Tokimeki Memorial Drama Series Vol.3
วันที่ 12 กุมภาพันธ์
ในฤดูหนาวปี1999...
"เอาล่ะนักเรียนทุกคน
พวกเธอใกล้จะจบการศึกษากันแล้วนะ
ครูอยากจะบอกเรื่อง...."
เสียงของคุณครูพูดกับนักเรียนซึ่งก็เป็นปกติพบได้ทุกแห่งที่นี่
เพราะที่แห่งนี้คือโรงเรียนมัธยมคิราเมคิ
ซึ่งในตอนนี้ก็ถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่ใกล้จะจบการศึกษากันแล้ว
ผมมิคามิ โคนะ
เรียนอยู่ชั้นปี3ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของม.ปลายแล้ว
ต่อไปแต่ละคนก็ต้องแยกย้ายเข้าไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยกัน
ผมน่ะก็คิดอยู่เหมือนกันนะว่าจะทำยังไงดีน้า
ถึงจะสอบเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยได้อย่างปลอดภัย
เฮ้อ 3ปีแล้วเหรอเนี่ย
ช่างเร็วจริงๆเลย
เร็วจนดูเหมือนแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย
ตอนนี้ผมก็รอแค่พิธีจบการศึกษาเท่านั้นเอง
เฮ้อ....
ผมมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอยไม่สนใจจะฟังเรื่องที่คุณครูเขาพูดเลย
มองออกไปดูที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่สูงเด่น
ซึ่งต้นไม้ต้นนี้นั้นหลายๆคนเขาบอกว่าเป็นต้นไม้แห่งตำนาน
จริงๆผมก็รู้ตำนานนี้มาตั้งแต่เข้าเรียนใหม่ๆแล้ว
ที่ว่าเมื่อในวันจบการศึกษาถ้าได้มาสารภาพรักกับคนที่ชอบที่ใต้ต้นไม้นี้ล่ะก็
จะมีชีวิตรักที่มีความสุขชั่วนิจนิรันดร์
แต่..มันก็เป็นแค่เรื่องเล่าเท่านั้น
"จะพยายามให้สุดความสามารถเลยค่ะ
ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ"
เสียงของฟุจิซากิ
ชิโอริดังขึ้นมา
เธอคนนี้ถึงเป็นดาราประจำโรงเรียนเลย
และก็เป็นเพื่อนกันผมมาตั้งแต่สมัยยังเด็กๆด้วย
เพราะว่าบ้านเราอยู่ติดกัน
แต่เธอช่างต่างจากผมเสียลิบลับจริงๆ
ผลการเรียนเธอดีเยี่ยม
กีฬาก็เก่ง เป็นที่รักของทุกๆคน
และแน่นอนเธอก็เป็นนางฟ้าในใจผมด้วย
แต่ในความเป็นจริงแล้ว..
"เอาล่ะ
ตัวแทนฝ่ายหญิงก็ได้แล้ว
ที่เหลือก็ฝ่ายชาย
มีใครสนใจจะบ้างมั้ย"
"ครับๆๆ ครับ
หมอนี่อาสาสมัครครับ
หมอนี่ชอบมากเลยล่ะครับ
ใฝ่ฝันมาตั้งนานแล้วที่จะทำงานนี้"
โยชิโอะเพื่อนซี้ของผมตะโกนขึ้นมา
แต่อะไรเนี่ย
มันจับแขนผมยกขึ้นมาทำไมกัน
และยังชี้นิ้วมาด้วย.......
