โลกเงียบที่ไม่เงียบเหงา ของว่าที่ดอกเตอร์ "มิ่ง”

น้องมิ่ง เด็กสาวหูพิการ ได้ทุนเรียนต่อปริญญาโท และเอก ต่างประเทศ เผยผลของการไม่ย่อท้อทำให้มีวันนี้ ถ้ามีความตั้งใจสามารถทำอย่างได้เหมือนคนปกติ
“น้องมิ่ง” จักริ์รดา อัตตรัถยา เด็กสาวที่อยู่ในโลกเงียบ เนื่องจากมีความพิการทางหูมาแต่กำเนิด ถ้าไม่ได้แรงผลักดันจากครอบครัวและตัวเองที่มีใจมุ่งมั่น วันนี้ของน้องมิ่งอาจจะไม่ก้าวไกลมาอย่างที่กำลังเป็นอยู่

ทีมงานคุณภาพชีวิต ได้คุยกับน้องมิ่งอีกครั้ง หลังจากได้ติดตามเรื่องราวของเธอมาตั้งแต่เพิ่งสอบติดที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนวันนี้เธอเรียนจบปริญญาตรี

น้องมิ่ง เล่าว่า หลังจากเรียนจบ เธอก็สอบชิงทุนรัฐบาล ปี 2551 เพื่อไปเรียนระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ที่ต่างประเทศได้ถึง 4 ทุน แต่แล้วเธอก็ตกสัมภาษณ์ทั้งหมด

ซึ่งในครั้งนั้นทำให้รู้สึกท้อเหมือนกันว่า ข้อเขียนที่ทำได้ทั้งหมดจนผ่าน แต่แล้ว ต้องมาตกข้อเขียน เพียงเพราะเธอเป็นเด็กพิการกระนั้นหรือ แต่ด้วยความที่คนร่าเริง และมีความพยายามมาตลอด เลยทำให้ไปทำงานที่ไบโอเทค ในตำแหน่งผู้ช่วยวิจัยหลังจากทำงานอยู่ได้ไม่นาน เมื่อมีการเปิดสอบชิงทุนเพื่อเรียนต่อของปี 2552 เธอก็ไปลองสอบอีกครั้ง และในคราวนี้เธอก็สอบได้อีก โดยมีหน่วยงานที่มีชื่อว่า สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน เป็นเจ้าของทุนที่เธอสอบได้

น้องมิ่ง กล่าวอีกว่า ทุนที่สอบได้ครั้งนี้ เป็นทุนที่ได้ไปเรียนต่อในระดับปริญญาโท และปริญญาเอก เรียนที่ยุโรป หรือ อเมริกา แต่ที่ยังบอกไม่ได้ว่าจะต้องไปเรียนที่ไหน เพราะสามขานี้มีคนที่เรียนน้อยมาก มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนก็ยังมีไม่มาก ดังนั้น ก็ต้องดูด้วยว่า มหาวิทยาลัยไหนมีการทำวิจัยบ้าง ถ้ามีการทำวิจัยอยู่ก็หมายความว่า ที่มหาวิทยาลัยนั้นมีอาจารย์สอนอยู่ด้วย ซึ่งขณะนี้ก็ยังอยู่ในช่วงที่เลือกดูว่า มีมหาวิทยาลัยบ้างที่มีการเรียนการสอน

“ช่วงนี้มิ่งอยู่ในช่วงของการเตรียมเรื่องภาษาอังกฤษด้วย เพราะเมื่อหามหาวิทยาลัยได้แล้ว ก็ต้องส่งรายละเอียดเพื่อสมัครไป แล้วภาษาอังกฤษก็ต้องได้ตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนดด้วย ดังนั้น ช่วงนี้มิ่งเลยต้องติวเข้มภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ คาดว่า อีกไม่กี่เดือนก็คงจะรู้ผลตอบรับจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ส่งไป ว่า ตอบรับมาเป็นอย่างไรบ้าง”

น้องมิ่งกล่าวต่อว่า แสงซินโครตรอนนั้น ถือได้ว่า เป็นอีกหนึ่งความทันสมัยในวงกาแพทย์ ที่จะช่วยทำให้ผลของการตรวจสอบต่าง ในห้องแล็บ รวดเร็วกว่าที่กำลังเป็นอยู่ ซึ่งถือว่า เป็นอีกหนึ่งความสำคัญในเรืองของวิวัฒนาการในวงการแพทย์ และวิทยาศาสตร์

การเรียนทางด้านซินโครตอน ไม่ใช่ใหม่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น สำหรับในต่างประเทศก็เป็นเรื่องใหม่ด้วย หลังจากเรียนจบมาแล้ว เธอต้องทำงานในห้องแล็บ อยู่กับการดูเรื่องซินโครตรอน ซึ่งถือได้ว่า เป็นนักวิทยาศาสตร์เต็มตัว

“มิ่งชอบวิทยาศาสตร์ อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ และอยากบอกให้รู้ว่า คนที่พิการก็สามารถเรียนจบจนเป็นดอกเตอร์ได้ ถ้าไม่ย่อท้อ คนพิการก็สามารถทำทุกอย่างได้เหมือนคนปกติ" น้องมิ่ง บอกในตอนท้าย