ROAR !!!

Chapter 9 - Dirty Trick -

ภายใต้เสียงร้องสั่งอันสับสนวุ่นวายนั้น พวกทหารเมืองมิวส์ต่างพากันวิ่งพล่านไปหมด เสียงใครคนหนึ่ง จำได้ว่าเป็นเสียงของแอนนาเบล ร้องสั่งพลธนูและพลปืนไฟ
ให้ไปช่วยแนวรบที่กำแพงเมืองด้านตะวันตก ตอนนี้ภายในเมืองสับสนอลหม่านยิ่งกว่าตอนที่กองทัพสมิงชุดแรกโจมตีเสียอีก
กราเซียเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า พุ่งปราดไปที่กำแพงเมืองพร้อมกับกระโดดพรวดเดียวขึ้นมายืนบนเชิงเทินและโดดเบาๆ อีกทีก็มายืนอยู่ตรงที่แอนนาเบลกับเจสยืนอยู่ตะกี้นี้
ฝ่ายลูกน้องทั้ง 4 คนเห็นเจ้านายพุ่งพรวดออกไปแบบปุบปับก็ไม่รอช้าเช่นกัน รีบเผ่นพรวดตามเจ้านายขึ้นไปทันที
" รีบไปสมทบกับกองทหารเมืองมิวส์ที่กำแพงด้านตะวันออก!!!! " กราเซียร้องสั่งทันทีที่ทั้ง 4 คนตามขึ้นมาถึงบนกำแพงเมือง พร้อมๆกับที่ออกวิ่งไปยังกำแพง
ฝั่งตะวันออกทันทีโดยมีลูกน้องทั้ง 4 คนวิ่งตามไปด้วย ไม่นานเท่าใดนัก ทั้งหมดก็มาถึงกำแพงเมืองฝั่งตะวันออกและบัดนี้ ภาพที่ทั้ง 5 คนเห็นอยู่คือ
กองทัพสมิง จำนวนไม่ต่ำกว่าสามหมื่น ส่งเสียงคำรามฮึ่มแฮ่กันดังสนั่นหวั่นไหว กองทัพนี้ต่างจากกองทัพแรกอย่างมากมาย นอกจากจำนวนคนที่ห่างกันชนิดลิบลับแล้ว
ชนิดของสมิงในกองทัพก็ต่างกันอีกด้วย โดยที่ทัพนี้มีสมิงที่เป็นสัตว์ขนาดใหญ่และมีกำลังมาก อย่างเช่น แรด ช้าง เอาไว้เป็นทัพหน้าสำหรับบดขยี้และทำลายเครื่องกีดขวาง
ขนาดใหญ่ต่างๆ ด้วย ซึ่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวที่พวกกราเซียทุกคนได้ยินตอนแรกนั้น ก็คือเสียงของสมิงทัพหน้าที่เป็นสัตว์ขนาดใหญ่ใช้หัวชนกำแพงอันแข็งแกร่ง
ของเมืองมิวส์นั่นเอง

ข้างฝ่ายทหารหาญของเมืองมิวส์เองก็ตอบโต้อย่างดุเดือดพอกัน กรวดทรายร้อนๆถูกเทลงมาใส่พวกสมิงที่พยายามปีนขึ้นมาร้องจ๊าก ร่วงลงไปหลายตัว
ปืนไฟและธนูไฟถูกยิงลงไปเป็นชุดๆ แต่พวกสมิงเองก็ไม่ใช่เล่นได้ง่ายๆ อย่างกองทัพของมนุษย์พวกสมิงนั้นตัวไหนโดนเข้าจุดสำคัญจังๆ ก็ตายไป
ที่ไม่ตายหรือไม่โดนจุดสำคัญก็ดาหน้าเข้าหาเมืองมิวส์ต่อไปอย่างบ้าเลือดไม่กลัวตาย โดยเฉพาะพวกทัพหน้าที่เป็นสัตว์ขนาดใหญ่ทรหดสูง
พวกนี้นั้นต่อให้ยิงถูกจุดสำคัญก็ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ ส่วนใหญ่จะยังพุ่งเข้าชนกำแพงเมืองอย่างดุร้ายทำเอาฝ่ายทหารเมืองมิวส์เองยืนแทบไม่ติดที่ทุกครั้งที่พวกมัน
พุ่งชนกำแพง นับว่ายังโชคดีอยู่บ้าง ที่กราเซียทิ้งสตันไว้บนกำแพง
