ROAR !!!

Chapter 3 - 3 Bad Guys -

 คณะของกราเซียมาถึงปราสาทเมืองมิวส์อันเป็นสถานที่ประชุมแล้ว กราเซียเดินนำหน้าทุกคนเข้าไปหายามหน้าตาเหี้ยม 2 คนที่เฝ้าปราสาทอยู่
ทันทีที่เห็นกราเซีย ทหารยามทั้ง 2 คน ก็รีบเปิดทางให้ทั้งหมดเข้าไปทันที ทั้งหมดหยุดคุยกันอยู่ตรงทางเดินในปราสาท
 " เอาล่ะ " กาโดพูดขึ้น " หนนี้พวกแก 3 คนไม่ต้องเข้าร่วมประชุมแล้ว ทำเรื่องงามหน้ากันขนาดนี้ ไปนั่งรออยู่ในสวนของปราสาท "
 " คร้าบ !! เจ้านาย !! " เคนนี่ แอรอน กับรัซเซลล์พูดพร้อมๆกันด้วยทีท่าเฉยๆ ปล่อยตัวเองตามสบายไม่สนใจอะไร
 " ทำตัวมีมารยาทหน่อย ที่นี่ไม่เหมือนกับที่ที่พวกแกเคยอยู่มาก่อนนะเข้าใจมั้ย "
 ทั้งสามดูเหมือนจะไม่ฟังคำพูดของกาโดเลยแม้แต่น้อย แกล้งทำหูทวนลมเสีย
 " ไอ้ .... " กาโดเกือบจะตะโกนออกมาแล้วแต่ถูกกราเซียยั้งไว้
 " พอเถอะ รีบเข้าไปห้องประชุมดีกว่า นี่ได้เวลาเข้าประชุมแล้ว "
 กาโดหยุดคำพูดไว้แค่นั้นแล้วหันหลังเดินตามกราเซียไปยังห้องประชุมทันทีเพื่อให้ทันเวลาประชุม

 เคนนี่ แอรอน และรัซเซลล์เดินมายังสวนของปราสาท ซึ่งเป็นสวนขนาดใหญ่และจัดไว้อย่างดี
แอรอนไปยึดเอามุมมุมหนึ่งของสวนที่มีกองหิน จัดเอาไว้อย่างมีระเบียบและสวยงามเป็นที่นั่ง
รัซเซลล์ไปยืนตีลังกาหกหน้าหกหลังอยู่ตรงที่เป็นสนามหญ้ากว้างๆ
สำหรับเคนนี่นั้นไปนั่งอยู่บนคาคบไม้ใหญ่ที่ยื่นออกมาจากไม้ยืนต้นที่ปลูกอยู่ตรงกลางสวน
 " บ้าชะมัดเลย ทำไมงานนี้พวกเราถึงต้องออกมานั่งตรงสวนอย่างนี้ด้วยวะ "
รัซเซลล์บ่นออกมาด้วยทีท่าเบื่อหน่าย " นั่งเฉยๆ อย่างนี้น่าเบื่อจะตาย "
 " ตั้งแต่เรื่องคราวที่เมืองเครสตานั่นมั้ง " แอรอนพูด "
ตั้งแต่เรื่องคราวนั้น เวลาพวกเราถูกเรียกตัวทีไรเป็นโดนลุงแกเพ่งเล็งทุกที"
 " แต่คราวนั้นไอ้พวกนั้นมันเริ่มก่อนไม่ใช่เรอะไง " รัซเซลล์ร้อง "คราวนี้ก็เหมือนกัน "
 " ช่างๆ มันเถอะ ไงๆ ออกมานั่งข้างนอกก็ดีกว่าเข้าไปนั่งฟังไอ้พวกผู้นำแคว้นทั้งหลายพูดเอาแต่ได้ละ"
  " นั่นสิ " รัซเซลล์พูดเหมือนเห็นด้วย  "
แล้วพอได้ยินยังงั้นพวกเราก็ทนไม่ไหวเผลอหลุดปากเหน็บแนมเจ็บๆ ออกมาทุกที ใช่มะ เคนนี่ "
 แต่ตอนนั้นเคนนี่ไม่ได้ฟังในสิ่งที่รัซเซลล์หรือแอรอนพูดเลยเขาล้วงเอาจี้ห้อยคอเส้นหนึ่งออกมาดู เป็นจี้ที่ใหญ่พอสมควร
ทำจากเงินทั้งตัวสร้อยและตัวจี้เองก็ทำจากเงินที่เป็นลวดลายสวยงามตรงกลางมีนิลที่เจียระไนเป็นรูปหัวใจขนาดค่อนข้างใหญ่ประดับอยู่
 เขากดสลักเปิดจี้ออกเสียงเพลงคล้ายเสียงของหีบเพลงดังก้องกังวานออกมาจากจี้เป็นเพลงที่ไพเราะยิ่งนัก ที่ฝาของจี้นั้นมีรูปของ 'พี่สาว'
กำลังยิ้มอย่างร่าเริงพร้อมกับโอบกอดร่างเล็กๆ ของเด็กอายุอายุ 7ขวบของเคนนี่ไว้จากข้างหลังไปด้วย
 ในตอนนั้นใจของเคนนี่ก็เหมือนถูกเสียงเพลงดึงไปยังอดีตอันแสนยาวไกลอีกครั้ง

