ROAR !!!

Chapter 5 - Time to War !!!!! -

 กองทัพห้าพันของวอร์เรนเซียตอนนี้เข้ามาถึงป่าแล้วป่าแห่งนี้เป็นป่าที่ค่อนข้างทึบและดูมืดครึ้มจนน่าเสียวไส้ดีชะมัดว่าอาจมีตัวอะไรโผล่พรวดออกมาเล่นงานเอาได้
 แม่ทัพที่นำทัพมาหนนี้ คือ กี๊ซ หมอนี่เป็นคนร่างใหญ่กล้ามเนื้อแข็งแกร่งผิดมนุษย์ ก็ไม่แปลกหรอก เพราะไอ้หมอนี่น่ะมันเป็นมนุษย์สมิงครับ พละกำลัง
ถึงได้น่ากลัวกว่าธรรมดา มาหนนี้แม้ว่าจะถูกแม่ทัพใหญ่สั่งมาว่าแค่หยั่งเชิงข้าศึกเท่านั้นแต่กี๊ซกลับมุ่งมั่นที่จะยึดเมืองมิวส์ให้ได้เพื่อจะได้เอาความดีความขอบใส่ตัวไว้

 กองทัพนี้แม้จะเป็นแค่ทัพเล็กๆ แต่ก็มีทหารที่แข็งแกร่งนอกจากทหารเดินเท้าธรรมดาอยู่มาก ทั้งทหารม้าหุ้มเกราะ พลธนู พลปืนไฟ ซึ่งน่ากลัวมากสำหรับ
การเข้ารบแบบประจัญบาน
 " หึ มีกองทัพที่แข็งแกร่งแบบนี้ จะยึดเมืองกระจอกอย่างมิวส์ง่ายนิดเดียว" กี๊ซนึกกระหยิ่มอยู่ในใจ " คอยดูนะไอ้พวกเมืองมิวส์จะฆ่าพวกมันให้สะใจเลย "
 ในตอนนั้นเสียงร้องตะโกนที่เต็มไปด้วยความกลัวและความเสียขวัญสลับกับเสียงยิงปืนไฟพลันดังขึ้นมาจากทางด้านท้ายของกองทัพ
กี๊ซหันม้ากลับไปดูอย่างตกใจ
 " นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น " กี๊ซสบถออกมา  ทหารคนหนึ่ง ควบม้าเข้ามารายงานเหตุการณ์ในสนามรบกับกี๊ซ
 " ทัพหลังถูกข้าศึกโจมตีเสียหายครับ "
 " อะไรกัน บ้าน่า พวกมันยกทัพมาตอนไหนกัน "
 " ไม่ใช่กองทัพครับ แค่ 2 เอ้อ... 2 คนครับ "

 เสียงร้องอย่างหวาดกลัวระคนเสียขวัญกับเสียงยิงปืนไฟดังก้องไปทั่วทั้งทัพหลังอันเนื่องมาจากมี 'คนครึ่งสัตว์' 2 คนพุ่งเข้าโจมตีอย่างรวดเร็วปานฟ้าแลบ
ด้วยกรงเล็บอันแหลมคม และกระโดดหายไปเร็วพอกันบนพื้นมีซากศพทหารกองอยู่นับสิบ ทั้งพลปืนไฟ พลธนู กระทั่งทหารม้าหุ้มเกราะเหล็ก
ทั้งหมดถูกตัดซะขาดเป็นท่อนๆ เหมือนถูกอาวุธมีคมตัดกระนั้น การโจมตีหยุดไปแล้ว แต่ไม่ช้าก็จะจู่โจมอีกจากที่ไหนก็ไม่รู้อีกเช่นกัน
พวกทหารได้แต่เตรียมตั้งท่าระวังภัยกันอย่างหวั่นๆ เนื่องด้วยพวกมันไม่อาจรู้ได้เลยว่าข้าศึกที่มากันเพียง 2 คนนี้จะเข้าจู่โจมอีกเมื่อไหร่และจากตรงไหน
พลปืนคนหนึ่งเดินถือปืนในท่าเตรียมยิงอย่างหวั่นๆ ในขณะที่เดินตัวสั่นถอยหลังเข้าหาต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งพร้อมกับกวาดปืนไปมา สายตาบ่งบอกถึงความกลัวสุดขีด
กับการที่ต้องสู้กับสิ่งที่เหมือนไม่มีตัวตน