บัดนี้ สตันที่อยู่ในร่างสมิงตัวด้วงก็กำลังต่อสู้ร่วมกับทหารเมืองมิวส์อย่างดี เขายืนบนเชิงเทิน กระพือปีกทั้งสองข้างอย่างเร็วปล่อยสายฟ้าหลายสิบสายออกจากเขา
เข้าช๊อตพวกสมิงที่เข้ามาใกล้กำแพงเมืองซะดำเป็นตอตะโก แล้วลากต่อไปถึงสมิงที่อยู่ถัดไป ทางด้านทัพกลางอีกด้วย ถ้าหากกราเซียไม่ทิ้งสตันไว้บนกำแพงเมืองละก็
ด้วยจำนวนทัพหน้าของสมิงขนาดใหญ่เช่นนี้ แค่ปืนไฟกับธนูไฟหยุดมันไว้ได้ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ


กราเซียยืนดูการต่อสู้อย่างดุเดือดระหว่างกองทัพสองฝ่าย พร้อมกับคิดในใจ
" ถึงตอนนี้จะเป็นฝ่ายได้เปรียบก็เถอะ แต่นานไปกระสุนกับลูกธนูต้องหมดแน่ จะพึ่งสายฟ้าของสตันก็ไม่ดี เพราะถ้าปล่อยติดต่อกันนานๆคงไม่ไหว ไม่ได้การ ต้องทำอะไรซักอย่าง "
คิดได้ดังนี้ กราเซียก็หันไปสั่งเคนนี่ แอรอน และรัซเซลล์ทันที
" ไปที่กำแพงเมือง คอยจู่โจมรบกวนศัตรูจากระยะไกล อย่าลงไปรบแบบประจัญบานเด็ดขาด " ทั้งสามคนรับคำก่อนจะวิ่งออกไปทันที
กราเซียเมื่อเห็นพวกเคนนี่เดินจากไปแล้วก็วิ่งเข้าไปหาแอนนาเบลซึ่งยืนสั่งการทหารอยู่ตรงจุดหนึ่งโดยมีเจสอยู่ข้างๆ
" ท่านกราเซีย !!! " แอนนาเบลร้องเรียกเมื่อเห็นกราเซียวิ่งเข้ามาหา
" ท่านแอนนาเบล เหตุการณ์เป็นยังไงบ้างครับ " กราเซียร้องถามมา
" พวกมันบุกเข้ามาตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวกันตอนที่ทหารบางส่วนที่เราทิ้งเอาไว้ทางกำแพงเมืองฝั่งอื่นเข้ามาแจ้งว่าทัพสมิงบุกทางด้านตะวันออก ทีแรกชั้นไม่เชื่อ
จนได้ยินเสียงเหมือนระเบิดตะกี้ถึงได้รู้ว่าจริง ก็เลยสั่งให้ทหารย้ายมาทางตะวันออกเพื่อรับมือกับพวกมันทีแรกก็ทำท่าจะรับมือไม่ไหว โชคดีที่ท่านกราเซียทิ้งสตันไว้ให้คอยช่วย
บนกำแพงเมือง ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่สามารถต้านทานกำลังของพวกมันได้แน่ " แอนนาเบลกล่าวตอนท้ายน้ำเสียงเหมือนจะชื่นชม
แต่ตอนนี้กราเซียไม่มีเวลาขอบคุณคำชมนั้นแล้ว เขาพูดออกมาด้วยสีหน้าใช้ความคิด
" ถูกต้องครับ แต่ถึงตอนนี้จะรับมืออยู่ แต่นานไปจะไม่เป็นผลดีแม้แต่น้อย ถ้ากระสุนกับลูกธนูหมด หรือพวกเคนนี่ทั้ง 4 คนรวมทั้งตัวผมเองใช้พลังถึงที่สุดเมื่อไหร่
พวกมันนับหมื่นตัวก็จะบุกเข้ามาได้ และถึงตอนนั้นสถานการณ์จะต้องเลวร้ายกว่านี้แน่ "

" ทั้งหมดก็เพราะท่านนั่นแหละ !!!!! "
เสียงที่ดังเกือบเป็นตวาดนี้เป็นของเจสผู้นิ่งเงียบมานาน เขาชี้นิ้วใส่หน้ากราเซียพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาโกรธแค้นชิงชังอย่างที่สุด