"โอ งั้นหรือ
ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ยว่าเธอชอบงานกิจกรรมด้วยเหรอ
แล้วคนอื่นล่ะสนใจจะสมัครเพิ่มหรือเปล่า"
แต่ทั้งห้องกลับเงียบกริบ
ไม่มีเสียงตอบจากผู้ใดทั้งสิ้น
"ถ้าไม่มี
งั้นครูก็ขอฝากทั้งคู่ให้ช่วยดำเนินงานให้ดีๆ
เอาล่ะวันนี้ก็เลิกชม.แค่นี้"
คุณครูพูดสรุปโดยทันที
ผมถึงกับงงว่านายโยชิโอะเพื่อนผมนั้นเล่นตลกอะไรกับผมอีกเนี่ย
"อะ อะไรกันหรือครับ"
ผมตั้งใจจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่เจ้าโยชิโอะมันมาสะกิดเท้าผม
ไม่สิกระทืบเลยด้วยซ้ำ
เป็นสัญญาณให้รู้ว่ามันต้องการให้ผมอยู่นิ่งๆซะ
พอจบชั่วโมง
ผมก็ไปเคลียร์กับว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นกัน
"เฮ้ย
ตะกี้ไม่ได้ฟังครูเค้าบอกเลยเรอะ"
"ก็ เออ ไม่ได้ฟังนี่หว่า"
ผมตอบไป
มันบอกว่า
"เมื่อกี้เค้าพูดกันถึงเรื่องหาตัวแทนไปเป็นกรรมการจัดทำหนังสืออนุสรณ์ไง
ฉันก็เลยเสนอแกไป"
ผมอยากจะโวยกันมัน
แต่ไม่ทันมันที่พูดขึ้นมาก่อนว่า
"ฟูจิซากิไงเพื่อน
เธอเป็นตัวแทนจากฝ่ายหญิงนะ"
ทำให้ผมอึ้งไปเลย
"เป็นไร
ชักรู้สึกตื้นตันขึ้นมาแล้วล่ะสิ
ก็เห็นนายน่ะมองเธอมาตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่ใหม่แล้วนี่
ถ้าเกิดไม่รีบสารภาพรักนะ
จะได้เป็นแค่
เพื่อนข้างบ้านตั้งแต่สมัยเด็กไปตลอดชีวิตเลยแน่เชียวนะนาย"
โยชิโอะพูดเชียร์ผมอย่างจริงจัง
"เอาจริงง่ะ"
"เอาจริงสิ
ต้องมีโอกาสอยู่แน่แหละ
เดี๋ยวดูพรุ่งนี้ละกัน
พรุ่งนี้น่ะเป็นวันวาเลนไทน์รู้มั้ย
จริงๆแล้วเป็นวันที่14ก็จริง
แต่ปีนี้น่ะ
มันตรงกับวันอาทิตย์
ก็เลยถือว่าพรุ่งนี้เป็นวันจริงซะเลยไง
ดูสิว่าจะได้ช็อคโกแล็ตจากใจของชิโอริมั้ย"
โยชิโอะพล่ามเป็นชุด
"สองคนนี้คุยอะไรกันอยู่เหรอจ๊ะ"
เสียงเพื่อนผู้หญิงในห้องคนหนึ่งมาทักเรา
แต่เมื่อฟังเสียงแล้วผมรู้ได้เลยว่า
ชิโอริแน่ๆเลย
"ก็ไม่มีอะไรน่ะ
คุยกันเรื่องที่หมอนี่เป็นกรรมการจัดทำหนังสืออนุสรณ์กับเธอไง"
โยชิโอะตอบ
"ไม่รู้มาก่อนเลยนะ
ว่าคุณน่ะก็สนใจงานกิจกรรมเหมือนกันด้วย"
ชิโอริพูดถึงผมแล้วก็ยิ้ม
"เฮ้
บังเอิญชั้นนึกขึ้นได้พอดีเลยว่ามีธุระด่วนต้องไปทำแล้ว
ขอตัวไปก่อนล่ะนะ ไปล่ะ"
โยชิโอะขอตัวไปก่อน
แล้วก็ขยิบตาส่งสัญญาณมา
เหมือนกับจะบอกว่า
อยากจะอวยพรให้ผมโชคดีสมใจ
"ไม่ว่าเมื่อไหร่
ก็ร่าเริงเสมอเลยนะ
โยชิโอะคุงเนี่ย....."
ชิโอริพูดชมเจ้าเพื่อนคนนี้
"ร่าเริงอะไรกัน
ติ้งต๊องมากกว่าน่ะสิ" อ๊ะ
ผมตอบอะไรไปเนี่ย
ไม่เข้าเรื่องเล้ย...
