สติปัฏฐาน
๔ (ขั้นตอนฝึกสติ อย่างละเอียด)
(กาย-เวทนา-จิต-ธรรม)
อานาปานสติ ๔ หมวด ๑๖ ลำดับขั้นตอน
หมวดที่
๑
กายานุปัสสนา
ขั้นที่ ๑ หายใจยาว
ขั้นที่ ๒ หายใจสั้น
ขั้นที่ ๓
รู้พร้อม/เห็นความสัมพันธ์ของกายทั้งปวง (กายเนื้อ/กายลม)
ขั้นที่ ๔ ทำกายสังขารให้สงบระงับ มีเคล็ด
(เทคนิค) ๔ ขั้นตอน :-
- วิ่งตาม
- เฝ้าดู
- สร้างมโนภาพ
- บังคับมโนภาพ
* ต้องมี "วสี" คือ
ฝึกให้เกิดความชำนาญ
หมวดที่
๒
เวทนานุปัสสนา
ขั้นที่ ๕ ปีติ
ขั้นที่ ๖ สุข (เอกคัตตาจิต/ปฐมฌาน)
ขั้นที่ ๗ จิตสังขาร
ขั้นที่ ๘ ละจิตสังขาร
หมวดที่
๓
จิตตานุปัสสนา
ขั้นที่ ๙
รู้จักจิตทุกชนิดโดยประการทั้งปวง
ขั้นที่ ๑๐
บังคับจิตให้ปราโมทย์บันเทิงได้ตามต้องการ
ขั้นที่ ๑๑ ทำให้จิตตั้งมั่นตามต้องการ
ขั้นที่ ๑๒ ปล่อยจิตจากนิวรณ์/สังโยชน์
หมวดที่
๔
ธัมมานุปัสสนา
ขั้นที่ ๑๓ เห็นอนิจจัง
ขั้นที่ ๑๔ คลายอุปทาน
ขั้นที่ ๑๕ ดับอุปทาน
ขั้นที่ ๑๖ หมดสิ้นอุปทาน
ขั้นตอน
"ฝึกสติ" อย่างลัดสั้น
- กาย กำหนดรู้ลมหายใจเข้า-ออก - สั้น-ยาว -
ละเอียด/หยาบ
- รูป-นาม กำหนดรู้ลมหายใจ (รูป) - เวทนา - สัญญา
-สังขาร - วิญญาณ
- เกิด-ดับ กำหนดรู้การเกิด-ดับของรูป-นาม
- อนิจจัง กำหนดรู้ความไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลง
เริ่มต้น-ท่ามกลาง-ปลาย
- อนัตตา กำหนดรู้ความไม่มีตัวตน
- เบื่อหน่าย รูป-นาม
- คลายความยึดมั่นถือมั่น
- สลัดทิ้งความยึดมั่นถือมั่น
ปฏิจจสมุปบาท
จากหนังสือ "ปฏิจจสมุปบาทคืออะไร?" ของพุทธทาสภิกขุ
พิมพ์ที่จิงโจ้การพิมพ์, กรุงเทพฯ
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒
ผู้บันทึกได้บันทึกไว้เมื่อ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๓๔
ท่านพุทธทาสอธิบาย "
ชั่วเคี้ยวอาหารอยู่ในปาก
ปฏิจจสมุปบาทอาจเกิดขึ้นได้หลายวง"
และเป็นสิ่งที่เกิดในชีวิตประจำวันนี้เอง ท่านยังชี้ให้เห็นว่า
"ปฏิจจสมุปบาทเป็นตัวแท้ หรือ
หัวใจพุทธศาสนา
เป็นเรื่องลึกซึ้งที่สุด เป็นเรื่องปรมัตถธรรม"
พยายามสังเกต
และรู้เท่าทันจิตขณะเกิด "ผัสสะ" (การกระทบทางตา หู คมูก ฯลฯ)
บางครั้ง "สติมาเร็วทันเวลา" ก็รู้สึกตัวว่า "สักว่าเห็น...