"ถ้าหากว่าท่านไม่ขัดขวางพวกเรายิงธนูกับปืนไฟลงไปในตอนนั้นละก็ ถึงจะมีประชาชนล้มตาย อย่างน้อยก็รักษาเมืองไว้ได้ และถ้าท่านไม่นำลูกน้องลงไปต่อสู้กับทัพสมิงละก็
ตอนนี้ทั้งตัวท่านและพวกเขาก็คงจะมีพลังเหลือมากพอที่จะรับมือกับกองทัพใหญ่นี่ได้ แต่ท่านกลับกระทำการตามอำเภอใจตัวเอง ไม่คิดถึงส่วนรวม
ตอนนี้เห็นรึยังว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะความใจดีโง่ๆไม่รู้เวลาของท่าน !!!! " น้ำเสียงของเจสเกรี้ยวกราดยิ่งนัก
แอนนาเบลนั้นขยับปากจะต่อว่าเจสแต่กราเซียยกมือไว้เป็นเชิงปราม จากนั้นจึงหันไปพูดกับเจสด้วยสีหน้าสงบ
" ท่านอาจจะพูดถูก เจส ชั้นเองเองก็ยอมรับว่าคิดไว้เหมือนกันว่าการโจมตีครั้งแรกนั้นเป็นเพียงนกต่อเพื่อจะถ่วงเวลาให้พวกเราเสียกำลังเท่านั้น
และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ชั้นก็ไม่ได้พูดออกไป คงเก็บไว้กับตัวเองคนเดียว เพราะต้องการจะช่วยประชาชนเหล่านั้น การที่นายสั่งยิงโดยไม่สนใจชีวิตของ
พวกเขา และที่นายว่าชั้นว่ากระทำเรื่องโง่ๆ จนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นนั้น นายเพียงแต่พูดตามความคิดที่นายเชื่อมั่นเท่านั้นชั้นไม่มีสิทธิ์ไปวิจารณ์อะไร
แต่ชั้นจะขอพูดอะไรที่ฟังดูเหมือนเป็นการอวดดีไว้สักหน่อยแล้วกัน" กราเซียเว้นระยะนิดหนึ่งจึงพูดต่อ
"ชั้นไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่าสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจทำลงไปนั้นเป็นสิ่งผิด ดังนั้น ชั้นจะไม่มีวันเสียใจทีหลังแน่นอน ถึงมันจะเป็นทางที่นำมาซึ่งความหายนะก็ตาม "
พูดจบ กราเซียก็หันไปพูดกับแอนนาเบล" ท่านแอนนาเบลครับ กรุณาสั่งให้เปิดประตูเมืองด้านตะวันตกเถอะครับและปลุกประชาชนทุกคนให้ตื่นด้วย
สั่งให้พวกเขาอพยพออกจากเมืองทันที เอาทหารไปคอยดูแลซักสองพันคน ทิ้งพลธนูกับพลปืนไฟไว้ให้ผมซักพันคนก็พอ ส่วนท่านเองก็ควรไปพร้อมกับทหารและประชาชนด้วยครับ
ส่วนพวกผมจะต้านไว้ ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ " กราเซียพูดแค่นั้นก็หันหลังกลับจะเดินออกไป แต่ยังไม่ทันจะหันหลังกลับ เขาก็ประสานสายตากับเจสที่มองมา
ด้วยแววโกรธแค้น" ชั้นไม่คิดจะแก้ตัวหรือขอให้นายยกโทษให้กับความผิดพลาดของชั้นหรอกนะ เจส " กราเซียพูดกับเจสในท่าชะงักหันข้างเล็กน้อยนั่นเอง
" แต่ชั้นว่า นายควรจะกลับไปคิดใหม่ดีๆ นะ ว่าการมุ่งแต่รักษาเมืองถึงกับไม่แยแสชีวิตคนเป็นพันๆคนน่ะ เป็นสิ่งที่คนเป็นเลขาเจ้าเมืองพึงกระทำรึไม่ "
พูดจบกราเซียก็เดินจากไปพร้อมกาโด โดยไม่หันหลังกลับมาอีก แอนนาเบลเมื่อเห็นกราเซียเดินออกไปแล้วจึงหันไปสั่งให้จัดการตามคำแนะนำของกราเซียทุกอย่าง