 เคนนี่ในวัยเด็กกำลังนั่งดูเครื่องรางสำหรับห้อยคอที่ทำจากไม้อันหนึ่งอยู่ในตอนนั้นเอง
'พี่สาว' ซึ่งชอบเล่นกับเคนนี่ (แม้เคนนี่จะไม่เล่นด้วย) ก็เดินเข้ามา
 " ทำอะไรอยู่น่ะ เคนนี่ " เธอถาม
 " ร้องเพลง " เคนนี่ตอบห้วนๆ
 เด็กสาวทำหน้างงๆ นิดหน่อย แล้วก็ยิ้มและพูด
 " งั้นพี่ก็คงจะหูหนวกซะแล้วล่ะ " แล้วพูดต่อ " พี่ไม่เห็นได้ยินอะไรเลย "

 " ก็ผมร้องอยู่ข้างในนี้นี่ " เคนนี่พูดพร้อมกับชี้ที่หัวใจของตัวเอง
 " เหรอจ๊ะ " เด็กสาวพูดอย่างร่าเริงพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เคนนี่ ตอนที่นั่งลงนั้นเธอสังเกตเห็นเครื่องรางไม้ในมือของเคนนี่
 " เครื่องรางสวยนี่ "  เด็กสาวพูด " พี่ก็มีเหมือนกันนะ ดูนี่สิ " เธอพูดพร้อมกับล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ
หยิบเอาจี้ห้อยคอเงินที่มีนิลรูปหัวใจออกมาโชว์ให้เคนนี่ดู
 " มันชื่อ Heart of Darkness น่ะ เป็นไง สวยใช่มั้ย "
 " ก็เหมือนจี้เงินธรรมดา "
 " ใครว่า ดูนี่ซะก่อนสิ " เด็กสาวพูดพร้อมกับกดสลักเปิดจี้ออกข้างในจี้
ตรงหลังฝาเปิดเป็นที่สำหรับใส่รูปซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีรูปใดๆอยู่ข้างใน แต่มีเสียงเพลงไพเราะดังกังวานออกมาจากจี้
 " เห็นรึยังว่ามันไม่ใช่จี้ธรรมดา " เด็กสาวพูดแย้มยิ้ม
"ปู่ของพี่ทำเองแล้วให้พี่ เพลงข้างในนี่ปู่เล่าว่าเป็นเพลงที่ย่าพี่ชอบร้องสมัยสาวแล้วย่าพี่ก็สอนให้พี่ร้องเพลงนี้ด้วย เพราะใช่มั้ยล่ะ "
 " ก็... เพราะดี " เคนนี่ตอบ หน้าของเขาแดงนิดๆ ขณะตอบ
 " สอนร้องให้เอามั้ย "
 " ผมร้องไม่เก่ง "
 " ถึงร้องด้วยปากไม่เก่ง ก็ร้องข้างในนี้ได้นี่ได้นี่ " เด็กสาวพูดพร้อมกับชี้มือมาที่หัวใจของเคนนี่
 " จริงมั้ย " เคนนี่พยักหน้า
 " งั้นฟังนะ " เด็กสาวยิ้ม หลับตา หายใจลึกๆ แล้วร้องเพลงออกมาด้วยเสียงใสๆ
 ฝ่าอวลไอหนาวในยามค่ำได้
 ด้วยแรงใจลุกโชนถวิลหา
 พร้อมประมือถือมีดคมเป็นศาสตรา
 ดั่งหมาป่าเดียวดายในราตรี
 ด้วยสายตาจองหองจ้องมองโลก
 ไร้ทุกข์โศกในใจไร้ความเหงา
 นามที่มีก็เป็นดังเช่นเงา
 ทาบทอ.....  ทบเทา .... บนจันทรา

