'มะเร็งกล่องเสียง' ภัยเงียบในตัวคุณ

หลักประกันสุขภาพของคนไทยคืออะไร...? ไม่มีใครตอบแทนได้นอกจากตัวคุณเอง เพราะปัจจุบันโรคภัยไข้เจ็บคืบคลานมาใกล้มนุษย์เพียงหยิบอาหารเข้าปาก ขณะที่ค่านิยมคนรุ่นใหม่กลับให้ความสำคัญกับการสูบบุหรี่ กินเหล้า จึงไม่น่าแปลกใจที่มีคนป่วยด้วยโรคร้ายตั้งแต่อายุยังน้อย

"มะเร็ง" เป็นอีกโรคภัยคร่าชีวิตคนไทยรายวันที่มีไม่ต่ำกว่า 100 ชนิด ซึ่ง "มะเร็งกล่องเสียง" เป็นอีกชนิดที่ทวีความรุนแรงขึ้นเนื่องจากบ่อเกิดของโรคเกิดจากการกินเหล้า สูบบุหรี่ และที่ร้ายกว่านั้นมาจาก "ควันบุหรี่มือสอง"

ไม่ว่าใครคงไม่อยากเผชิญ กับโรคมะเร็งกล่องเสียง แต่สำหรับ การุญ ตระกูลเผด็จไกร วัย 61 ปี เริ่มสูบบุหรี่วันละ 2 ซองตั้งแต่อายุ 18 ปี พร้อมดื่มเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานเกือบทุกเย็น ทำให้เขาเป็นมะเร็งกล่องเสียงตั้งแต่อายุสามสิบต้น ๆ ขณะเดียวกันก็ทำให้มองเห็นคุณค่าชีวิตของตนเองและเผยแพร่ความรู้ให้กับผู้อื่นเรื่อยมา

"พ่อ...ทำไมไม่พูด" ลูกชายตัวน้อยวัย 2 ขวบ เมื่อ 20 ปีก่อนถามการุญ ที่เพิ่งผ่านการตัดกล่องเสียงมาหมาด ๆ ทำให้ไม่สามารถพูดได้จึงต้อง ไปเรียนการพูดโดยใช้หลอดอาหารกับครูคนไทย แต่เรียนแล้วเรียนเล่าก็ยังไม่สามารถพูดได้เนื่องจากครูเป็นคนปกติทำให้ไม่สามารถเข้าใจผู้ที่ตัดกล่องเสียง

"ตอนนั้นเครียดมากเพราะเราเคยเป็นปกติพูดได้ แต่พอตัดกล่องเสียงพูดไม่ได้ทำให้ขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิต ไม่กล้าเข้าสังคมกับผู้อื่น เราพยายามไปเรียนออกเสียงด้วยหลอดอาหารกว่า 3 เดือนกับครูคนไทยเพราะสมัยก่อนโรคมะเร็งกล่องเสียงยังไม่แพร่หลายในสังคมแต่ก็ทำไม่ได้" การุญ กล่าวถึงความอัดอั้นในอดีต

การุญ ผู้เคยคิดปลิดชีวิตตัวเองเล่าถึงสิ่งที่ทำให้เขาพูดได้ด้วยหลอดอาหารอีกครั้งว่า ด้วยความที่ประเทศไทยยังไม่ค่อยมีผู้เชี่ยวชาญในการสอนพูดโดยใช้ หลอดอาหาร ทางประเทศญี่ปุ่นจึงมีทุนให้ตนไปเรียนเป็นรุ่นแรกของประเทศไทย 4 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลา 3 เดือน โดยการฝึกแบบง่าย ๆ คือ กลืนน้ำลายโดยให้อากาศเข้าไปในช่องท้อง แล้วก็บังคับลมภายในดันออกมาผ่าน หลอดอาหารเหมือนการเรอ ช่วงแรกต้องหัดออกเสียงด้วยการนับเลขหนึ่งถึงสิบเพราะเป็นเสียงพยางค์เดียว จนพัฒนาไปสู่การออกเสียงสองพยางค์และเป็นประโยคยาว ๆ ซึ่งกว่าจะพูดคล่องต้องใช้เวลาฝึกถึง 3 ปี