เมื่อเห็นทหารสองพันเตรียมพร้อมแล้วตัวเองก็ออกนำทัพไปทันที ข้างฝ่ายเจสนั้น ถ้าเขามีหนวดอยู่บนหน้าละก็ตอนนี้หนวดทุกเส้นคงกระดิกไปมาด้วยความโกรธอย่างแน่นอน"
ชั้นไม่ยอมรับคนอ่อนแอแบบนั้นเป้นผู้นำในการรบกับวอร์เรนเซียเด็ดขาด" เจสตะโกนอยู่ในใจอย่างโกรธแค้น

ฝ่ายเคนนี่ แอรอน รัซเซลล์ และสตันกับพลธนูและพลปืนไฟพันคนที่ถูกทิ้งไว้ให้ช่วยเหลือนั้นก็กำลังต้านศัตรูอย่างเต็มที่ เคนนี่คอยใช้แฟนธอมแฟงค์
กวาดพวกสมิงที่คิดจะปีนขึ้นกำแพงมาพร้อมกับกวาดจู่โจมพวกสมิงขนาดใหญ่ที่พยายามพุ่งชนกำแพงอย่างดุร้ายจนหลุดเป้นชิ้นๆไปหลายตัว แอรอนเองก็ใช้
เล็บมฤตยูซัดเป็นคลื่นพลังเข้าใส่กลุ่มสมิงที่พยายามบุกเข้ามา รัซเซลล์นั้นยืนอยู่บนเชิงเทิน ยกเท้าฟาดไปมาในอากาศ ซัดเป็นคลื่นพลังและพายุหมุนขนาดใหญ่
เข้ากลางกองทัพของพวกสมิง สตันก็ยืนอยู่บนเชิงเทินใกล้ๆ กับรัซเซลล์ คอยปล่อยสายฟ้าเข้าโจมตีใส่กองทัพสมิง ส่วนพลธนูและพลปืนไฟก็ซัลโวกันซะควันปืนคลุ้ง
ไปหมด เสียงขวับๆ กับเสียงเปรี้ยงๆ ดังหูดับตับไหม้ แม้จะหยุดพวกสมิงขนาดใหญ่ซึ่งเป็นทัพหน้าไม่ได้ชะงัดนักก็ตาม

ถ้าเป็นธรรมดาแล้ว พวกเคนนี่ทั้ง 4 คนบวกกับทหารติดอาวุธระยะไกลอีกกว่าพันคน สามารถเอาชนะข้าศึกได้สบายๆ แต่เนื่องมาจากฝ่ายข้าศึกมีจำนวน
มากมายถึงสามหมื่นคน บวกกับพวกเคนนี่ทั้ง 4 คนนั้นออกรบมาก่อนถึงสองหน (ยกเว้นสตันที่ออกรบแค่หนเดียว) สูญเสียพลังไปไม่ใช่น้อย
ดังนั้น ชั่วระยะเวลาไม่นานนัก ทั้งสี่คนก็เริ่มหมดพลัง เคนนี่กับแอรอนที่เคยโลดแล่นบนกำแพงเมืองคอยจู่โจมใส่ทัพสมิงฝ่ายข้าศึกอย่างเร็วก็เริ่มช้าลง
รัซเซลล์ก็เริ่มหายใจหอบแต่ยังคง จู่โจมใส่พวกสมิง สตันเองแม้ไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเสียงกระพือปีกของเขานั้นอ่อนลง
และสายฟ้าที่ปล่อยออกมานั้นก็มีขนาดเล็กลง
" ฉิบละงานนี้ " เคนนี่คำรามอยู่ในใจ " ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป พวกมันต้องบุกเข้ามาได้แน่ๆ ฮึ่ม "
ทั้ง 4 คนแม้จะเหนื่อย แต่ก็ยังคงจู่โจมเข้าใส่ข้าศึกต่อไปอย่างไม่กลัวเกรง และในตอนนั้นเอง กราเซียก็เข้ามาสมทบพร้อมกับกาโด
" ท่านกราเซีย !!! " ทั้งหมดร้องขึ้นมาพร้อมๆ กัน " อย่าเพิ่งถามอะไรก่อน " กราเซียตะโกนสั่งก้อง "
เคนนี่ แอรอน เอาทหารสามร้อยไปคอยรับมือที่กำแพงด้านเหนือ รัซเซลล์กับสตันเอาทหารอีกสามร้อยไปที่กำแพงด้านใต้ ชั้นกับกาโดจะต้านทางด้านตะวันออกไว้เอง