 กระจกร้าวส่องเงาประกายล้าน
 เสียงสะท้อนจากวันวานค่อยเลือนหาย
 แต่ว่าเราก็ยังหาคำตอบได้
 แล้วสุดท้าย.... เราจะไป.... สุดโลกา.....

 ไฟยะเยือกเย็นยับจับใจผม
 ด้วยระทมแห่งค่ำคืน ฤาไฉน
 ปวดแสนปวดแสนรวดร้าวจับใจ
 ที่ทำได้เพียงเอ่ยนามเธอคนดี
 และตอนนี้เจ้าหญิงแห่งทิวา
 ผู้มี สายตาอันแสนเศร้าสร้อย
 ผู้มีปีกนางฟ้าตัวน้อยน้อย
 ผู้เรียงร้อยบทเพลงแห่งฤดูกาล

 เราพบกันในหมอกมัวแห่งยามเช้า
 สิ้นตะวัน... สิ้นเรา... ในคืนขันธ์
 เพียงดาบโล่ห์ที่แตกหักอยู่คู่กัน
 และน้ำตาหยดนั้นไม่ร่วงมา
 หากไหลบ่าลงสู่ห้วงดวงใจ
 พัดพาไปด้วยสายน้ำอันแรงกล้า
 หากแต่ ตอนนี้ในโลกา
 ทั่วพสุธาจักสงบร่มเย็นเอย...
 

 " เฮ้ย เคนนี่ เป็นอะไรวะ "  เสียงของรัซเซลล์ปลุกเคนนี่ให้ตื่นจากความคิดถึงอดีต
 " แกนี่ตั้งแต่รู้จักกันมาแล้ว รู้สึกแกชอบเหม่อลอยเป็นประจำเลยนะ ตอนที่ร้านข้าวก็ทีนึงแล้ว "
 " โทษทีว่ะ พอฟังเพลงแล้วเลยคิดอะไรเพลินๆ ไปหน่อย "
 " ไอ้ของหยั่งงั้นมีอะไรดีเรอะ " แอรอนร้องถาม " ขอดูหน่อยเด๊ะ "
 พูดจบก็กระโจนขึ้นมาหาเคนนี่บนต้นไม้หมายจะแย่งเอาจี้ Heart of Darknessจากมือของเคนนี่ แต่เคนนี่รู้ทันจึงกลิ้งตัวหลบลงจากต้นไม้
แอรอนห้อยหัวลงมา พยายามจะใช้มือแย่งรัซเซลล์เองก็ใช้เพลงเตะกวาดเข้าใส่เคนนี่ หาทางแย่งจี้ของเคนนี่ให้ได้
กลายเป็นว่าเคนนี่ต้องรับมือทีเดียว2 ด้าน ทั้งล่างและบนเลยทีเดียว แต่เคนนี่ก็ยังรักษาความเป็นต่อไว้ได้
 แล้วเคนนี่ก็พลาดจนได้ เขาถูกแอรอนแย่งเอาจี้ Heart of Darknessไปได้ในจังหวะที่มัวแต่สนใจกับกระบวนท่า 'วายุพลิกฟ้า' ของรัซเซลล์
ซึ่งเป็นกระบวนท่าหนึ่งในเพลงเตะอัสนีวิโรจน์โดยกระบวนท่านี้จะกวาดเตะทั้งสูง กลาง ต่ำเข้าใส่อย่างรวดเร็วด้วยขาข้างเดียว
และสามารถพลิกแพลงเปลี่ยนแปรไปทางโน้นทีทางนี้ทีได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้เคนนี่ต้องหันมารับมือกับเพลงเตะท่านี้อย่างรัดกุม
จนไม่ทันระวังมือขวาของแอรอนที่ตะปบเข้ามาคว้าเอา