 ตอนนี้หลังของมันพิงอยู่กับต้นไม้แล้วมันกวาดปืนไปมาทั้งซ้ายทั้งขวาอย่างหวาดหวั่น แล้วก็เหลียวมองขึ้นข้างบนมันเห็นอะไรซักอย่างเป็นเงาดำตะคุ่ม
อยู่บนต้นไม้ เจ้านั่นร้องดังลั่นพร้อมกับยกปืนยิบเปรี้ยงทันทีเศษใบไม้ใบใหญ่ๆ ปลิวว่อนเต็มไปหมด รังมด เจ้าพลปืนคิดในใจอย่างโล่งอก แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ
แต่ความโล่งอกนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความตกตะลึงและความกลัวสุดขีดเมื่อเบื้องหลังเงาดำของรังมดใหญ่ที่มันยิงไปนั้น ปรากฏเงาดำสายหนึ่งพุ่งแหวกรังมดออกมา
ดวงตาสีเหลืองกับปากสีแดงสดที่เต็มไปด้วยเขี้ยวพร้อมกับขนสีดำปลอดของเสือดำและกรงเล็บที่แหลมคม เจ้านั่นเห็นแค่นั้นก่อนที่จะถูกกรงเล็บและเขี้ยวฝัง เอาที่คอหอยอย่างจัง!!
 ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร นั่นคือแอรอนซึ่งขณะนี้อยู่ในร่างสมิงของตัวเองแล้ว พลธนูกับพลปืนคนอื่นเห็นดังนั้นก็ตกตะลึง ยกปืนกับธนูขึ้นยิงใส่อย่างรวดเร็ว
แต่ก็ยังช้ากว่าแอรอนที่กระโดดหลบได้อย่างว่องไว เขากระโจนชิ่งไปมาตามต้นไม้ในป่าที่มีอยู่อย่างมากมายได้อย่างรวดเร็วและว่องไวยิ่งนัก
ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ธนูและปืนไม่สามารถจับเป้าได้ถนัดแล้วแอรอนก็จะอาศัยจังหวะที่เจ้าพวกนี้มัวแต่เล็งแบบเก้ๆ กังๆ ชิ่งเข้าหาพร้อมกับตวัดกรงเล็บเข้าตัดพวกมันเป็นชิ้นๆได้ง่ายๆ
ในขณะที่พวกทหารกำลังสาละวนอยู่กับการถล่มกองหลังของแอรอน เคนนี่ก็โผล่พรวดออกมาจากพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว แล้วกระโจนชิ่งไปกับต้นไม้เข้าจู่โจมแบบเดียวกับที่แอรอนทำ
แค่แอรอนคนเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว นี่ยังมีเคนนี่เข้ามาจับคู่เข้าขากันได้อย่างงดงามอีก ไม่ต้องพูดถึงว่าจะขยี้ทัพหลังได้ยับเยินแค่ไหน

 หลังจากใช้วิธีนี้ฆ่าไปได้ประมาณ 50 คน เคนนี่กับแอรอนก็หยุดแล้วหลบซ่อนตัวอีกครั้ง เพื่อตอกย้ำความกลัวและความหวาดระแวงในใจของพวกมันให้เพิ่มขึ้น
แล้วค่อยโผล่พรวดออกมาฆ่าเพิ่มอีกหนแล้วก็หลบสลับกัน ทั้งสองใช้วิธีหลบไปฆ่าไปนี้กว่า 20 ครั้ง ทหารตายไปแล้วร่วมพันคน
พวกทหารพอเห็นว่ามีคน (หรือสัตว์ ??) เพียงคนเดียว พวกตัวเองมีมากกว่าไม่รู้กี่พันเท่า กลับถูกฆ่าไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็เริ่มปอดแหก วิ่งหนีกันเป็นแถบๆ
 " หนีไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกโว้ย !!!! " เคนนี่คำรามลั่นพร้อมกับเกร็งพลังให้หมุนวนอยู่รอบแขนทั้ง 2 ข้าง แล้วซัดเปรี้ยงเข้าใส่พวกที่คิดวิ่งหนีซะขาดเป็นชิ้นๆ ไปหลายสิบคน
จากนั้น ก็ยืดคลื่นพลังที่หมุนวนเหมือนพายุทอร์นาโดนั้นให้ยาวออกมาพ้นแขนแล้ววิ่งไล่พวกที่คิดจะวิ่งหนี ด้วยความเร็วและความชำนาญการต่อสู้ในป่า
พริบตาเดียว เคนนี่ก็ตามพวกมันทัน จากนั้นก็ฟาดเขี้ยวทะลวงออกไปใส่กลุ่มทหารที่วิ่งหนีนั้นจนเละเป็นเศษเนื้อซะอีก 30 คน

