หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
แห่งวัดบูรพาราม อ.เมือง จว.สุรินทร์
ท่านเป็นศิษย์อาวุโสรุ่นแรกสุดของหลวงปู่มั่น
ภูริทัตโต พระอาจารญ์ใหญ่ฝ่ายอรัญวาสีในยุคปัจจุบัน
ศิษย์อาวุโสของหลวงปู่ดูลย์
รุ่นแรกๆ ได้แก่ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
ท่านจะเทศน์เรื่องจิตเพียงอย่างเดียว
โดยจะย้ำให้เราพิจารณาใน "จิต" อยู่เสมอ
คำสอนของหลวงปู่เป็นคำสอนสั้นๆ
และเฉียบคมล้ำลึก หลวงปู่มีปกติเป็นผู้ไม่พูด หรือพูดน้อยที่สุด
แต่มีปฏิภาณไหวพริบ
เร็วฉับไวมาก และไม่มีผิดพลาด พูดสั้นย่อ
แต่อมความหมายไว้อย่างสมบูรณ์
คำพูดของท่านแต่ละประโยคมีความหมาย และเนื้อหาจบลงโดยสิ้นเชิง
เหมือนหนึ่งสะกดจิตผู้ฟังหรือผู้ถามให้ฉุกคิดอยู่เป็นเวลานาน
และต้องใช้ความตริตรองด้วยปัญญา
อย่างลึกซึ้ง
เนื้อหาที่จะนำเสนอ
จะเป็นไปในลักษณะมีผู้ถามซึ่งอาจเป็นศิษย์ของท่าน
หรือฆราวาสที่มากราบเยี่ยมเป็นผู้ถาม
และท่านตอบอย่างสั้นๆ
เป็นปกติของท่าน แต่ลึกซึ้งยิ่งตามที่กล่าวแล้ว
หรืออีกลักษณะหนึ่งคือ
ท่านได้เทศน์อบรมสั่งสอนสั้นๆ
ถาม
- ภาวนาแล้วเห็น นรก สวรรค์ วิมานเทวดา ภาพทที่เห็นนั้นจริงหรือไม่
หลวงปู่ตอบ
- ที่เห็นนั้น เขาเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็็น ไม่จริง
*** หลวงปู่... - คิดเท่าไรๆ ก็ไม่รู้ ต่อเมื่อหยุดคิดได้ จึงรู้ แต่ต้องอาศัยความคิดนั่นแหละจึงรู้
หลวงปู่... - คนสมัยนี้ เขาเป็นทุกข์เพราะความคิด
*** หลวงปู่... - "ถ้ามีเวลาสำหรับหายใจ ก็ต้องมีเวลาสำหรับภาวนา"
***
ถาม - หลวงปู่ยังมีความโกรธอยู่ไหม
หลวงปู่ตอบ
- มี แต่ไม่เอา
***
ถาม - ทำอย่างไร จึงจะตัดความโกรธให้ขาดได้
หลวงปู่ตอบ
- ไม่มีใครตัดให้ขาดได้หรอก มีแต่รู้ทัน เมืื่อรู้ทันมันก็ดับไปเอง
ถาม
- ขอให้แนะนำ วิธีปฏิบัติง่ายๆ เพื่อแก้ไขคววามทุกข์ความกลุ้มใจ
หลวงปู่ตอบ
- อย่าส่งจิตออกนอก
หลวงปู่... - ทุกข์ ต้องกำหนดรู้ เมื่อรู้แล้ว ให้ละเสีีย ไปไว้มันทำไม
หลวงปู่แนะ
- ส่วนเรื่องของ "พระวินัย" นั้น ให้ศึกษาอ่่านตำรับตำราให้เข้าใจให้
ถูกต้องทุกข้อมูล
เพื่อปฏิบัติไม่ให้ผิดพลาด
ส่วน
"ธรรมะ" นั้น ถ้าอ่านมาก ก็จะมีวิตกวิจารมาก จึงไม่ต้องอ่านก็ได้
ให้ตั้งใจปฏิบัติเอาเพียงอย่างเดียวก็พอ...ให้ดูที่จิตของ
ตัวเอง
ปฏิบัติที่จิต เมื่อเข้าใจจิตแล้ว อย่างอื่นก็เข้าใจได้เอง
หลวงปู่... - การไม่กังวล การไม่ยึดถือ นั่นแหละคือวิหาารธรรมของนักปฏิบัติ
หลวงปู่... - ...ถึงจิตไม่สงบ ก็ไม่ควรให้มันออกไปไกล ใใช้สติระลึกไปแต่ในกายนี้
หลวงปู่... - ... ที่ใจไม่สงบก็ให้รู้ว่ามันไม่สงบ เพราาะอยากสงบมันจึงไม่สงบ ขอให้พยายามภาวนาไปเรื่อยๆ สักวันหนี่งก็จะสงบได้ตามต้องการ
หลวงปู่...
- การปฏิบัติทั้งหลายที่เราพยายามปฏิบัติมา ก็เพื่อจะใช้ในเวลานี้เท่านั้น
เมื่อถึงเวลาที่จะตาย
ให้ทำจิตให้เป็นหนึ่ง แล้วหยุดเพ่งปล่อยวางทั้งหมด
***
หลวงปู่... - ...ธรรมดาแสงย่อมสว่าง ธรรมดาเสียงย่อมดัง
หน้าที่ของมันเป็นเช่น
นั้นเอง
เราไม่ใส่ใจฟังเสียอย่างก็หมดเรื่อง
จงทำตัวเราไม่ให้เป็นปฏิปักษ์กับสิ่งแวดล้อม
เพราะมันมี
อยู่อย่างนี้เอง
เป็นอยู่อย่างนี้เอง
หลวงปู่... - ...พูดถึงความสุขในสมาธิ มันก็สุขจริงๆ จะะเอาอะไรมาเปรียบไม่ได้ แต่ถ้าติดอยู่แค่นั้น มันก็ได้แค่นั้นแหละ ยังไม่เกิดปัญญาอริยมรรค
หลวงปู่... - จิตที่ฝึกดีแล้ว เมื่อวิบากของสังขารเกิดขขึ้น ย่อมละและระงับได้เร็ว ไม่กังวล ไม่ยึดถือ หมดภาระเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านั้น มันก็แค่นั้นเอง
หลวงปู่.. - ...การรู้เห็นเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด กการระลึกชาติย้อนหลัง แค่ระดับ อุปจารสมาธิ" ก็ทำได้แล้ว
หลวงปู่... - มีเวลาเมื่อไรให้ปฏิบัติเมื่อนั้น การฝึกจจิต การพัฒนาจิต เป็นวิธีลัดที่สุด
หลวงปู่...
- ...การสำรวมสำเหนียกในพระวินัยอย่างเคร่งคครัด และสมาทานถือธุดงค์นั้น
เป็นปฏิปทาที่ดีงาม
อย่างยิ่ง
น่าเลื่อมใส แต่ถ้าเจริญจิตไม่ถึงอธิจิต อธิปัญญาแล้ว ย่อมเสื่อมลงได้เสมอ
เพราะยังไม่ถึง
โลกุตตรภูมิ...
หลวงปู่...
- ... "รู้" (อัญญา) เป็นปรกติจิตที่ว่าง สวว่าง บริสุทธิ์ หยุดการปรุงแต่ง
หยุดการแสวงหา
หยุดกิริยาของจิต ไม่มีอะไรเลย ไม่ยึดถืออะไรสักอย่าง
หลวงปู่...
" จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
จิตเห็นจิต เป็นมรรค ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ "*****