ROAR !!!
Chapter 14 - 999 -
21.00 น.
เคนนี่กินอาหารเย็นจนอิ่มเต็มที่
จัดแจงสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำโดยคราวนี้กลัดกระดุมเสียด้วยเพื่อให้มองไม่เห็นเสื้อสีขาวที่อยู่ข้างใน
จัดการรวบผมยาวสีทองของตน เข้าไปซ่อนไว้ในหมวกแก็ปสีดำเพื่อกันไม่ให้สะดุดตา
เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จการเตรียมการแหกปราสาทหนีของเคนนี่
เขาดับไฟในห้องจนหมดอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็เดินไปที่หน้าต่าง แล้วเปิดออกช้าๆ
ชนิดไม่มีเสียงแกร็กแม้แต่น้อย ไม่เปิดกว้าง
แค่แง้มไว้เล็กน้อยพอให้ลอดหัว
ออกไปได้เท่านั้น แล้วค่อยลอดหัวออกไปทางหน้าต่างช้าๆมองลงไปข้างล่าง ข้างล่างนั้น ทหารสมิงประมาณ 4-5 คน
ยืนตรวจความเรียบร้อยอยู่ทางด้านหลังของปราสาทอยู่อย่างแข็งขัน
แต่ก็ยังขาดความรอบคอบไปนิดโดยที่ไม่เฉลียวใจมองขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
เคนนี่เห็นดังนั้นก็ค่อยๆ ขยับบานหน้าต่างให้เปิดกว้างขึ้นช้าๆให้พอที่จะลอดตัวออกไปได้ แล้วลอดตัวออกไปครึ่งตัว
เงยหน้าขึ้นไปมองหลังคาปราสาท
ยื่นมือขวาขึ้นเล็งไปที่ชายคาที่ยื่นออกมาของหลังคาปราสาท
แล้วปล่อยแฟนธอมแฟงค์เส้นเล็กขนาดเชือกออกไปจากมือทันที
มันพุ่งขึ้นไปงับติดอยู่กับชายคาอย่างรวดเร็ว
เคนนี่ลองดึงแรงๆ อยู่ 2-3 ครั้งเพื่อดูว่าแฟนธอมแฟงค์เกาะได้มั่นคงดีหรือเปล่า
เมื่อแน่ใจแล้ว เขาก็ค่อยๆขยับออกมาจากบานหน้าต่างจนหมดทั้งตัว
ปล่อยร่างห้อยต่องแต่งอยู่โดยมีแฟนธอมแฟงค์เป็นเชือก
แล้วเลื่อนบานหน้าต่างปิดลงดังเดิม
จากนั้น เขาก็หดแฟนธอมแฟงค์อย่างรวดเร็ว
พาตัวเองพุ่งปรู้ดขึ้นไปเหมือนติดจรวดโดยที่ไอ้พวกสมิงหน้าโง่ที่เฝ้าอยู่ข้างล่างไม่เฉลียวใจแม้แต่นิดเดียว
ว่าเหนือหัวของตัวเองนั้น นักโทษชั้น VIP
ที่หัวหน้าใหญ่สั่งให้เฝ้าและดูแลอย่างดีนั้นกำลังแหกคุกหนีอยู่อย่างอุกอาจที่สุด
ด้วยแรงจากการหดแฟนธอมแฟงค์อย่างรวดเร็วเช่นนี้
เพียงไม่ถึง 30 วินาที เคนนี่ก็ขึ้นมานั่งชันเข่าอยู่บนหลังคาตอนหนึ่งของปราสาทแล้ว
พร้อมกับขยับ เข้าหาที่กำบังทันที เพราะมีทหาร คาดว่าเป็นทหารสมิง
จำนวน 6 คน กำลังยืนเฝ้ายามอยู่บนหลังคานั้น
เขาหลบมุมอยู่ตรงส่วนที่ยื่นขึ้นมาเป็นลักษณะหอคอยขนาดไม่ใหญ่นักเพื่อให้พ้นจากสายตาของทหารยามที่เฝ้าอยู่บนหลังคา
" คิดว่าวางยามไว้แค่นี้จะหยุดชั้นได้เรอะ "
