหลังจากได้ไปออกรายการ "เจาะใจ" ของ บริษัท เจ เอส แอล จำกัด กับมิติใหม่ ในโอบล้อมของความน่าสนใจ ซึ่งหาใช่แค่ความแปลกใหม่ที่ฉาบฉวย หากมันคือเนื้อแท้ของการนำเสนอ ที่ตรึงผู้คนให้นั่งดูติดต่อกันจนถึงวินาทีสุดท้าย ด้วยรูปแบบรายการใหม่ ร้อยรัดไว้ด้วยความหนักแน่นทั้งเนื้อหาสาระและความบันเทิง

ตอนแรกที่รายการนำเสนอเรื่องของ น้องอุ้ม สิริยากร พุกกะเวส ว่าเธอจะมาในรูปแบบของคนตาบอด ที่โลกมืดขนาบข้างชีวิตเธอไว้ถึงห้าวันห้าคืน ความกังขาเริ่มเลื้อยไล่เข้ามายังขั้วหัวใจฉัน แม้จะไม่มีโอกาสโทรศัพท์ไปสอบถามด้วยตัวเอง ก็พอจะดุ่มเดาเอาไว้ว่า ร่มเงาของความอึดอัดกำลังจะทอทาบลงตรงผู้หญิงมากความสามารถคนนี้ แล้วเธอจะทนได้หรือ ไม่ต้องถึงขนาดห้าคืนห้าวันหรอก แค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ที่ทดลองเอาผ้าปิดตาไว้ มันก็เกิดความมืนงง จนแทบจะพยุงตัวไปไม่รอด แล้วน้องอุ้มผู้เริงร่า ซึ่งเกิดมาพร้อมสรรพ มีทุกสิ่งทุกอย่างครบส่วน แถมยังสวยงามเป็นถึงระดับนางเอกชั้นแนวหน้าของวงการ จู่ๆ จะมานั่งให้โลกทดสอบในฐานะคนพิการทางสายตา เป็นไปได้อย่างไร จะบ้าหรือ

ในวันแรกที่น้องอุ้มทดลองให้ทีมงานปิดตาของตัวเองให้มืดสนิทลง ยังเห็นเธอหัวเราะขบขันในอากัปกิริยาและโลกมืดที่ตัวเองไม่คุ้นเคย มันจึงดูเก้ๆ กังๆ สะเปะสะปะ เงอะๆ งะๆ อาการส่งตัวไปข้างหน้าอย่างไม่สามารถกำหนดทิศทางว่าจะไปเจอสิ่งใดได้ ทำให้อุ้มต้องอุทานเป็นภาษาแปลกๆ ออกมาหลายหน จนคนดูมิวายลุ้นตาม รายการให้อุ้มนั่งมองตัวเองขณะเดินดุ่มอยู่ในโลกมืด เธอยังหัวเราะต่อหลายๆ อิริยาบถที่ตัวเองทำเป๋อเปิ่น

โลกในชีวิตจริงของคนตาบอด ส่งอุ้มให้ออกเดินไปขายลอตเตอรี่กับเพื่อนที่มีความเป็นอยู่ในโลกใบเดียวกัน สร้างความผูกพันทางใจให้กับผู้ร่วมชะตากรรมอย่างน้องอุ้ม ที่เริ่มเกิดความเห็นอกเห็นใจ ในนาทีที่เจอวิบากกรรมนั้นไม่มีใครรู้จักและไม่สนใจให้การช่วยเหลือ แม้คิดว่าจะเสี่ยงโชคก็ยังเกิดขึ้นน้อย จึงเมินเฉยและเดินจากไปอย่างมิมีเยื่อใย แม้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาจะมองเห็นว่า ผู้ที่กำลังยืนตะโกนขายอยู่นั้นมองไม่เห็น เพราะในสังคมปัจจุบันที่มีแต่ความเร่งรีบเป็นตัวกำหนด ไม่สามารถฉุดรั้งให้พวกเขาพินิจพิจารณาได้ว่า เสียงเจื้อยแจ้วขายลอตเตอรี่นั้นคือใคร

มีอยู่ตอนหนึ่งที่คนดูแสนจะสงสารน้องอุ้มสุดใจ ก็คือเธอร้องไห้จนตัวโยน ในช่วงที่เดินไปแล้วเอาหัวไปโขกเข้ากับวัตถุแข็งๆ สักอย่างหนึ่งเข้า อุ้มนั่งกุมขมับตัวเองตรงเชิงบันใด กับแม่ที่กำลังเข้าไปปลอบโยน การร้องไห้ในครั้งนี้ มันช่างแตกต่างจากการร้องไห้ในบทบาทที่เธอได้รับ กับงานแสดง แต่มันคือการร้องไห้อย่างร้าวราน ฉายความทุกข์ระทมในโลกมืดให้เห็นจนเกิดความรู้สึกทั้งสงสารทั้งอยากยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ

เมื่อภารกิจสิ้นสุด น้องอุ้มออกมายืนยันถึงบทบาทการรับน้องคนหนึ่ง ซึ่งเรียนจบปริญญาตรี แต่พิการทางสายตา เข้าไปทำงานยังบริษัทบ้านอุ้ม จำกัด ที่เธอเป็นเจ้าของ แถมยังบอกเล่าถึงรายละเอียดในการเข้าไปช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา จึงทำให้เกิดความกระจ่างชัดเห็นเป็นรูปธรรมว่า คนเรานั้นไม่ควรวัดค่าความดีงามของคนอื่นแค่เปลือกนอกที่สายตามองเห็น เพราะสิ่งที่ได้ยินจากความรู้สึกของน้องคนนั้นซึ่งมาออกรายการด้วย บอกว่าเวลารู้จักใครจะสามารถบอกได้ว่า คนนั้นคนนี้ประมาณไหน หรือนิสัยเป็นอย่างไรนั้น เกิดจากการพูดคุย ฟังเสียง และสัมผัสได้ที่ใจ จึงจะสรุปได้ว่าคนที่เรากำลังรู้จักอยู่นั้นเป็นเช่นไร

หากบทพิสูจน์ที่แท้ของการที่เราได้มีโอกาสเข้าไปนั่งในหัวใจใครคนหนึ่งได้อย่างลึกซึ้งและเข้าใจซึ่งกันและกันนั้น ก็คือการสัมผัสกันได้ด้วยหัวใจ หาใช่เพียงสายตามองเห็นแล้วสรุปได้ เชื่อเหลือเกินว่าคงจะมีคนรักหลายคู่ที่ลงเอยกันยาวนาน คงจะมีบริษัทห้างร้านอีกมากมายที่เจริญงอกงาม เพราะพนักงานมีความงามที่ใจ น้องอุ้มเองก็ได้พิสูจน์ให้เห็นและรู้ซึ้งถึงชีวิตของผู้คนในโลกมืด พร้อมทั้งยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผู้คนในโลกดังกล่าวแล้วด้วยความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จากการเข้าร่วมออกอากาศของ "เจาะใจ" รายการดี ที่มีเนื้อแท้แข็งแกร่งอยู่ข้างใน และให้อะไรคืนสังคมเหลือคณา