 แอรอนเองก็ไม่น้อยหน้า หมอเล่นวิ่งไปดักหน้าพวกทหารหนีตายตรงจุดที่กะว่าพวกมันต้องหนีมาแล้วเกร็งพลังทั้งหมดไปที่กรงเล็บทั้ง 2 ข้าง
เงื้อเต็มที่ แล้วฟาดออกไปอย่างรวดเร็วนับสิบครั้ง เกิดเป็นคลื่นพลังรูปเดือนเสี้ยวนับสิบพุ่งเข้าใส่กลุ่มทหารจากทุกทิศทาง ตัดร่างของพวกมันจนหลุดเป็นชิ้นๆ
พร้อมๆ กับต้นไม้หลายต้นที่อยู่ในรัศมีคลื่นพลัง
 การตามล่าแบบไม่ลดละของเคนนี่กับแอรอนยิ่งทำให้พวกทหารตื่นกลัวยิ่งกว่าเดิม วิ่งหนีกันป่าราบ
 " โอเค พวกมันหนีกันไปหมดแล้ว " เคนนี่ว่า " แล้วก็เริ่มกลศึกขั้นต่อไปเรียกว่า... " ปิดประตูตีแมว " ทั้งเคนนี่กับแอรอนพูดออกมาพร้อมๆ กัน
 พูดจบ ทั้ง 2 ก็กระโจนหายไปทันที โดยมีจุดหมายคือ ชายป่า

 ทหารที่หนีตายจากทัพหลังมารายงานความเสียหายของทัพหลังนั้นได้นั้นมีเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้นจากจำนวนสองพันกว่าคน นอกนั้นกลายเป็นผีเฝ้าป่าซะหมด
ด้วยฝีมือของเคนนี่กับแอรอน ฝ่ายกี๊ซเมื่อได้รับรายงานความเสียหายของทัพหลังอย่างยับเยินด้วยฝีมือของสมิงเพียง 2 คน ก็โมโหจัด
 " ไอ้พวกโง่ !!! " กี๊ซตะโกนลั่น " ข้าศึกมีแค่ 2 คนก็จัดการไม่ได้ !!!!ปืนไฟกับหอกเหล็กมีไว้ทำบ้าอะไรวะ !!!! ใช้แหย่ตูดพ่อมึงเรอะ !!!!!! "
 " คือว่า... เจ้าพวกนั้นมันเป็น สมิงครับ..... " เจ้าทหารรายงานตัวสั่นด้วยความกลัว
 " แล้วไง "
" พวก... พวกมันใช้วิธีกระโดดชิ่งไปมาตามต้นไม้ เร็วมากเลยครับ....เราเลย...เราเลยไม่สามารถจับเป้ายิงได้ถนัด กองทัพม้าหุ้มเกราะก็เข้าจู่โจมไม่ได้เลย
เพราะพวกมันหลบเร็วมาก พวกมัน.... พวกมันตัดคนใส่เกราะเหล็กได้เหมือน...เหมือนตัดหยวกกล้วยเลยครับ "
 เจ้ากี๊ซแม้จะโกรธจนตัวสั่น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าเบิ๊ดกะโหลกทหารที่หนีตายมารายงานนั้นคนละสองทีแล้วหันไปสั่งเดินทัพต่ออย่างฉุนเฉียว
โดยหารู้ไม่ว่าเคนนี่กับแอรอนที่หลบมาดักอยู่ตรงชายป่านั้นได้ติดตามพวกตนมาอย่างเงียบๆ

 กองทัพของกี๊ซเคลื่อนออกมาพ้นแนวป่าแล้ว ตอนนี้กำลังจะเข้าไปในหุบเขา แต่คราวนี้กี๊ซระวังตัวแจกว่าคราวเดินทัพผ่านป่า มันส่งทหารจำนวนหนึ่ง
เข้าไปสำรวจในหุบเขาก่อน สำรวจอยู่นานมากจนแน่ใจว่าไม่มีใครหรืออุบายใดๆ แอบซ่อนอยู่ จึงสั่งเคลื่อนทัพผ่านหุบเขา แต่ยังไม่วายปอดแหกสั่งให้ลูกน้อง
กองทหารม้าหุ้มเกราะเป็นทัพหน้ากล้าตาย
 ฝ่ายเคนนี่กับแอรอนซึ่งแอบติดตามกองทัพของกี๊ซมาตั้งแต่ชายป่า กำลังเฝ้าสังเกตกองทัพของกี๊ซจากที่ซ่อนเมื่อเห็นว่ากองทัพของก๊ซเดินเข้าไปในหุบเขากันหมดแล้ว
ก็ปรากฎตัวออกจากที่ซ่อนอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีทหารคนไหนสังเกตซักนิด เคนนี่รวมพลังบังคับ เขี้ยวทะลวง ให้หมุนวนรอบแขน เร่งพลังให้แรงสุดๆ
พร้อมๆ กับแอรอนที่เกร็งพลังไปที่กรงเล็บจนมีพลังออร่าเป็นรูปกรงเล็บขนาดใหญ่ ในวินาทีนั้น ทั้งสองก็ซัด คลื่นพลัง ที่สะสมไว้ออกไปพร้อมๆกันทันที
โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ด้านบนของหุบเขาทั้ง 2 ด้าน
 เขี้ยวทะลวง กับ กรงเล็บมฤตยูพุ่งเข้าชนกับขอบบนของหุบเขาดังตูมสนั่นเหมือนฟ้าผ่า ทั้งทหารทั้งเจ้ากี๊ซหันขวับกลับมามองอย่างตกใจ ขอบด้านบนของหุบเขาแตกเป็นชิ้นๆ
เศษหินทั้งเล็กทั้งใหญ่ร่วงกราวลงมายังหุบเขาปิดปากทางที่กองทัพของกี๊ซเข้ามาจนหมด