เคนนี่นึกอยู่ในใจพร้อมกับล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ
หยิบเอาก้อนกรวดขนาดกลาง 2-3ก้อนออกมาแล้วโยนไปที่ด้านหนึ่งของหลังคาซึ่งเป็นคนละด้าน
กันกับทางที่เขาจะต้องผ่านไปทันที
ทันทีที่จับเสียงผิดปกติได้ พวกยามที่เฝ้าอยู่บนนั้นก็เผ่นพรวดออกไปทางต้นเสียงที่เคนนี่ขว้างกรวดล่อไว้จนหมดทุกคน
พอไม่มียามอยู่แล้ว เคนนี่จึงเผ่นพรวดเดียว
ผ่านหลังคาปราสาทจุดนั้นไปได้สบายๆ
หลังจากพ้นยามบนหลังคามาได้แล้ว
เคนนี่ก็กระโดดลงจากหลังคามาที่พื้นด้านหนึ่งในเขตปราสาทซึ่งอยู่ใกล้กับกำแพงเมืองมากที่สุด
จัดการเก็บยามในบริเวณนั้นจนหมด
ชนิดไม่มีเสียงร้องซักนิดด้วยการใช้แฟนธอมแฟงค์ลอบโจมตีด้วยการรัดคอ
จากนั้นลากศพยามเข้าไปแอบไว้ในพุ่มไม้จนหมด
วิ่งไปที่กำแพงเมืองส่วนที่อยู่ใกล้ที่สุดพร้อมกับสะบัดแฟนธอมแฟงค์ขึ้นไปเกาะขอบกำแพงไว้
แล้วดึงตัวเองขึ้นไปแอบอยู่บริเวณด้านหลังขอบกำแพง
ไม่รีบร้อนพุ่งขึ้นไปยืนบนกำแพง
เขารู้จักกำแพงจุดนี้ดี เพราะเป็นจุดที่เขาเคยใช้สังเกตการณ์การเคลื่อนไหวของศัตรูในคืนที่เมืองมิวส์ถูกยึดนั่นเองนั่นเอง
ซึ่งตอนนี้มีทหารสมิงที่ทำหน้าที่เฝ้ายามเฝ้ายามเดินกันขวักไขว่เต็มไปหมด
" ไม่ไหวแฮะ " เคนนี่นึกอยู่ในใจ " มากขนาดนี้การจะฝ่าไปโดยไม่ถูกพบเห็นเลยยากมาก "
เขาทิ้งตัวกลับลงมายืนอยู่ที่ตีนกำแพงพร้อมกับใช้ความคิดหาทางหนีต่ออย่างเต็มที่
" นอกจากนี้ พื้นที่รอบเมืองมิวส์ในระยะ 5
กิโลเมตรเป็นทุ่งราบเกือบทั้งหมด ดังนั้น
ถึงจะหลุดออกไปนอกเมืองได้ แต่พื้นที่โล่งโจ้งขนาดนี้
ยังไงก็ต้องถูกสังเกตุเห็นอยู่ดีจะทำยังไงดีนะ "
เคนนี่ยืนนิ่ง สีหน้าอยู่ในอาการของคนใช้ความคิดอย่างหนัก
เขาพยายามเค้นสมองหาวิธีการที่จะสามารถออกจากเมืองมิวส์ไปได้อย่างเงียบเชียบที่สุดโดยที่ไม่มีใครรู้เห็นแม้แต่คนเดียวอย่างเต็มที่
แต่ก็ยังมืดแปดด้าน เพราะภายในเมืองใหญ่ๆ
ที่เต็มไปด้วยทหารมากขนาดนี้
แล้วยังไม่ใช่ทหารธรรมดาแต่เป็นทหารสมิงซึ่งมีประสาทสัมผัส
สูงกว่ามนุษย์หลายเท่า ซ้ำยังวางเวรยามอย่างหนาแน่นชนิดมดยังไม่รอดพ้นสายตา
แล้วยังมีปัญหาเรื่องทุ่งราบนอกตัวเมือง
ทำให้ง่ายต่อการถูกพบเห็นขณะหลบหนีอีก
อุปสรรคเหล่านี้คือปัญหาใหญ่ที่เคนนี่ยังไม่อาจคิดออกว่าจะจัดการเช่นไรดี
แล้วความคิดหนึ่งมันก็วาบขึ้นมาในสมองของเคนนี่
เมื่อเขาได้ยินพวกทหารสมิงบนกำแพงเมืองกำลังคุยกัน
" เฮ้ ไปกันได้แล้ว ถึงเวลาเปลี่ยนเวรแล้ว "
ทหารคนหนึ่งเรียกเพื่อนทหารของตนเอง