จี้ออกไปจากคอของเขาอย่างรวดเร็ว แอรอนพอได้จี้ก็กระโจนเผ่นลงจากต้นไม้ออกไปทันที เคนนี่ตกใจมาก
พยายามพุ่งเข้าหาแอรอนหมายจะแย่งจี้คืน แต่พอตามทัน แอรอนก็ดัน โยนจี้ไปให้รัซเซลล์ พอจะพุ่งไปหารัซเซลล์
หมอก็ดันโยนจี้กลับไปให้แอรอนซะได้ พุ่งกลับไปกลับมาอยู่ประมาณ 2 ครั้ง
เคนนี่ก็กลับมายืนนิ่งอยู่พักหนึ่งโดยมีแอรอนกับรัซเซลล์ยืนอยู่ห่างออกไปข้างละ 3 เมตร ตอนนี้จี้อยู่ในมือของแอรอน
เขายกจี้แกว่งไปแกว่งมาโชว์ยั่วตาเคนนี่พร้อมกับยิ้มกวนตีน แล้วทำท่าจะเปิดจี้ออกดู
พริบตานั้น เคนนี่ก็พุ่งตัวเข้าใส่อย่างรวดเร็ว แอรอนนั้นกะไว้ในใจแต่แรกว่าเคนนี่ต้องทำแบบนี้จึงโยนจี้ไปให้รัซเซลล์
แต่พริบตาที่แอรอนโยนจี้ไปให้รัซเซลล์นั้น อยู่ๆ เคนนี่ก็เบรคเอาดื้อๆ หมุนร่างกลับไปหารัซเซลล์ พร้อมกับซัด 'เขี้ยวทะลวง'
ซึ่งเป็นคลื่นพลังที่หมุนวนอยู่รอบแขนเหมือนพายุ เข้าใส่รัซเซลล์ทันที รัซเซลล์ตกใจเพราะไม่คิดว่าเคนนี่จะเล่นไม้นี้จึงละความสนใจจากจี้
กระโจนหลบออกไปทันที เคนนี่ได้โอกาสพุ่งเข้าหาจี้ที่ลอยอยู่กลางอากาศทันที แต่แอรอนก็กระโจนไล่หลังมา แต่เคนนี่กะไว้ในใจแล้ว
จึงหันกลับมาซัด 'เขี้ยวทะลวง' เข้าใส่แอรอนซึ่งกระโจนเข้ามาในระยะประชิด แอรอนไม่มีทางหลบเลี่ยง
จึงเกร็งพลังออกมาต้านเขี้ยวทะลวงของแอรอนไว้ทันที เปิดช่องให้เคนนี่กระโจนเข้าคว้าจี้ไว้ได้
 เคนนี่ยิ้มอย่างผู้มีชัยที่สามารถแย่งของสำคัญที่สุดของตัวเองกลับมาได้