 กี๊ซตกใจมาก แต่ยังไม่ทันได้หายตกใจ
 ตูมมม !!!!!!!  เสียงแบบเดียวกับที่ดังเมื่อกี้
แต่ดังมาจากอีกฟากของหุบเขาอันเป็นทางสู่เมืองมิวส์ และเส้นทางที่เหลือเพียงสายเดียวสำหรับหนีให้พ้นจากหุบเขานี้ ไม่ต้องสงสัยว่าใครทำแบบนี้ รัซเซลล์กับสตันนั่นเอง
 " งี่เง่าทั้งนั้น !! "
 เสียงตะโกนของรัซเซลล์ดังลั่นไปทั่วทั้งหุบเขา ทหารทั้งหมดหันขวับตามเสียงตะโกน ทั้งคู่ยืนอยู่ข้างหน้ากองเศษหินที่เกิดจากตัวเองพังขอบหุบเขา
ฝุ่นที่ฟุ้งขึ้นมาทำให้มองทั้งคู่ไม่ได้ชัดนัก
รัซเซลล์ตะโกนลั่นโดยจงใจให้ทั้งกองทัพได้ยิน " เฮ้ย !! ไหนว่าไอ้พวกฝูงหมาของวอร์เรนเซียมันกัดเก่งนัก ไหนลองมากัดกับกูหน่อยดิ๊ "

 กี๊ซเมื่อได้ยินคำด่าท้าทายที่แสนอวดดีเยี่ยงนี้ก็โกรธจัด สั่งให้ทหารทัพม้าเหล็กหุ้มเกราะเข้าจู่โจมทันที มันคิดในใจว่า ที่เมื่อกี้เสียเปรียบฝ่ายตรงข้ามนั้น
เป็นเพราะชัยภูมิของฝ่ายตรงข้ามได้เปรียบ แต่ตอนนี้ต่างจากในป่า พวกตนอยู่ในลานกว้างที่ถึงแม้จะไม่กว้างขนาดทุ่งใหญ่ๆ แต่ก็พอที่จะตั้งขบวนทัพได้
ไม่มีอุปสรรคเหมือนตั้งขบวนทัพในป่า ตนเองจะต้องได้เปรียบฝ่ายตรงข้ามแน่นอน
 กองทัพม้าหุ้มเกราะพุ่งเข้าหารัซเซลล์กับสตันทันที ตอนนั้นฝุ่นที่ฟุ้งขึ้นมาเริ่มจางลงไปมากแล้ว เผยให้เห็นว่า ร่างที่สูงใหญ่ของรัซเซลล์ตอนนี้
มีขนสีเหลืองสลับดำเป็นริ้วๆ ขึ้นอยู่ตามตัว สองมือมีกรงเล็บแหลมสองขามีลักษณะคล้ายขาสัตว์ป่ากินเนื้อและมีเล็บแหลมที่นิ้วเท้าและส่วนหัวนั้นก็เป็นลักษณะ
ของหัวเสือโคร่งที่ใหญ่เท่ากระด้ง !!!!