" น่าเบื่อชะมัดเลย "
ทหารคนที่ถูกเรียกบ่นพร้อมกับถอนหายใจ "
นี่จะต้องทำงานน่าเบื่อพรรค์นี้ไปอีกนานเท่าไหร่กันนะ "
" ก็จนกว่าสงครามครั้งนี้จะจบละมั้ง "
" แล้วมันเมื่อไหร่กันละวะ ไอ้เวลาที่สงครามมันจะจบน่ะ"
" ถามชั้นแล้วชั้นจะรู้มั้ยละวะ "
" ไม่รู้แล้วทีแรกสะเออะตอบออกมาทำไมวะ "
เสียงคุยเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงมีต่อ " เออๆ พอดีกว่า
ชั้นขี้เกียจต่อปากต่อคำด้วยแล้ว
รีบไปเปลี่ยนเวรก่อนเหอะ เวรนี้สำคัญด้วย "
" เวรอะไรวะ "
" ก็เวรเฝ้าที่เก็บดินปืนไง เมื่อวันก่อนทางค่ายใหญ่ส่งปืนใหญ่กับดินปืนมาเก็บรักษาไว้ที่นี่ส่วนหนึ่งอีกส่วนคงจะมาพรุ่งนี้เช้าตอนที่ทัพใหญ่มาถึง
จะยังไงก็ตาม รีบไปที่กระโจมเก็บดินปืนทางด้านใต้ของเมืองก่อนเถอะ
ขืนชักช้าเดี๋ยวโดนนายกองเล่นอีกแหง "
เสียงพูดคุยจบอยู่แค่นี้ พร้อมกับที่เสียงฝีเท้าค่อยเดินห่างออกไป
" กระโจมเก็บดินปืนทางใต้งั้นรึ ขอบใจมากเพื่อนฝูง "
เคนนี่เอามือจับคางพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
แล้วกระโจนออกจากที่นั้นหายไปทันที
กระโจมเก็บดินปืนทางใต้ของเมือง เป็นกระโจมขนาดใหญ่มาก
มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนากว่าที่ไหนๆ
เพราะว่าดินปืนนั้นเป็นของสำคัญในการทำสงคราม
ใช้เป็นตัวจุดระเบิดของปืนไฟและปืนใหญ่ ดังนั้น
การดูแลสถานที่เก็บดินปืนจึงต้องทำอย่างรัดกุมและระมัดระวังมากที่สุด
เคนนี่ใช้แฟนธอมแฟงค์เกาะอยู่กับปลายเสากลางยึดกระโจมที่โผล่พ้นยอดกระโจมออกมาข้างนอก
อยู่เหนือหัวพวกยามที่ทำหน้าที่เฝ้ากระโจมนั่นเอง
มือขวานั้นยึดแฟนธอมแฟงค์ไว้มั่น
ปากคาบไต้ที่ยังไม่ได้จุดไฟอันหนึ่งไว้ จากนั้นเขาค่อยๆ
คลายแฟนธอมแฟงค์เพื่อที่เขาจะสามารถยื่นมือซ้ายลงไปตัดเปิดช่องเล็กๆ
บนกระโจมได้ หลังจากตัดผ้ากระโจมเปิดช่องสำเร็จแล้ว
เคนนี่ก็ลอดตัวเองผ่านช่องนั้นลงไปในกระโจมทันทีโดยใช้แฟนธอมแฟงค์เป็นเชือกผูกไว้กับยอดเสากลางกระโจมที่อยู่ข้างบน
ภายในกระโจมนั้น กล่องเก็บดินปืนทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง
และขนาดใหญ่จำนวนมากถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบ
บรรยากาศภายในกระโจมนั้นแห้งมาก
ซึ่งเหมาะสำหรับเก็บดินปืนซึ่งจะเสียง่ายเมื่อเจอความชื้น
เมื่อมาถึงเป้าหมายแล้ว
เคนนี่ก็จัดการขนกล่องดินปืนขนาดเล็กประมาณ 5 กล่อง