และถ้าเห็นหยาดแห่งอรุณถูกยิงขึ้นบนฟ้าแล้วระเบิดออกเหมือนพลุจากทางด้านนี้เมื่อไหร่ ให้รีบถอยออกจากเมืองทางประตูเมืองตะวันตกทันที "
ทั้งหมดรับคำก่อนจะนำกองทหารส่วนของตัวแยกออกไป กราเซียเมื่อเห็นว่าลูกน้องของตัวเองแยกออกไปแล้วก็หันไปตะโกนสั่งทหาร
" ต้านพวกมันเอาไว้ให้นานที่สุด อย่าให้มันเข้าใกล้เมืองได้ โดยเฉพาะประตูเมือง " สั่งจบ กราเซียก็เกร็งพลังออร่า สร้างหยาดแห่งอรุณหลายสิบลูกในมือ
ยิงจู่โจมเข้าใส่กองทัพสมิงที่บุกเข้ามาใกล้กำแพงเมืองทันที ร่างของพวกมันหลายตัว ถูกอำนาจการทำลายของหยาดแห่งอรุณมอดไหม้จนเหลือแต่ขี้เถ้า
ฝ่ายทหารเมืองมิวส์เห็นนายทัพเข้าต่อสู้อย่างดุเดือดเช่นนี้ก็เกิดฮึกเหิม ยกธนูกับปืนขึ้นซัลโว ใส่พวกสมิง บ้างถูกจุดสำคัญก็กลิ้งไม่เป็นท่า
บ้างพลาดจุดสำคัญก็พุ่งเข้าหาเมืองอย่างบ้าเลือด แต่ก็ถูกปืนกับธนูล่อซะพรุนหรือโดนหยาดแห่งอรุณซะกลายเป็นฝุ่นทุกตัว แม้จะรบติดพันกันอยู่อย่างนี้
กราเซียก็ไม่ลืมที่จะหันไปมองการเคลื่อนไหวของประชาชนที่เตรียมอพยพอยู่ในเมืองอยู่เสมอ ซึ่งทีแรกนั้นประชาชนมีทีท่าแตกตื่นยิ่งนัก

แต่ตอนนี้ประชาชนเริ่มจะหายแตกตื่นและจับกลุ่มรวมกันแล้วโดยมีทหารคอยคุ้มกันอยู่ชั้นนอก และตอนนี้กำลังเคลื่อนพลไปทางประตูเมืองฝั่งตะวันตก
เพื่อจะหนีออกจากเมืองแล้ว " ต้องต้านไว้อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงให้ผู้อพยพออกไปไกลๆ ก่อน ค่อยถอยก็ไม่สาย " คิดได้ดังนั้นกราเซียก็หันกลับไปยิงหยาดแห่งอรุณ
เข้าจู่โจมพวกสมิงอีกรอบ สีหน้าของเขาในยามนี้มีแววเจ็บปวดทุกครั้งที่รวบรวมพลัง

ทางด้านเคนนี่กับแอรอน และทหารสามร้อยคนนั้นก็กำลังจัดการพวกสมิงที่พยายามเข้าใกล้กำแพงเมืองด้านเหนือ ทั้งสองคนไม่โลดแล่นบนกำแพงแล้วโจมตีอย่างเคย
หากแต่ใช้วิธีปักหลักอยู่กับที่ แล้วโจมตี โดยเคนนี่ปักหลักโจมตีอยู่ด้านซ้ายของประตูเมืองคอยฟาดพวกสมิงขนาดเล็กที่คิดจะปีนกำแพงเมืองขึ้นมา
และซัดโจมตีจากระยะไกล สมิงขนาดใหญ่ที่คิดจะพุ่งชนประตูเมืองให้พัง ส่วนแอรอนก็พยายามซัดคลื่นพลังเข้าใส่ฝูงสมิงขนาดใหญ่เหมือนกับเคนนี่
ตอนนั้นเองที่แอรอนเหลือบมองขึ้นไปบนฟ้า แล้วจู่ๆ ก็ร้องตะโกนดังลั่น
" เคนนี่ ระวังข้างบนโว้ย !!!! " เสียงพั่บๆ คล้ายเสียงนกยักษ์กระพือปีก ดังอยู่เหนือหัวของเคนนี่ เขาเงยหน้าขึ้นไปจะมองทันที แต่ยังไม่ทันเงยขึ้นไปเห็น เงาดำๆ บางอย่าง
ก็โฉบลงมาใส่เคนนี่ทันที เคนนี่ฟาดแฟนธอมแฟงค์เข้าใส่เงาดำนั้นทันที แต่เงานั้นบินหลบไปได้ เงานั้นเฉียดหัวเคนนี่ไปไม่ฟุตหนึ่งด้วยซ้ำ
เคนนี่หันขวับ ทำท่านจะฟาดแฟนธอมแฟงค์โจมตีใส่อีกหน
แต่....