 ส่วนสตันนั้น สองแขนสองขานั้นยังคงมีลักษณะแบบแขนมนุษย์อยู่ต่างกันที่มีอะไรคล้ายเปลือกแข็งๆ สีน้ำเงินหุ้มตัวอยู่ที่มือนั้นปลายนิ้วที่ถูกหุ้มด้วยเปลือกแข็งนั้นแหลมคม
เหมือนกรงเล็บสัตว์ที่หลังมีปีกคล้ายปีกของตัวด้วงและส่วนหัวก็ยื่นออกมาจนเป็นเขาแหลมคมและมีลักษณะของหัวด้วง !!!!
  รัซเซลล์ตวัดเท้าวาดเพลงเตะเข้าใส่กลุ่มทหารม้าหุ้มเกราะ 7คนที่เข้ามาใกล้ตัวที่สุด อย่างรวดเร็ว ผลคือทั้งม้าทั้งคนขี่ขาดเป็นท่อนๆร่วงลงมา
กองเหมือนเนื้อวัวที่ถูกชำแหละรวดเดียวทั้ง 7 คน 7 ตัวแล้วกระโจนเข้าใส่แถวทหารที่ดาหน้าเข้ามาพร้อมทั้งวาดเพลงเตะอัสนีวิโรจน์อันรวดเร็วแลรุนแรง
ออกมาใส่พวกมัน สตันนั้นเหินร่างขึ้นแล้วโฉบลงมาอย่างรวดเร็วเหมือนเหยี่ยวพร้อมกับใช้มือที่เหมือนเล็บทั้ง 2ข้างตวัดตัดร่างของทหารเละไปหลายสิบคน
จากนั้นจึงบินขึ้นไปสูงอีกครั้ง แล้วพุ่งตัวลงมาอีกหนพร้อมกับกางแขนและมือออกเป็นรูปกางเขน พุ่งเข้ากลางแนวรบชนซะพวกทหารตายคาเขาไปหลายคน
และอีกหลายคนที่ตายไม่ก็บาดเจ็บสาหัสจากเล็บที่กางออกมา

 พวกทหารนั้นเมื่อเห็นว่าแนวรบที่แข็งแกร่งกำลังปั่นป่วนด้วยฝีมือของสมิงแค่2 ตนเช่นนี้ ก็ตะโกนบอกต่อๆ กันให้ใช้ปืนไฟกับธนู พวกพลปืนไฟตั้งแถวเตรียมจะยิง
แต่ยังไม่ทันจะยิง พวกมันก็หลุดออกเป็นชิ้นๆ กองอยู่กับพื้นด้วยเพลงเตะอันเร็วราวสายฟ้าของรัซเซลล์ ฝ่ายพลธนูนั้นได้โอกาสที่รัซเซลล์กำลังสนใจกับพลปืนไฟ ง้างธนูยิงทันที
 แต่รัซเซลล์รู้สึกตัวก่อน หมุนตัววาดเท้าเตะกลับมาในท่าหมุนตัวเตะ คลื่นอากาศที่เกิดจากแรงเตะของรัซเซลล์พัดเอาธนูที่พุ่งมาจนหักสะบั้น
แล้วยังพุ่งไปตัดเอาพลธนูสิบกว่าคนซะขาดเป็นท่อนๆ
 ฝ่ายพลธนูกับพลปืนเมื่อเห็นว่าใช้ธนูเล่นรัซเซลล์ไม่ได้ก็หันไปยิงใส่สตันแทนโดยคิดว่าสตันนั้นช้าตอนอยู่บนพื้น ไม่น่าหลบได้ มันคิดถูก ทั้งธนูและลูกปืนโดนสตันทุกนัด
แต่ทว่า ร่างภายใต้เปลือกแข็งของสตันนั้นไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ส่วนธนูหรือก็หักสะบั้นหมดทุกลูกที่พุ่งถูกร่างของสตัน
 พวกทหารตะลึงกันเป็นแถบๆ อย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นธนูนั้นก็ยังพอว่า แต่ปืนไฟนี่สิ อาณุภาพของมันขนาดเสื้อเกราะเหล็กแข็งๆยังกระจุย
แต่นี่กลับไม่สามารถทำได้แม้รอยข่วนกับเปลือกแข็งของสตันเลย
 ในขณะที่พวกทหารกำลังยืนซีดอยู่นั้น สตันก็กระพือปีกของตนด้วยอัตราเร็วที่เหนือกว่านกทุกชนิดในโลกประกายไฟคล้ายกับ กระแสไฟฟ้าค่อยๆ ไหลจากปีกที่กระพืออยู่มา
ตามคอ และมารวมตัวกันที่เขาบนหัวแล้วพุ่งออกไปทันที
 กระแสงไฟฟ้าแผ่วงกว้างออกไปโดยมีศูนย์รวมอยู่ที่เขาของสตันพุ่งเข้าช็อตใครก็ตามที่อยู่ในรัศมีของลำสายฟ้านั้นจนระเบิดเละเป็นศพดำเป็นตอตะโก
พวกทหารหนีตายกันอลหม่าน แต่ไม่มีใครรอดไปได้ในระยะที่ลำสายฟ้านั้นแผ่ไปถึง