แต่แล้ว...
 ตูมมม !!!!!!!!
 เสียงเหมือนหินถูกทุบจนแตกละเอียด ทั้ง 3 หันตามเสียงด้วยสีหน้าซีดเผือก
 ตรงนั้น ทิศที่เขี้ยวทะลวงที่เคนนี่ปล่อยใส่รัซเซลล์แล้วเขาหลบได้ห่างออกไปประมาณ 7เมตร
มีซากของหินอ่อนซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นรูปสลักที่มีค่าหามิได้มาก่อน คนดูแลปราสาทคนหนึ่งได้ยินเสียงจึงวิ่งออกมาดู
พอได้เห็นรูปสลักหินอ่อนซึ่งตอนนี้กลายเป็นเศษหินอ่อนไปแล้วเท่านั้น เขาก็ร้องออกมาด้วยเสียงแสบแก้วหูดังลั่นปราสาท
 ทุกคนที่ได้ยินเสียงร้องรวมทั้งผู้เข้าประชุมทั้งหมดต่างวิ่งกรูกันมายังทิศที่เสียงร้องดังมาทันที
สิ่งที่พวกเขาพบเห็นคือ ซากรูปสลักหินอ่อนที่ถูกป่นจนแหลกเป็นเศษหินกองอยู่บนพื้นโดยมีคนดูแลปราสาทแก่ๆส่งเสียงพร่ำรำพันอยู่ข้างๆ ซากนั้น
เคนนี่ แอรอน กับรัซเซลล์มองหน้ากัน " ชิบ-ายแล้ว " รัซเซลล์พูดออกมาเบาๆ
 ตอนนั้น คนทั้งหมดที่ออกมาดูซากรูปสลักต่างกวาดตาหาคนทำแล้วพวกเขาก็หันมาเห็นทั้ง 3   คนยืนซีดอยู่กับที่ในระยะห่างไปไม่ถึง 10เมตร
 

 " ไอ้พวกบ้า !!!!! " เสียงตะโกนอย่างเหลืออดของกาโดดังลั่นไปหมด เคนนี่ แอรอนกับรัซเซลล์ได้แต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร
 " รู้รึเปล่าว่าพวกแกทำบ้าอะไรลงไป !!! พวกแกน่ะอย่างดีโดนไม่เท่าไหร่หรอก
แต่คิดมั้ยว่าใครต้องรับผิดชอบกับการกระทำไร้สมองของพวกแกทุกครั้งน่ะ !!! หา !!! "
" โทษทีครับ " เคนนี่พูดขึ้น
" ปัญหามันไม่ใช่แค่ขอโทษแล้วเรื่องจะจบหรอกนะ รูปสลักนั่นน่ะเป็นของหายากราคาเป็นสิบเป็นร้อยล้านเลยนะ
ถึงท่านกราเซียจะชดใช้เงินได้ก็เถอะ แต่คิดถึงชื่อเสียงของท่านกราเซียมั่งมั้ย ว่าจะป่นปี้ขนาดไหนเพราะพวกแก "
ตอนนั้นกราเซียเดินออกมาจากห้องของเจ้าเมืองมิวส์พอดี
" ใจเย็นๆ ก็ได้น่า กาโด " กราเซียพูด ทั้งใบหน้า แววตา
และน้ำเสียงของเขาไม่แฝงอารมณ์โกรธไว้แม้แต่เศษเสี้ยว "โกรธขนาดนั้นเดี๋ยวเส้นเลือดในสมองก็แตกหรอก "
 " แต่ว่า ท่านครับ.... "
 " พอเถอะ " พูดจบกราเซียก็หันกลับมาหาพวกเคนนี่ที่นั่งก้มหน้าอยู่ แล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า
 " ไม่ต้องห่วงหรอก ชั้นคุยกับเลดี้แอนนาเบลแล้ว เธอไม่ว่าอะไรชั้นเองอย่างดีก็แค่เสียเงินสองสามร้อยล้านเท่านั้นเอง "
กราเซียหยุดนิดหนึ่งก่อนจะพูดออกมาในที่สุด " เอาล่ะ พวกนายกลับไปพักผ่อนที่ห้องได้แล้ว "