หรือสักว่าได้ยิน"
"ไม่แทงตลอดซึ่งปฏิจจสมุปบาท
จึตจึงยุ่งเหมือนกลุ่มด้ายยุ่ง, เหมือนกลุ่มเศษด้ายที่เป็นปม
พัวพันกันยุ่ง..."
"ต้องระดมทุ่มเทสติปัญญาทั้งหมดศึกษาเรื่องนี้ด้วยความไม่ประมาท"
"ไม่จำเป็นจะต้องรู้จักชื่อทั้ง
๑๑
ชื่อของอาการแห่งปฏิจจสมุปบาททั้งหมดนั้น (
อวิชชา - สังขาร - วิญญาณ - นามรูป - อายตนะ
- ผัสสะ - เวทนา - ตัณหา - อุปาทาน - ภพ - ชชาติ - ชรามรณะ) ก็ได้"
"
ความอยู่ที่ตรงกลางนี้แหละคือเรื่องปฏิจจสมุปบาท หรือมัชฌิมาปฏิปทาทางปรมัตถธรรม
คู่กับอริยมรรคมีองค์แปด ซึ่งเป็นมัชฌิมาปฏิปทาที่ใช้ได้กระทั่งทางศีลธรรม"
"ปฏิจจสมุปบาท
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องศีลธรรม ซึ่งต้องอาศัยความมีตัวตนเป็นมูลฐาน"
ปฏิจจสมุปบาท
ไม่ใช่เรื่องเฟ้อทางปริยัติเหมือนที่พูดกันอยู่โดยมาก
แต่ต้องเป็นเรื่องปฏิบัติที่รัดกุม คือ มีสติควบคุมความรู้สึกตัวเมื่อมีการกระทบทางอายตนะ อย่าให้เกิดตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ
ขึ้นมาได้"
"ปฏิจจสมุปบาท
เป็นเรื่องที่มีหลักของตัวเองว่า เพราะสิ่งนี้มี
สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ"
"ปฏฺจจสมุปบาทแท้จริง
คือ
การปฏิบัติเพื่อไม่ให้ทุกข์เกิดขึ้นมาได้ ด้วยการมีสติในทวารทั้งหก
เมื่อมีการกระทบทางาอายตะนั่นเอง"
ปฏิจจสมุปบาทนี้
มันมีอยู่ในคนเราแทบตลอดเวลา ... มันรวดเร็ว รุนแรงแบบสายฟ้าแลบ
... เช่น ความโกรธอย่างนี้ มันเกิดขึ้นมารวดเร็วเหมือนกับสายฟ้าแลบ
ปฏิจจสมุปบาทคืออะไร ?
กล่าวเป็นภาษาธรรมดาสามัญที่สุด ก็ตอบว่า คือเรื่อง
พฤติของจิตที่เกิดขึ้นเป็นไปเพื่อทุกข์
แล้วก็รวดเร็วรุนแรงเหมือนสายฟ้าแลบ แล้วก็มีอยู่ในชีวิตประจำวันของคนเรา
...
ปฏิจจสมุปบาทคืออะไร ? ก็คือ
การแสดงให้รู้เรื่องความทุกข์ที่เกิดขึ้นในรูปสายฟ้าแลบในจิตใจของคนเป็นประจำวัน
จะดับทุกข์ได้โดยวิธีใด? ก็โดยอย่าให้กระแสปฏิจจสมุปบาทมันเกิดขึ้นมาได้
เพราะ่ว่ามีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา
"
ความคิดที่ปรุงแ่ต่ง"
ทยอยกันอย่างนี้เรียกว่าปฏิจจสมุปบาท มีอยู่ในคนเป็นประจำวัน
PONG1930 ผู้บันทึก : ๙
เมษายน ๒๕๔๒