 2 ชั่วโมงผ่านไป...
ซากศพของทหารเกือบสามพันที่หลุดเข้ามาเป็น 'แมว' ให้รัซเซลล์กับสตัน 'ตี' กองอยู่กับพื้นเต็มไปหมด บ้างก็ตายเพราะเล็บเท้าของรัซเซลล์
บ้างก็มีแผลเหวอะหวะจากเล็บและเขาของสตัน แต่ส่วนใหญ่จะตายเพราะสายฟ้าของสตันเสียมากกว่า
 " แกนี่ละน้า " รัซเซลล์บ่น " เล่นกวาดรวดเดียวหมดฝูงแบบนี้ ใจดำชะมัดน่าจะเผื่อแผ่เพื่อนฝูงกันบ้าง "
 สตันไม่ตอบ เพียงชี้มือไปทางด้านหลังของรัซเซลล์ เขาหันกลับไปดูตามมือของสตัน ที่นั่น ร่างใหญ่โตปานยักษ์ปักหลั่นของกี๊ซยืนทะมึนอยู่
ม้าของมันถูกสายฟ้าของสตันซะกลายเป็นม้าย่างไปแล้ว มันเองก็โดนสายฟ้าเข้าไปบ้างเหมือนกัน แต่ก็มีเพียงรอยไหม้นิดหน่อยเท่านั้น ไม่ร้ายแรงอะไร
 " ดูเหมือนว่าจะเหลืออยู่อีกแฮะ " รัซเซลล์พูดพร้อมกับขยับเท้าไปมา
 " โดนสายฟ้าของเจ้าสตันเข้าไปแล้วยังลุกขึ้นมายืนกร่างได้แบบนี้ท่าจะไม่ใช่ธรรมดาซะแล้ว มนุษย์ที่โดนสายฟ้าของสตันเข้าจังๆแล้วไม่มีแม้แต่แผลหรือออกอาการ
เท่าที่ชั้นเคยเห็นมาก็มีแต่ท่านกราเซียเท่านั้นเอง "
 รัซเซลล์เว้นระยะนิดหนึ่งแล้วพูดต่อ " หรือว่าจะเป็นมนุษย์สมิงกันน้า " ขาดคำ เจ้ากี๊ซส่งเสียงร้องดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั้งป่า
เล่นเอารัซเซลล์ใจหายหมด

 ร่างของมันค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป เริ่มมีขนสีน้ำตาลเม็ดเกาลัดขึ้นตามตัว มือทั้งสองข้างเริ่มกลายเป็นลักษณะของอุ้งตีนหมี ส่วนหัวก็ยื่นออกมา
เป็นลักษณะของหมีกริซลี่สีน้ำตาลตัวมหึมา ส่งเสียงคำรามกึกก้องสะเทือนไปทั้งหุบเขาอย่างน่ากลัว
 รัซเซลล์เห็นดังนั้นก็ผิวปากออกมาเบาๆ อย่างประหลาดใจเล็กน้อย ส่วนสตันนั้นไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไรก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่แสดงอาการใดๆทั้งสิ้น
 กี๊ซซึ่งตอนนี้กลายสภาพเป็นหมีสมิงไปแล้ว ส่งเสียงคำรามอย่างน่ากลัวอีกครั้ง แล้วพุ่งเข้าหารัซเซลล์ทันทีด้วยความเร็วอันแทบไม่น่าเชื่อ
สำหรับหมีสมิงสูงเกือบ 3 เมตรมันเงื้อกรงเล็บขึ้นแล้วตบเข้าใส่เป็นแนวขวางทันทีที่พุ่งเข้าถึงตัวรัซเซลล์ แต่รัซเซลล์กระโดดหลบได้ แต่เบื้องหลังของรัซเซลล์
ที่เป็นกองหินสูงเกือบ 10เมตรนั้นก็มีอันต้องทลายลงมาในพริบตาด้วยกำลังอันมหาศาลของกี๊ซ