 หลังจากทั้ง 3 เดินจากไปแล้ว กาโดก็พูดขึ้น
 " ท่านครับ ปล่อยไว้เฉยๆ ไม่ด่าว่าอะไรพวกมันอย่างนี้ จะดีเหรอครับเดี๋ยวนี้เจ้าพวกนี้ยิ่งก่อเรื่องหนักขึ้นทุกวันปล่อยไว้แบบนี้ชื่อของท่านจะ... "
 " กาโด " กราเซียพูดขึ้นมาทั้งๆ ที่กาโดยังพูดไม่จบ 
"แล้วที่นายยอมทิ้งโอกาสที่จะได้เป็นจอมทัพใหญ่ของวอร์เรนเซียแล้วมาอยู่กับชั้นล่ะเพื่ออะไรเพื่อชื่อเสียงรึเปล่า "
 กาโดอึ้งกับคำถามที่จู่ๆ ก็ถามขึ้นมาเช่นนี้ไปนิดหนึ่งแล้วตอบว่า "ไม่ครับ "
 " ก็ทำนองเดียวกันน่ะแหละ " กราเซียพูดพร้อมกับยิ้ม
"ชั้นเองที่ยอมเป็นหัวหน้าของ 7 เทพหมาป่าแล้วที่ยอมรับตำแหน่งเจ้าเมืองเอลแลนก็ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียงเหมือนกัน "
 " ครับ "
 " 3 คนนั้นก็ด้วย " กราเซียพูดพร้อมกับหลับตาลง
" พวกเขาไม่ได้ต่อสู้หรือทำอะไรเพียงเพื่อชื่อเสียงหรือลาภยศจอมปลอมนั่นพวกเขาเพียงแต่ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง
และไม่ทรยศต่อหัวใจของตัวเองเท่านั้น สิ่งนี้แหละเป็นสิ่งที่ใครหลายคนลืมมันไปด้วยการผูกมัดตัวเองอยู่กับกฎเกณฑ์กับสายตา
ของคนรอบข้าง เชื่อในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่เชื่อ โดยไม่สนว่าใครจะว่ายังไงนั่นแหละที่ทำให้พวกเขาแข็งแกร่ง "
กราเซียเว้นระยะนิดหนึ่ง แล้วพูดต่อ " กลับห้องกันเถอะ " พูดจบกราเซียก็เดินจากไปโดยมีกาโดเดินตามไปด้วย
 
 " จริงสิ เห็นเศษรูปสลักหินที่โดน 'เขี้ยวทะลวง'ของเคนนี่ป่นซะเละนั่นมั้ย "
 " เห็นครับ " กาโดตอบ " พลังของเคนนี่แข็งแกร่งจริงๆ ถึงจะยั้งๆ ไว้ก็เถอะก็ยังสามารถ... "
 " ไม่ใช่ " กราเซียว่า "ตอนที่ชั้นอ่านความคิดที่เหลืออยู่ในเศษหินที่เคนนี่ทำลายดูแล้ว ชั้นรู้สึกถึงจิตอันรุนแรงบางอย่าง
เป็นจิตที่ทั้งเย็นเยียบทั้งรุนแรงและมีคลื่นความโหดร้ายที่น่ากลัวกว่าธรรมดาอยู่อย่างมากมายมหาศาลแฝงอยู่ในจิตของเคนนี่
ตอนที่ชั้นอ่านหมอนั่นตอนก่อนจะมาประชุมนี่ก็รู้สึกเหมือนกัน "
 " ท่านหมายความว่า "   กราเซียพยักหน้าแล้วพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
 " บางที 'มัน' อาจจะกำลังคอยเวลาที่จะตื่นขึ้นมาอยู่ก็ได้ "
 " แล้วถ้ามันตื่นขึ้นมาจริงๆ ละก็ ท่านจะรับมือไหวหรือครับ "
 " พลังของชั้นน่ะเหรอ " กราเซียเดินไปที่หน้าต่าง
มองออกไปบนท้องฟ้าแล้วพูดต่อ " เทียบเท่าได้ก็คงดี "

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เพลงเด็ดประจำตอน : Small Two of Pieces (ฉบับแปล) จากเกม Xenogears