กับขนาดกลางอีก 3 กล่อง ออกมาแล้วมัดไว้กับแฟนธอมแฟงค์แล้วให้แฟนธอมแฟงค์ดึงขึ้นไปไว้ที่ยอดกระโจม
จากนั้น เขาก็เดินไปหากล่องเก็บดินปืนที่เหลือ
หยิบกล่องเล็กมากล่องหนึ่ง แงะฝาออกแล้วโรยดินปืนทีละน้อยเป็นทางยาวจากกลางห้องเรื่อยไปจนถึงจุดตั้งกล่องดินปืนทั้งหมด
แล้วจึงวางกล่องดินปืนในลักษณะตะแคงให้ด้านที่เปิดออกตรงกับดินปืนที่เขาโรยไว้เป็นทางนั้น
ยัง เขายังไม่จุดไฟตอนนี้หรอก
เขากระโจนกลับขึ้นไปทางเดิมที่เขาเข้ามาคว้าแฟนธอมแฟงค์ที่มัดกล่องดินปืนที่ขโมยมาไว้แล้วกระโจนหนีไปที่หลังคาบ้านหลังที่อยู่ใกล้ๆกันทันที
เคนนี่กระโจนไปตามหลังคาบ้านในเมืองมิวส์
โดยระวังไม่ให้พวกทหารยามเห็นตัวแล้วจัดการวางระเบิดเอาไว้ตามจุดต่างๆ
4 จุด โดยเลือกสถานที่ที่เป็นมุมอับ
แล้ววางระเบิดเวลาไว้โดยโรยดินปืนเป็นทางยาว
จากนั้นก็เอาบุหรี่ที่แอบจิ๊กมาจากทหารออกมาตัวหนึ่งตัดให้สั้นลง จุดไฟ
แล้ววางไว้บนทางดินปืนที่โรยไว้โดยเอาส่วนที่ยังไม่ไหม้ทับบนทางดินปืน
รอให้ไฟบุหรี่ลามมาถึง เคนนี่ทำแบบเดียวกันนี้ทั้ง 4 จุด
โดยกะความยาวของบุหรี่ต่างกันเพื่อจะได้ไม่ระเบิดก่อนถึงเวลา
หลังจากวางระเบิดเวลาเสร็จเขาก็รีบกลับมาที่กระโจมเก็บดินปืน พร้อมๆกับไต้ที่จุดไฟไว้แล้ว
เขาชะโงกหน้าลงไปตรงช่องที่ตัดเอาไว้เพื่อมองตำแหน่งทางดินปืนที่โรยเอาไว้แล้วจัดการโยนใต้อันนั้นลงไปที่ต้นทางดินปืนทันที
พร้อมกับกระโจมเผ่นแผล็วออกไปให้พ้นจากรัศมีระเบิดของดินปืนอย่างสุดชีวิต
เพียงเวลาแค่ 15 วินาทีหลังจากที่เคนนี่โยนไต้ลงไปในกระโจมเท่านั้น
ตูมมมมมมมม
เสียงระเบิดปานฟ้าถล่มดินทลายดังสนั่นหวั่นไหวติดต่อกันหลายครั้งประกายไฟสีแดงขนาดใหญ่สว่างวาบขึ้นมาทุกครั้งที่เกิดการระเบิดแล้วลุกไหม้กระโจมเก็บดินปืนทั้งหลัง
พร้อมๆกับที่ความโกลาหลบังเกิดขึ้นทันที
เสียงร้องครวญครางของทหารที่บาดเจ็บจากแรงระเบิดดังระงม
เสียงร้องตะโกนสับสนของพวกทหารที่ทำหน้าที่จัดการกับไฟที่กำลังไหม้คลังดินปืนอยู่ดังไปทั่ว
ยังไม่ทันได้พักให้หายตกใจ เสียงตูมสนั่นอีกสี่หนติดๆ
กันก็ดังมาอีกจากจุดที่เคนนี่วางระเบิดเวลาเอาไว้ทั้ง 4
จุด กระโจมกับบ้านเรือนบริเวณใกล้กับจุดวางระเบิดนั้นเละเป็นแถบๆกระโจมขาดวิ่นและปิวกระเด็น
บ้านทั้งหลังกลายเป็นเศษอิฐเศษปูนไปซะครึ่งหลังเหมือนถูกค้อนยักษ์ทุกกระหน่ำ
ระเบิดลูกหนึ่งที่เคนนี่แอบวางไว้นั้นบังเอิญวางอยู่ใกล้กับกระโจมเก็บน้ำมันพอดี
ดังนั้น พอระเบิดตูมขึ้นมา แรงระเบิดก็ทำลายกระโจมและไหน้ำมันข้างในจนแหลก