 รัซเซลล์เมื่อได้เห็นกำลังมหาศาลของมนุษย์สมิงเผ่าหมีแล้วแทนที่จะรู้สึกกลัว กลับยิ้มออกมา เป็นยิ้มที่เต็มไปด้วยความคลั่งสายตาสีเหลืองคู่นั้น ก็เต็มไปด้วยแววแห่งความคลั่ง
เขาพุ่งเข้าหากี๊ซอย่างรวดเร็ว ฝ่ายกี๊ซเมื่อเห็นรัซเซลล์พุ่งเข้ามาก็เงื้อเล็บขึ้นกะจังหวะที่รัซเซลล์พุ่งเข้ามาจะถึงตัว ตบเปรี้ยงลงมาทันที
 เสียงพื้นดินส่วนที่ถูกเล็บของกี๊ซตบระเบิดออกเป็นหลุมใหญ่แต่รัซเซลล์หายไป กี๊ซนั้นตกใจ ส่ายหัวหารัซเซลล์เป็นการใหญ่แต่ยังไม่ทันที่จะส่ายหัวไปทางไหน
หน้าซีกซ้ายของมันก็ถูกซัดเปรี้ยงเข้าด้วยลูกเตะซะจนล้มกลิ้งไปสามรอบมันลุกขึ้นทันทีพร้อมกับมองไปยังเจ้าของเท้าที่เตะมัน ไม่ใช่ใครอื่น
ก็รัซเซลล์นั่นละ กี๊ซร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งพุ่งเข้าหาพร้อมกับใช้เล็บอันคมกริบและรุนแรงขนาดถล่มหินผาได้ไล่ตบรัซเซลล์
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะรัซเซลล์เล่นหลบเอาๆแล้วก็หลบได้หมด ไม่มีถูกแม้แต่นิดเดียว
 แล้วรัซเซลล์ก็พลาดจนได้ เมื่อเขาดันก้าวพลาดตอนหลบจังหวะสุดท้าย แม้ไม่ถึงกับล้มครืน แต่ก็เสียการทรงตัวไปนิดหนึ่งซึ่งนานพอที่เจ้ากี๊ซจะตบเข้าใส่เขา
โดยที่เขาไม่สามารถหลบได้
แต่รัซเซลล์ก็ไม่กระจอกในสภาพร่างกายซึ่งไม่มีสมดุลย์นั้น เขายังสามารถเบี่ยงตัวหลบไปได้ แต่ก็โดนกรงเล็บเข้าถากๆ แต่แค่ถากก็เปิดแผลใหญ่ที่สีข้างขวาของเขาเลือดไหลนอง
 กี๊ซกระหยิ่ม นึกในใจว่าศัตรูได้รับบาดเจ็บไปก็น่าจะเสียขวัญ แต่ไม่แววตากับรอยยิ้มบ้าคลั่งนั้นกลับยิ่งดูรุนแรงมากขึ้นกว่าตอนก่อนบาดเจ็บเสียอีก
เขาใช้นิ้วแตะเลือดที่สีข้าง แล้วเอามาแตะบนลิ้นละเลงลงไปจนทั่วแล้วยิ้มออกมาอย่างน่ากลัวแล้วพุ่งเข้าใส่กี๊ซทันที
กี๊ซตบสวนออกมา และรัซเซลล์ก็เตะสวนออกไปในจังหวะเดียวกัน

 เสียงลูกตบกับลูกเตะปะทะกันดังสนั่นหวั่นไหวเจ้าของลูกเตะลอยละลิ่วตามแรงตบของเจ้าของลูกตบ ในขณะที่เจ้าของลูกตบยังคงยืนอยู่ที่เดิม
 ฝ่ายเจ้าของลูกเตะคือรัซเซลล์นั้นกระเด็นแถมยังกลิ้งไม่เป็นท่า รูปการดูเหมือนว่ากี๊ซเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ผู้ที่เหมือนได้เปรียบนั้นกลับส่งเสียงร้องดังลั่น
เป็นเสียงที่แสดงถึงความเจ็บปวดและความเสียขวัญอย่างรุนแรง นั่นก็เพราะตอนนี้ แขนขวาข้างที่มันตบสวนกับรัซเซลล์ตะกี้ ตอนนี้ขาดกระเด็น
ไปตกอยู่กับพื้นห่าจากตัวมันร่วม 20 เมตรฝ่ายรัซเซลล์ผู้ที่ดูเหมือนเสียเปรียบนั้นกลับยืนขึ้นมาพร้อมกับยิ้มกวนตีน แต่แฝงความมั่นใจในชัยชนะเอาไว้
 เขาแผดเสียงคำรามอย่างเสือโคร่ง แล้วพุ่งเข้าหากี๊ซพร้อมกับตวัดเท้าซึ่งตอนนี้กางเล็บออกจากซองแล้ว เตะเปรี้ยงตัดบ่าซ้าย แล้วตามด้วยเตะตัดขาทีเดียว
พร้อมกันทั้งสองข้าง ผลคือ แขนซ้ายกับขาทั้งสองข้างของมันขาดกระเด็นเลือดพุ่งกระฉูดออกจากรอยตัดของขาและแขนที่ขาด ยังไม่ทันที่เจ้ากี๊ซจะร้องอะไรออกมา
รัซเซลล์ก็จัดการส่งมันให้พ้นทรมานด้วยการเตะกวาดโป้งเดียว หัวของเจ้ากี๊ซขาด พุ่งขึ้นไปกลางอากาศด้วยแรงดันเลือดที่พุ่งออกมาจากรอยแผล
รัซเซลล์กระโจนจะคว้าหัวนั้น แต่มีร่างหนึ่งกระโจนคว้าตัดหน้าไปซะก่อน

