"จิตหลุดพ้นแล้ว
ญาณย่อมมี"
ท่านได้บรรยายธรรมไว้เมื่อปี
พ.ศ. ๒๕๒๔ ณ วัดโมกขวนาราม อ.เมือง จ.ขอนแก่น
แนะนำ
"การเจริญสติ
ที่เรียบง่าย
ไม่จำกัดคุณสมบัติของผู้ปฏิบัติ
ไม่ขึ้นกับศาสนาที่นับถือ,ระดับการศึกษา,ระดับสติปัญญา,....
การปฏิบัติเน้นการรู้สึกตัว
โดยอาศัยรู้อิริยาบถของร่างกายซึ่งเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ช้าหรือเร็วเกินไป
ผลของการขาดสติ
และ การมีสติ
"...วิธีที่ผมจะนำมาพูดในขณะนี้
เพื่อทำความเข้าใจกับพวกเรา คือ ให้มีสติ
ให้มีสติ..."
วิธีการเจริญสติ และรักษาสติให้อยู่กับตัว
หลวงพ่อเตือนสติ...
คนเราเกิดมาอายุร้อยปี
ถ้าหากไม่รู้
ไม่เห็น ไม่เข้าใจ ไม่ได้สัมผัสกับเรื่องสภาพสภาวะชีวิตจิตใจของเรานี้
ไปไหนมาไหน
มันคิดนึกอะไรไม่รู้ไม่เห็นไม่เข้าใจ
คนผู้นั้นเกิดมาแล้วร้อยวันพันปี
ไม่รู้จักสภาพสภาวะ "อาการเกิดดับ" อันนี้
"ชีวิตบุคคลนั้นก็เป็นหมันเป็นโมฆะ..."
วิธีแก้ทุกข์
"หลักพุทธศาสนานั้น
ถึงจะมีมานานเท่าใดก็ตาม สอนแต่เรื่องทุกข์เท่านั้น
ให้เรารู้จักวิธีแก้ทุกข์
ดับทุกข์ในตัวเราให้ได้"
"ทุกข์เกิดขึ้นเพราะอะไร
เกิดขึ้นเพราะเราไม่เห็นจิต ไม่เห็นใจเรา"
"ธรรมที่มีอุปการะมาก สองอย่าง
หนึ่ง "สติ" ความระลึกได้
สอง "สัมปชัญญะ" ความรู้ตัว
เราไม่มีสติ
เป็นเพราะเราไม่เจริญสติ เราไม่รู้ตัวเรา
เพราะเราไม่ทำความรู้สึกตัวที่ตัวเรา
เราไปมีสติที่อื่นโน้น
ไปรู้ที่อื่นโน้น
นี่มันเป็นอย่างนั้น..."
"มีสติในทุกอิริยาบถ"
"สติเหมือนแมวจับหนู" (ความคิด) ....รู้ทันความคิด จะไม่หลง.....
ดูความคิดของเรานี่
ตอนแรกนั้นเราจะไม่
ทันเห็น
คิดไปร้อยเรื่องพันเรื่อง มันจะรู้อยู่เรื่องเดียว.....ความคิดน่ะ
มันสั้นลงๆ
สั้นลงจนมันคิดปุ๊บเห็นปั๊บ เหมือนแมว จับหนูนั่นแหละ.."
"...ความคิด มันคิดขึ้นมา ให้มันเห็น ให้มันรู้ มันรู้แล้วมันหยุดเองเลย
ไม่เห็นไม่รู้นั้น
ท่านเรียกว่า ปฎิจจสมุปบาท..."
"...เมื่อเราเห็นความคิด อันตัวโทสะ โมหะ โลภะ
มันก็ไม่ได้มีอยู่แล้ว...
เรามาสะสมให้มันเห็นมันรู้อยู่ทุกวันๆ
วันละ
๑๐ ครั้ง ๒๐ ครั้ง ๑๐๐ ครั้ง ๑,๐๐๐ ครั้ง มันรู้ต่อๆไป
มันคิดอันใดมันรู้ปั๊บเลย
อันนั้นท่านว่ามันสว่างแล้ว..."