แต่ผู้ป่วยหลายคนกว่าจะพูดด้วยหลอดอาหารได้ต้องใช้ความอดทนจากแรงเสียดทานของผู้คนในสังคมที่มองคนเหล่านี้เป็นคนพิการ ขณะที่โรคร้ายภายในร่างกายและจิตใจยัง คงบั่นทอนให้เกิดความท้อแท้ การุญ เล่าถึงประสบการณ์การสอนกว่า 20 ปีว่า มีหลายคนเรียนไปก็ยังพูดไม่ได้เพราะจิตใจได้รับผลกระทบจากครอบครัวแตกแยก บริษัทเลิกจ้าง ถูกล้อเลียนจากคนในสังคมเช่น เด็กผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาดีแต่พอตัดกล่องเสียงพูดไม่ได้เพื่อนเรียกเธอว่า นางใบ้ ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นมะเร็งเพราะได้รับควันบุหรี่มือสองจากพ่อ ดังนั้นครอบครัวและคนรอบข้างจึงมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือให้กลุ่มคนเหล่านี้พลิกฟื้นร่างกายอย่างรวดเร็ว

"ภาครัฐน่าจะมีส่วนช่วยเหลือผู้ตัดกล่องเสียงมากกว่านี้เพราะทุกวันนี้ภาครัฐช่วยเหลืองบประมาณเพียงบางส่วน ซึ่งไม่พอกับความต้องการของคนไข้ที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ เนื่องจากการหัดพูดด้วยการใช้หลอดอาหารต้องมีการสอนทุกวันเพื่อให้ครูได้รับรู้พัฒนาการของผู้เรียน แต่ขณะนี้ชมรมจัดสอนได้เพียงภูมิภาคละ 3 ครั้งต่อปี" การุญ กล่าว

ในฐานะ การุญ เป็นนายกและผู้ก่อตั้งสมาคมผู้ไร้กล่องเสียงแห่งประเทศไทย เล่าว่า ตอนนี้ชมรมมีเครือข่ายกว่า 25 หน่วยงานกระจายอยู่ทั่วประเทศ มีสมาชิกกว่า 2,400 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ยากไร้เนื่องจากไม่มีเงินทุนในการซื้อเครื่องช่วยพูดที่มีราคาสูง ขณะเดียวกันในแต่ละปีมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 100 คน น่าสนใจว่า นับวันผู้ป่วยจะมีอายุน้อยลงเพราะค่านิยมของคนรุ่นใหม่ที่ชอบสังสรรค์ด้วยการกินเหล้า สูบ บุหรี่ ทุกวันนี้ตนพยายามรณรงค์ตามโรงเรียนให้เด็กเห็นถึงพิษภัยที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ซึ่งเด็กหลายคนพอเห็นตนต้องสูญเสียกล่องเสียงก็ไม่นึกอยากไปกินอีก

ปัจจุบันมีบุคลากรสอนการพูดโดยใช้หลอดอาหารที่ หลัก ๆ เพียง 4 คน ซึ่งยังไม่เพียงพอเนื่องจากบางส่วนต้องทำงานประจำ และบางส่วนเสียชีวิตลงเฉลี่ยปีละ 20 คน เนื่องจากบางคนถึงแม้จะตัดกล่องเสียงแต่มะเร็งก็ลุกลามไปยังอวัยวะอื่นหรือทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่ยากจะดูแล