 ร่างนั้นคือ เคนนี่ที่อยู่ในร่างมนุษย์แล้วนั่นเอง เขายืนชูหัวของเจ้ากี๊ซโชว์พร้อมกับยิ้มเป็นเชิงยั่ว พอรัซเซลล์ถลันจะเข้ามาแย่งคืน แต่เคนนี่กลับโยนออกไปทางหนึ่ง
รัซเซลล์กระโจนตามจะคว้าแต่ก็มีอีกร่างหนึ่งถลันเข้ามาคว้าเอาไปได้ซะก่อน ร่างนั้นคือแอรอนที่อยู่ในร่างมนุษย์แล้ว
 รัซเซลล์พยายามจะแย่งเอาหัวของกี๊ซคืน แต่ก็ถูกเคนนี่กับแอรอนหลอกล่อทำให้แย่งกลับมาไม่ได้ ล่อกันอยู่นานจนรัซเซลล์ชักเบื่อ เลยนั่งลง
ด้วยทีท่าโกรธนิดๆ " ถือว่าหายกันแล้วไง จากคราวที่แกแย่งจี้ชั้นน่ะ " เคนนี่ตอบพร้อมกับโยนหัวของกี๊ซคืนให้กับรัซเซลล์
 " แต่ตอนนั้นแกก็ได้จี้คืนไม่ใช่เรอะ " รัซเซลล์พูดในขณะที่รับหัวกลับคืนมา
 " แถมตอนนั้นแกยังพาเราซวยกันหมดนี่อีก ความจริงแกต่างหากที่ติดหนี้พวกเราอยู่น่ะ "
 ยังไม่ทันที่เคนนี่จะตอบอะไร เขาก็หุบยิ้มกวนๆ ของเขา เปลี่ยนเป็นสีหน้าดุเขาหันขวับกลับไปทางหินใหญ่ก้อนหนึ่งที่ตกลงมาจากของหุบเขา
 " ใครน่ะ !!! " เขาคำรามพร้อมกับซัดเขี้ยวทะลวงซึ่งยืดออกเป็นเส้นสีดำเหมือนแส้ฟาดเข้าใส่หินก้อนนั้นทันที หินก้อนนั้นขาดออกเป็นสองเสี่ยงในฉับเดียว
แต่ไม่มีแม้แต่เงาคนซักคนอยู่แถวนั้น ไม่มีแม้แต่หนูซักตัว
 " แกอุปทานไปเองละมั้ง " รัซเซลล์ว่าพร้อมกับคืนร่างกลับมาเป็นมนุษย์ตามเดิม
 เคนนี่มองไปที่หินใหญ่ที่ถูกตัดขาดนั้น แล้วพูด " นั่นสิ สงสัยจะใช่รีบกลับเมืองมิวส์กันเถอะ "
 พูดจบก็เดินนำหน้าทุกคนกลับไปเมืองมิวส์ทันที คนอื่นมองหน้ากันอย่างงงๆ แล้วก็เดินตามเคนนี่ไป

 หลังจากที่พวกเคนนี่ออกจากหุบเขาไปไม่นานนัก ร่างร่างหนึ่งปรากฎขึ้นอย่างช้าๆ ราวกับภาพลวงตาบนก้อนหินที่เคนนี่ฟันขาดไว้เมื่อกี้ เป็น
ชายคนหนึ่ง อายุประมาณสี่สิบปี สวมชุดดำ และใส่เสื้อคลุมยาวสีดำ ผมยาวเป็นสีขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยสักจนมองแทบไม่เห็นใบหน้าจริงๆ
ที่หน้าผากมีผลึกสีแดงรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนฝังอยู่
 ชายคนนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ ใช้มือแตะที่ผลึกบนหน้าผาก ก่อนจะพูดออกมา
 " ไม่เจอกันแค่ 10 ปี แข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้เชียวรึ " แล้วพูดต่อ "ดีใจจริงๆ ที่แกเก่งขึ้น รักษาตัวให้รอดจนกว่าข้าจะจัดการกับเจ้าล่ะ เจ้า 'ตุ๊กตา' ของข้า "
 

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

แนะนำตัวละคร

รัซเซลล์ โอเกอร์ โทพาซ (Russell Ogre Topaz)
สูง : 189 ซม.           หนัก : 75 กก.
Beast Form : เสือโคร่ง (Tiger)
อาชีพ : ไม่แน่ชัด (อาจเป็นกุ๊กก็ได้)

สตัน (Stun)
สูง : 182 ซม.           หนัก : 78 กก.
Beast Form : แมลง (Insect)
อาชีพ : ไม่ปรากฏ