ร่างของเคนนี่ถูกกระแทกโครมเข้าที่กลางหลังตูมใหญ่ เหมือนถูกค้อนเหล็กขนาดยักษ์ทุบเต็มแรง เล่นเอาเคนนี่ตัวปลิวในลักษณะคะมำไปข้างหน้า ตัวชาไปแทบทั้งร่าง
ถึงจะถูกกระแทกเต็มแรง แต่เคนนี่ก็ไม่นอนคว่ำอยู่นาน เขาปราดลุกขึ้นมาได้ทันที แม้จะอยู่ในอาการเหนื่อยอ่อนก็ตาม แอรอนเองเห็นเงานั้นเช่นกัน
สะบัดกรงเล็บเป็นคลื่นขนาดเล็ก 5 อันโจมตีเข้าใส่เงานั้น แต่เงานั้นพลันกางปีกลักษณะคล้ายปีกนกออกสะบัดปัดคลื่นพลังของแอรอนออกไปจนหมด
แล้วฟาดปีกซ้ายเป็นคลื่นพลังขนาดใหญ่เข้าใส่แอรอนทันที แอรอนกระโจนหลบคลื่นพลังไปทางด้านซ้าย แต่พริบตานั้นเงาดำนั้นพลันฟาด
ปีกขวาออกมาเป็นคลื่นแบบเดียวกันเข้าใส่แอรอน คราวนี้แอรอนไม่มีที่หลบ จำต้องเกร็งพลังออร่ามาสร้างเล็บมฤตยูต้านทานคลื่นพลังเอาไว้
เสียงตูมสนั่น ร่างของแอรอนเซถอยไปข้างหลังสามก้าว แขนทั้งสองข้างชาดิก ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ทหารคนอื่นเห็นศัตรูบุกขึ้นมาถึงกำแพงเมืองแบบนี้ก็ตั้งปืน
ยิงเข้าใส่เงานั้นทันที แต่เงานั้นเพียงสะบัดปีกซ้ายกลับทีเดียวคลื่นพลังจากการสะบัดปีกก็กระแทกเอากระสุนที่พุ่งมาจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วยังพุ่งไปกระแทก
เอาทหารสิบกว่าคนที่อยู่ข้างหน้าซะร่างแหลก

ฝ่ายเคนนี่ลุกขึ้นมาทีแรก ด้วยอาการเหนื่อยอ่อนบวกกับโดนโจมตีหนักๆ เข้าจังๆ ตะกี้แค่ยืนอยู่ก็เต็มที่แล้ว แต่พอเห็นเพื่อนโดนเล่นเอาก็เผ่นพรวดไปยืนข้างๆทันที
" แกเป็นใคร "
คำถามแรกที่หลุดปากของเคนนี่ออกมาพร้อมกับดวงตาที่จับจ้องไปทางผู้บุกรุกนั้น จึงสังเกตุเห็นว่าผู้บุกรุกนั้นสวมชุดคล้ายชุดกิโมโนบวกกับชุดกี่เพ้าสีฟ้าอ่อน
ของไอร่า หนึ่งในลูกน้องของเดธมาคส์นั่นเอง หากแต่ตอนนี้ส่วนต่างๆ ของร่างกายนั้นหาใช่มนุษย์ผู้หญิงแสนสวยไม่ หากแต่เป็นลักษณะของนกเหยี่ยว
ส่วนหัวนั้นเป็นลักษณะของเหยี่ยว จะงอยปากสีเหลืองงองุ้ม ดวงตาสีแดงเพลิงแฝงไว้ด้วยแววดุดันเลือดเย็นต่งจากแววตาที่แสนเศร้าสร้อยอย่างที่เคยเป็นปีกยาว
แข็งแรง ส่วนขานั้นเป็นลักษณะของขาเหยี่ยว มีกรงเล็บงองุ้มสำหรับฉีกกระชากร่างของเหยื่อ ทั่วร่างปกคลุมด้วยขนอ่อนและขนก้านสีขาวราวกับหิมะ
" เสียมารยาทจริง พูดแบบนี้กับสุภาพสตรี " เสียงของเธอนั้นเพราะ ฟังแล้วหวานหูยิ่งนัก แต่กลับแฝงความน่ากลัวไว้ สิ้นเสียงพูด