สะเก็ดไฟจากระเบิดพุ่งไปติดน้ำมันที่หกออกมา
เกิดไฟลุกขึ้นมา ไฟลามไปติดไหใบอื่น
แล้วก็ลามไปติดกับกระโจมกับบ้านเรือนอื่นที่อยู่ใกล้กันอย่างรวดเร็ว
จนเกิดเป็นเพลิงไหม้อย่างหนัก
ชนิดที่คนแค่ไม่กี่สิบคนเอาไม่อยู่ ดังนั้น
พวกทหารที่เฝ้าอยู่ตามกำแพงเมืองจึงถูกเรียกตัวลงไปช่วยกันดับไฟจนหมด
เท่านี้ บนกำแพงก็ไม่เหลือทหารเฝ้ายามซักคน
เคนนี่จึงสามารถขึ้นมายืนกร่างอยู่บนกำแพงตะวันตกได้อย่างสบายใจเฉิบโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเห็น
เป็นการหนีอย่างเงียบสงบ (!?) ที่สุดเลยทีเดียว
เขายืนอยู่เพียงชั่วระยะเวลาไม่นาน
ก็รีบกระโดดลงจากกำแพงเมืองพร้อมกับใส่เกียร์หมาวิ่งหนีไปทางตะวันตกอย่างไม่คิดชีวิตเลยแม้แต่นิดเดียว
เพราะกลัวว่าพอพวกทหารดับไฟในเมืองเสร็จ
ก็จะกลับมาประจำหน้าที่เหมือนเดิม
แล้วเกิดพวกนั้นเห็นเขาเข้า ทุกอย่างที่วางแผนมาก็จบกัน
22.00 น. ห่างจากเมืองมิวส์มาทางตะวันตก 30 กิโลเมตร
เคนนี่นั่งหายใจหอบเบาๆ อยู่บนพื้นหญ้าด้วยความเหนื่อย
เพราะนับแต่โดดลงมาจากกำแพงเมืองแล้วออกวิ่งนั้น
เคนนี่วิ่งมาเต็มฝีเท้าเท่าที่ร่างมนุษย์จะพาไปได้โดยไม่หยุดพักแม้แต่น้อย จนออกมาห่างจากเมืองมิวส์เกือบ
30 กิโลเมตร จึงค่อยคลายใจหยุดพักเพื่อให้กำลังคืนมาได้
เพราะหนีมาได้ไกลขนาดนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง
รีบร้อนอะไรมากแล้ว
" ฟู่ ในที่สุดก็หลุดออกมาได้ซะที " เคนนี่พูดกับตัวเอง
" สามวันผ่านมาแล้ว ตอนนี้กองทัพเมืองมิวส์กำลังย่ำแย่
แล้วยังมีผู้อพยพเป็นพันๆ คนติดตามอยู่แบบนั้นท่านกราเซียจะต้องไม่ดันทุรังเดินทางต่อไป
โดยมีกลุ่มผู้อพยพ
มากขนาดนี้ห้อยไปด้วยแน่ ท่านจะต้องหยุดพักที่เมืองใดเมืองหนึ่งบนเส้นทางเดินทัพเพื่อรอกำลังเสริมที่กำลังเดินทางมาแล้วหาทางฝากประชาชนเอาไว้ที่เมืองนั้น "
" และบนเส้นทางเดินทัพเมืองที่มีความน่าจะเป็นว่าท่านกราเซียจะมุ่งหน้าไปน่าจะเป็นเมืองคาคอนซิส
เท่าที่เรารู้มา เจ้าเมืองคาคอนซิสเป็นสหายเก่าของท่านกราเซีย
เค้าต้องยอมช่วยเหลือตามที่ท่านกราเซียขอแน่นอน "
เคนนี่ยืนขึ้นหลังจากพักจนกำลังฟื้นกลับมาเต็มที่แล้ว
พร้อมกับหันหน้ามองตรงไปทางตะวันตก
" เท่านี้ก็กำหนดเป้าหมายได้แล้ว เมืองคาคอนซิส "
เขานึกในใจ " ดูจากสภาพภูมิประเทศแล้ว
ที่นี่คงเป็นทุ่งเซน่า ทุ่งเซน่าห่างจากเมืองคาคอนซิสประมาณ 20 กิโลเมตร
ระยะทางแค่นี้ไม่ไกลมากนัก