"ทุกวันนี้เห็นคนนั่งกินเหล้าก็นึกถึงตัวเองตอนยังดี ๆ ว่าไม่น่าไปกินเลย ถ้าหากไม่หลงผิดตั้งแต่แรกคงไม่ต้องลำบาก เหมือนปัจจุบันเพราะต้องคอยระวังในการใช้ชีวิตเช่น เมื่ออาบน้ำต้องคอยระวังไม่ให้น้ำลงไปในช่องคอที่เจาะอยู่ ซึ่งหากน้ำลงไปในคอจะทำให้เส้นเลือดฝอยแตกทำให้ไอออกมาเป็นเลือด ขณะเดียวกันเวลาหายใจก็ต้องผ่านช่องคอซึ่งต่างจากหายใจทางจมูกที่มีขนจมูกกรองฝุ่น แต่นี่ต้องคอยระวังไม่ให้ฝุ่นเข้าไปในลำคอ" การุญ กล่าว

การุญ ยังได้แนะนำถึงการเลิกเหล้าและบุหรี่ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิตใจ ดังที่ท่านพุทธทาสภิกขุสอนว่าสิ่งเหล่านี้เหมือนผีปอบคอยบังคับให้จิตใจมีความอยากกิน อยากสูบเพิ่มขึ้น แต่หากตนเองมีความเข้มแข็งด้านจิตใจคิดเสียว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นผีปอบคอยบังคับ ไม่หลงไปตามความอยาก มีความเข้มแข็งด้านจิตใจ หากอยากก็นึกเสียว่าไม่ใช่ตัวเราที่อยาก

"คนกินเหล้าสูบบุหรี่จนตั้งแต่ลองทีแรกเพราะต้องใช้เงินตัวเองในการซื้อ หากนำเงินเหล่านั้นมาเป็นเงินเก็บจะได้เงินมหาศาลที่จะทำให้ครอบครัว และคนรอบข้างมีความสุข จึงอยากจะเตือนคนรุ่นใหม่ที่กำลังคิดจะลองว่าถ้าไม่อยากเป็นเหมือนผมก็ขอให้เลิกซะ" การุญ ทิ้งท้าย

เห็นได้ว่าผลร้ายที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงส่งผลกระทบทั้งร่างกายและ จิตใจของตนเอง ขณะเดียวกันคนที่เสียใจไม่ ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือ ครอบครัวและคนรอบข้าง.

7 ความเสี่ยงของผู้หญิงสูบบุหรี่

1.อวัยวะภายนอกและภายในจะแก่ก่อนวัยกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่เฉลี่ย 10 ปี
2.เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ 10 เท่า
3.มีโอกาสเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงขึ้นอย่างมากพบว่าผู้หญิงที่สูบบุหรี่จะเกิดอาการหัวใจล้มเหลวมากกว่าผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่ 2-6 เท่า และมีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจวายกะทันหันเพิ่มขึ้น 20 เท่า
4.เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกสูงกว่าผู้หญิงทั่วไปถึง 4 เท่า เพราะการสูบบุหรี่ ทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง
5.มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ หรือผู้ที่เลิกสูบบุหรี่แล้วถึงร้อยละ 25
6.เสี่ยงต่อการเป็นโรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เพิ่มขึ้นมากกว่าผู้หญิงทั่วไปอีก 1 เท่า เพราะนิโคตินไปทำลายกล้ามเนื้อที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ ดังนั้นเมื่อสูบบุหรี่เข้าไปจะทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนตัวลง ผู้ที่สูบบุหรี่จึงมีโอกาสกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ 7.ผู้หญิงที่สูบบุหรี่และรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นประจำมีโอกาสเกิดอาการเส้นเลือดหัวใจตีบเฉียบพลันหรือหัวใจวายสูงขึ้น 39 เท่า มีอัตราการตายมากกว่าผู้ไม่สูบบุหรี่ที่กินยาคุมกำเนิดถึง 3 เท่าตัว เพราะการสูบบุหรี่ทำให้ร่างกายได้รับสารพิษที่ทำปฏิกิริยากับยาคุมกำเนิด มีผลให้เลือดแข็งตัวง่ายขึ้น และเกิดการอุดตันของหลอดเลือดง่ายขึ้น

ทีมวาไรตี้ ศราวุธ ดีหมื่นไวย์