ร่างของเธอก็เปลี่ยนกลับจากสมิงนกเหยี่ยวมาเป็นหญิงสาวผู้สวยสง่า อีกครั้งหนึ่ง
" ข้าคือ มาอิ แม่โฉมยงแห่งทัพสมิงวอร์เรนเซีย ที่ท่านเดธมาคส์สั่งให้มาจัดการกับกองทัพของพวกแกไงล่ะยะ"
" พูดมากน่ารำคาญจริง " เคนนี่พูดออกมาพร้อมกับเอามือแคะหูเหมือนไม่สนใจคำพูดของมาอิ(หรือไอร่า) " เลยแม้แต่นิด
" ฆ่าคนเขาไม่ใช้ปากกันหรอกโว้ย อาจารย์ชั้นสอนไว้ " แอรอนพูดออกมาด้วยทีท่าแบบเดียวกัน มาอินั้นโกรธจัดที่ทั้งสองคนพูดเหมือนดูถูกตนเอง
เธอกลายร่างกลับเป็นสมิงนกเหยี่ยวเหมือนเดิมกระพือปีกลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า " งั้นชั้นจะฆ่าคนด้วยปากให้แกดู "

มาอิคำรามลั่นพร้อมกับหลุบปีกพุ่งตรงดิ่งมาทางเคนนี่กับแอรอนอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทัน เคนนี่กับแอรอนได้แต่ตั้งท่าเตรียมรับการจู่โจมของมาอิ
เพราะความเหนื่อยอ่อนและอาการบาดเจ็บทำให้ไม่สามารถขยับตัวอย่างรวดเร็วพอที่จะหลบการโฉบของมาอิได้
ผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมง กราเซียก็ยังคงจู่โจมต่อไป ทั้งๆ ที่เจ็บปวดกับอาการบาดเจ็บอย่างที่สุด หยาดแห่งอรุณเองตอนนี้ก็ไม่อาจเปล่งอานุภาพได้เต็มที่
เท่ากับที่ใช้ถล่มกองทัพ กาโดเองก็สังเกตเห็นอาการเจ็บปวดของกราเซียจึงเตือน
" ท่านกราเซียครับ หยุดพักซักนิดเถอะครับ ท่านใช้พลังจู่โจมติดต่อกันมานานแล้ว การใช้พลังติดต่อกันนานๆจะกระเทือนถึงอาการบาดเจ็บของท่านนะครับ "
" ไม่เป็นไร " กราเซียพูดพร้อมกับยิ้ม แต่สีหน้ากลับมีแววเจ็บปวดแฝงอยู่ " ถ้าชั้นถอยตอนนี้ทหารในบังคับของชั้นก็จะเสียขวัญจนไม่สามารถรบต่อได้ ดังนั้น ชั้นหยุดตอนนี้ไม่ได้ "
"ทำตามที่ท่านกาโดบอกเถอะน่า ท่านกราเซีย " เสียงเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา กราเซียและกาโดหันขวับตามเสียงทันที ร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำ หน้ามีรอยสักเต็มไปหมด
ที่หน้าผากมีผลึกรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสีแดง เดธมาคส์ แม่ทัพใหญ่ของกองทัพสมิงแห่งวอร์เรนเซียนั่นเอง
"นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเห็นวิชาสุดยอดถึง 4 วิชาของ 4 ใน 7 อัศวินเทพหมาป่าอีกครั้งหนึ่ง หยาดแห่งอรุณของหมาป่าสวรรค์กราเซีย
แฟนธอมแฟงค์ของปีศาจหมาป่า (Wolf Phantom - วูล์ฟแฟนธอม) เล็บมฤตยูของราชสีห์เกราะขาว (White ArmoredLion) และเพลงเตะอัสนีวิโรจน์