ถ้ารีบเดินทางหน่อยเราคงถึงเมืองคาคอนซิสก่อนเช้าพรุ่งนี้แน่"
คิดได้ดังนี้ เคนนี่ก็รีบออกเดินทางต่อทันทีเพื่อที่จะไปถึงเมืองคาคอนซิสโดยเร็วที่สุด
30 นาทีผ่านไป
เคนนี่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังเนินหินเล็กๆ ลูกหนึ่ง
ซึ่งด้านหลังของเนินหินนี้ก็คือ เหวตัดคอ
ซึ่งเป็นทางผ่านไปสู่เขตปกครองของเมืองคาคอนซิส
ซึ่งเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง
ของแคว้นบาริเทน หนึ่งในแคว้นใหญ่ของรัฐอวาเลีย
เหวตัดคอนี้เป็นเหวขนาดใหญ่ กว้าง 145 เมตร ยาว 30กิโลเมตร ลึกหลายร้อยเมตร
ด้วยความยาวขนาดนี้ จึงต้องมีการ
สร้างสะพานขนาดใหญ่กว้างกว่า 10 เมตร
เพื่อไม่ให้ผู้ที่ต้องการไปยังแคว้นบาริเทนต้องเดินทางอ้อมเป็นระยะทางไกลๆ
ที่ได้ชื่อว่าเหวตัดคอนั้น เนื่องจากครั้งหนึ่งเหวนี้เคยใช้เป็นที่ประหารนักโทษด้วยการจับโยนลงไปในเหวนี้
จนผู้คนต่างตั้งชื่อให้ว่า เหวตัดคอ
แม้ปัจจุบันเหวแห่งนี้จะเลิกใช้เป็นสถานที่ประหารไปแล้วก็ตาม
แต่ผู้คนก็ยังคงเรียกชื่อเหวนี้ว่า
เหวตัดคออยู่เหมือนเดิม
เคนนี่ซึ่งตอนนี้ขึ้นมายืนบนยอดเนินแล้วนั้นก็กำลังยืนเหม่อมองเหวตัดคอพักหนึ่ง
แล้วก็เหลียวหลังกลับไปยังทิศที่เมืองมิวส์ตั้งอยู่ด้วยแววตาดุดัน
เหมือนจะฝากความอาฆาตเอาไว้ ก่อนจะกระโดดลงจากเนินแล้ววิ่งตรงไปยังสะพานข้ามเหวตัดคออย่างรวดเร็ว
ด้วยการวิ่งอย่างเร็ว เคนนี่เข้าใกล้สะพานนั้นไปเรื่อยๆ
" รอดแล้ว "
เขาคิดในใจในขณะที่มองภาพสะพานเบื้องหน้าที่กำลังเข้าใกล้มาเรื่อยๆ
อันเป็นสัญญาณบอกถึงชัยชนะของเขา
แต่เมื่อเขาเข้าไปในระยะที่เห็นอะไรบนสะพานได้ถนัด
เขาก็ต้องตะลึง ที่กลางสะพานนั้น ร่างบางๆ
ของหญิงสาวในชุดสีฟ้าอ่อนและผมยาวสีขาวที่สะบัดพลิ้วตามแรงลม
ยืนผงาดอยู่ ณ กลางสะพานใหญ่ขนาดให้รถถังเดินขบวนเป็นแถวหน้ากระดานได้ไม่ต่ำกว่าสิบคัน
ดวงตาสีแดงเพลิงจับจ้องมาด้วยแววตาของคนยามจ้องศัตรู
ไม่ต้องสงสัย ไอร่านั่นเอง เคนนี่ยืนนิ่งอยู่ที่ปลายสะพานอีกด้านหนึ่ง
เขารู้สึกตะลึงกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นตรงหน้ายิ่งนัก
มันเป็นไปได้ยังไง ทั้งๆ ที่เขาวิ่งมาขนาดนี้แล้วแท้ๆ
แล้วไอร่ามาดักหน้าเขาอยู่ได้อย่างไรโดยที่เขาไม่รู้ตัว
" ไอร่า ? "
เคนนี่เรียกชื่อของไอร่าด้วยน้ำเสียงแสดงความสงสัยพร้อมกับก้าวเท้าซ้ายเหยียบบนสะพาน
ทำท่าจะเดินไป แต่แล้วก็มีเสียงตะโกนเฉียบขาดดังมาจากไอร่า
" อย่าก้าวขึ้นมามากกว่านี้นะ!! "