ของสุนัขวิปลาส (Rabid Dog) ทั้งยังได้พบกับหมาป่าสวรรค์ตัวจริงอีกครั้งด้วย " " เช่นกัน แผนการณ์ของท่านยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิมนะเดธมาคส์ "
กราเซียตอบไปพร้อมกับยิ้มแค่นๆ " ขอบคุณสำหรับคำชมของท่าน "เดธมาคส์ตอบพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ 
"แต่ข้าคิดว่าท่านไม่ว่างจะมานั่งชมใครอยู่ตอนนี้หรอกนะ ไม่ยังงั้นท่านต้องนั่งเสียใจทีหลังแน่ๆที่ให้กองทัพแค่นั้นพาผู้อพยพออกไป "
กราเซียถึงกับหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำพูดของเดธมาคส์ เดธมาคส์เห็นดังนั้นก็พูดต่อด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เช่นเดิม" ข้าเสียเวลามากพอแล้วเห็นทีคงต้องไปเยี่ยมคนรู้จักเก่าแก่ซะหน่อย
ตอนนี้คงกำลังย่ำแย่เชียวละ ลาก่อนครับ ท่านกราเซียแล้วค่อยเจอกันใหม่ " พูดจบ เดธมาคส์ก็หายตัวไปทันที
กราเซีนนั้นตอนนี้หน้าซีดเผือด เขาชูมือขึ้นเหนือหัว สร้างหยาดแห่งอรุณขึ้นมาหลายสิบลูก สีหน้าของเขา ตอนที่สร้างหยาดแห่งอรุณนั้นเจ็บปวดยิ่งนัก

เขายิงหยาดแห่งอรุณลูกหนึ่งขึ้นฟ้าแล้วระเบิดมันเป็นสัญญาณถอยทัพ จากนั้นจึงส่งหยาดแห่งอรุณอีกหลายสิบลูกที่เหลือไปยังทิศที่กลุ่มผู้อพยพ
เคลื่อนไป " หวังว่าคงพอจะช่วยอะไรได้บ้าง ก่อนที่พวกเราจะไปถึงนะ"
กราเซียพึมพำเบาๆ ก่อนจะไปสั่งให้ทหารในบังคับบัญชาทั้งหมดถอยทัพเพื่อไปช่วยผู้อพยพอย่างเร่งด่วนที่สุด

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
คุยกันเล็กน้อย

ทุกคนคงจะแปลกใจเล็กน้อยเกี่ยวกับฉายาของ 1 ใน 7 อัศวินเทพหมาป่า (Seven Fenril Knights) ที่มีคนหนึ่งใช้ฉายาว่า ราชสีห์เกราะขาว
ก็น่าอยู่หรอก เพราะในเมื่อชื่อกลุ่มว่า 7 อัศวินเทพหมาป่าแล้ว ทำไมฉายาของเขาถึงไม่ใช้คำที่เกี่ยวข้องกับสุนัข
ก่อนจะตอบคำถาม ผมขอถามว่าทุกท่านเคยอ่านการ์ตูนเรื่อง ยอดกุ๊กแดนมังกรไหมครับ ถ้าเคย จะรู้ว่าในองค์การอาหารใต้ดินนั้น มีกุ๊กสุดยอดอยู่ห้าคน
เรียกว่า ห้าดาวเสือ แต่ในบรรดาห้าคนนี้ คนที่ฉายาเกี่ยวข้องกับเสือมีอยู่แค่สองคนเท่านั้น คือ พยัคฆ์เนตรครามมิร่ากับเสือดาวอารุคัน
(อีกสามคนคือ หมาป่าเอ็นเซ มังกรเมฆาไคยุและเซียนเหินฟ้าจูจิ)ทีนี้รู้รึยังครับว่าทำไมใน 7 อัศวินเทพหมาป่าจึงมีคนที่ใช้ฉายาไม่เกี่ยวกับสุนัขอยู่ด้วย