เสียงตวาดเฉียบขาดเช่นนี้ทำให้เคนนี่ชะงักไปด้วยความแปลกใจ
เขาขยับจะก้าวขึ้นไปอีกที
แต่คราวนี้ไอร่าไม่พูดเตือนแล้ว
เธอยื่นมือขวาออกมาข้างหน้า ยิงก้อนอากาศขนาดเท่ากำปั้นลูกหนึ่ง
พุ่งใส่พื้นเบื้องหน้าของเคนนี่จนพื้นหินระเบิดเป็นหลุมเล็กๆขนาดกำปั้นหนึ่ง
" เฮ้ย!! " เคนนี่ตะโกนออกมาอย่างตกใจพร้อมกับยกเท้าหลบทันควัน
ไอร่านั้นยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพร้อมกับจ้องด้วยสายตาแสดงความเป็นศัตรูเช่นเดิม
" มายืนขวางทางชั้นอย่างนี้ คิดจะมาจับชั้นกลับไปรึไง "
" เปล่า " ไอร่าตอบด้วยเสียงเย็นชา "ชั้นก็แค่ขวางไม่ให้เธอข้ามสะพานนี้ไปเท่านั้นแหละ "
" ขวางชั้นไม่ให้ข้ามสะพาน? "
เคนนี่พูดพร้อมกับเลิกคิ้วนิดๆ เป็นเชิงแปลกใจ "เธอเห็นประโยชน์อะไรจากการมาขวางชั้นไม่ให้ข้ามไปรึไง "
"แล้วเธอล่ะเห็นประโยชน์อะไรจากการมาร้องเพลงให้ชั้นฟังรึไง"
เคนนี่ยืนหุบปากนิ่งไปนิดหนึ่ง แล้วก็หัวเราะเบาๆ
ในลำคอพร้อมกับพูด
" จะยังไงก็ตามแต่ แต่ชั้นต้องรีบข้ามสะพานนี่ไปให้ถึงเมืองคาคอนซิสโดยเร็วที่สุด" เคนนี่ตัดบทเอาดื้อๆ " เสียเวลากับเธอมากไม่ได้หรอกนะ
เพราะฉะนั้นบอกมาหน่อยซิ ถ้าชั้นจะข้ามไปได้จะต้องทำยังไง "
ไอร่าเงียบไปครู่หนึ่งจึงพูด
" ตั้งท่าสิ "
เคนนี่ยืนทำหน้างงๆ นิดหน่อยเพราะไม่คิดว่าไอร่าจะเอาจริง
เขาเดินเข้าไปหาไอร่าพร้อมกับพูด
" เฮ้ๆ นี่ถ้าเธอจะ... "
เคนนี่พูดยังไม่ทันจบ ไอร่าก็สะบัดมือขวาฟาดเข้าใส่เคนนี่อย่างรวดเร็ว
ทำเอาเคนนี่กระโดดหลบแทบไม่ทัน
เคนนี่ยืนหลบมายืนห่างออกไปจากจุดเดิม 3-4 ก้าว
ด้วยสีหน้าตกใจนิดหน่อย ไอร่านั้นเมื่อเห็นเคนนี่หลบไปด้านหลังก็ไม่รอช้า
กระโจนตามไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับ
ฟาดหมัดเข้าใส่เคนนี่ เคนนี่ไม่จู่โจมกลับ
คอยแต่จะถอยหลบและปิดป้องหมัดของไอร่าท่าเดียว
" อย่าดูถูกชั้นนะ!! ใช้แฟนธอมแฟงค์ออกมาสิ !!! "
ไอร่าตวาดมาเมื่อเห็นว่าเคนนี่เอาแต่หลบไม่ยอมโจมตีกลับ
พร้อมกับตวัดเท้าซ้ายเตะออกมาทันที
เคนนี่เห็นดังนั้นก็รีบยกมือขวาขึ้นรับลูกเตะของไอร่าอย่างหักโหม
ผลก็คือ ร่างของเคนนี่เซหลุนๆ
ไปทางซ้ายเล็กน้อยตามพลังเตะอันรุนแรงของไอร่า
"ยัยนี่เอาจริงนี่หว่า "
เคนนี่นึกในใจพร้อมกับโดดถอยหลังไปสี่ห้าก้าว
แล้วยกมือขวาขึ้นเป็นเชิงปรามก่อนจะพูด
" เฮ้ยเดี๋ยว ขอเวลานอ... "
แต่ไอร่าไม่ฟังเสียงเคนนี่แม้แต่นิด
เธอยื่นมือทั้งสองข้างออกมาข้างหน้าพร้อมกับยิง
'กระสุนอากาศ' หลายสิบลูกเข้าใส่เคนนี่พร้อมๆ
กันแบบเกาะกลุ่มกระสุนอากาศทุกลูกเรียงกันเป็นแผงครอบคลุมร่างของเคนนี่และจุดที่คาดว่าเคนนี่จะเคลื่อนตัวหลบไปจนหมด
เมื่อเป็นแบบนี้ เคนนี่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
นอกจากเรียกแฟนธอมแฟงค์ออกมา
ควงเป็นรูปวงแหวนปัดกระสุนอากาศที่ยิงมาจนกระเด็นออกไปหมดในทีเดียว
คราวนี้เคนนี่ชักเริ่มฉิวขึ้นมาบ้างแล้ว
" ชักโมโหแล้วนะ " เคนนี่ตะโกน "
เห็นเงียบได้ทีเล่นเอาๆ ก็ดี มาลองกันซักตั้งเลยเป็นไง "
" ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องมีคำพูด " ไอร่าพูดเรียบๆ
แต่สายตายังไม่เปลี่ยน เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้น
แล้วสะบัดลงมาทางด้านหน้าอย่างแรงจนแขนไขว้กันเป็นรูปกากบาท
พริบตานั้น กระสุนอากาศหลายสิบลูกที่เคนนี่ปัดออกไป
และยังคงลอยอยู่กลางอากาศรอบๆ ตัวเคนนี่นั้น
พลันพุ่งกลับมาใส่เคนนี่ทุกทิศทางอย่างรวดเร็ว
" นี่ต่างหากคือคำพูดของเรา !!! "
เสียงตะโกนของไอร่าดังกึกก้องท่ามกลางเสียงของกระสุนอากาศที่พุ่งเข้าโจมตีเคนนี่จากทุกด้านพุ่งเข้ากระแทกเป้าหมาย
เกิดเสียงระเบิดและฝุ่นหิน
ฟุ้งขึ้นมาเต็มไปหมด ภายหลังจากการโจมตีหยุดลง
ฝุ่นหินที่ฟุ้งขึ้นมาก็เริ่มจางลงไป
ปรากฏร่างเงาของเคนนี่ให้เห็นท่ามกลางฝุ่นหินเป็นเงารางๆ
พริบตานั้น เส้นสีดำๆ หกเส้นพุ่งออกมาจากเงาแขนขวาที่เห็นรางๆ
ท่ามกลางฝุ่นดินที่บังร่างของเคนนี่อยู่
แรงลมจากการพุ่งของเส้นสีดำ เหล่านั้นช่วยพัดเอาฝุ่นดินออกไปจนหมด
ช่วยให้เห็นอะไรชัดขึ้น เคนนี่ยืนจังก้าในท่าพร้อมต่อสู้
ร่างกายมีบาดแผลนิดหน่อยจากกระสุนอากาศของไอร่า
ดวงตาของเขามีแววโกรธแฝงอยู่ แต่นั่นไม่สำคัญ
ที่สำคัญก็คือ แฟนธอมแฟงค์ที่มือขวาของเคนนี่ซึ่งปกติจะเห็นใช้แค่เส้นเดียว
ตอนนี้ กลับแยกออกเป็นเส้นเล็กๆ
หกเส้นขยับไปมาเหมือนเถาของต้นไม้กินคนที่กระดึ๊บๆ
หาเหยื่อกระนั้น
" งั้นชั้นจะตอบสนองคำพูดของเธอเองด้วยพลังทั้งหมดของชั้น !!! "
เขาคำรามก้องพร้อมๆกับที่แฟนธอมแฟงค์ทั้งหกเส้นพุ่งเข้าโจมตีใส่ไอร่าทันที!!!!
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
อธิบายซักนิด
เกี่ยวกับ 999 ที่เป็นชื่อตอนนี้นี่
ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดีนะ แต่เดาว่าคงจะเป็นรหัสบางอย่าที่เข้าใจกันระหว่างผู้คุม
หมายความว่า แหกคุก แค่นั้นเองแหละ (จำมาจากโจโจ้ภาค 6น่ะ)