"นี่ก็คือรูปทั้งหมดที่เราต้องมาคัดเลือกด้วยกันนะ"
แล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ผมกับชิโอริได้มาอยู่กันสองต่อสองแล้ว
ผมรู้สึกตื่นเต้นจนแทบทำอะไรไม่ถูก
"ทั้งหมดนี่เลยหรือเนี่ย"
ผมถึงกับบ่นออกมาเพราะมีเยอะมาก
"ถ้าไม่รีบทำเดี๋ยวจะเสร็จไม่ทันนะ"
ชิโอริพูดเตือน
"แต่ฉันว่าน่าสนุกดีออก
นี่เราไม่ได้ทำงานด้วยกันมานานแล้วนะ
จำได้ไหม ตอนที่เราเด็กๆกันน่ะ
เราก็เคยมาทำงานอะไรด้วยกันบ่อยๆ
นี่"
"น่ะ นั่นสิเนอะ"
"เราน่ะมาทำการบ้านด้วยกันไง
คงยังจำได้นะ"
"จำได้สิ
และเธอเองก็เป็นคนสอนให้ผมทำการบ้านได้เยอะเลย"
"เหมือนกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อตอนนั้นเลยนะ
ตอนนี้เราก็ได้มาช่วยกันอีกครั้ง
ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยแล้วกัน"
"ผมก็เหมือนกัน
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยเช่นกันนะ"
แล้วงานในวันแรกก็สำเร็จไปได้โดยดี
แต่...
ยังไม่มีโอกาสได้สารภาพรักเลยซักนิด
แต่ยังไงซะก็ต้องมีโอกาสแหละน่า
ยังไงผมก็ต้องสารภาพรักกับเธอก่อนที่จะจบการศึกษาให้ได้
ผมตั้งใจไว้เช่นนั้น.......
"อ๊ะ เย็นขนาดนี้แล้วหรือเนี่ย
เรากลับกันได้แล้วล่ะ"
ชิโอริสังเกตเห็นว่าเย็นแล้วเลยบอกว่ากลับได้แล้ว
โธ่ จะต้องไปแล้วหรือเนี่ย
ผมน่ะอยากอยู่ด้วยกันกับชิโอริให้นานๆจัง
แต่ก็ช่วยไม่ได้
ในหัวผมนั้นมีแต่เสียงเจ้าโยชิโอะก้องอยู่ข้างใน
"ถ้าเกิดไม่รีบสารภาพรักนะ
จะได้เป็นแค่เพื่อนข้างบ้านตั้งแต่สมัยเด็กไปตลอดชีวิตเลยแน่เชียวนะนาย
ฮึฮึฮึ" โอ้...
ผมกังวลอยู่กับเรื่องนี้ตลอดเลย
"กลับด้วยกันมั้ย..." อ๊ะ
นี่ชิโอริชวนใครเหรอเนี่ย เอ๊ะ
ก็ผมผมน่ะสิ
ก็มีอยู่แค่คนเดียวนี่นา
"กะ ก็เห็นว่าบ้านอยู่ใกล้ๆกัน
แล้วนี่ก็ใกล้จะเรียบจบกันแล้วน่ะ"
ชิโอริพูดคล้ายๆกับว่าแก้เขิน
อา
พระเจ้ายังไม่ทอดทิ้งผมหรือเนี่ย
โอ...... เอาล่ะ ต้องใช้เวลานี้
หาโอกาสเจ๋งๆสารภาพรักซะเลย.......
ผมกับชิโอริ
เดินกลับบ้านด้วยกัน
โดยใช้เส้นทางเดิมๆที่เดินมาทุกวันๆ
"นี่
พวกเราก็ใกล้จะจบจากโรงเรียนกันไปแล้วนะ
เส้นทางนี้ก็คงใกล้จะหมดเวลาที่เราจะได้มาเดินกลับบ้านแล้ว"
นั่นน่ะสิ
หลังจากที่ผมเรียนจบแล้ว
ก็คงอาจจะไม่ได้เดินกลับทางเส้นทางแห่งนี้แล้วล่ะ
"แล้วคุณ
รู้สึกเหงาบ้างหรือเปล่า......"
ชิโอริถาม
"ก็ ไม่รู้เหมือนกันน่ะ"
ผมตอบไป
"อืม
แต่ต่อจากนี้ก็คงจะค่อยๆรู้สึกเหงา...
ก็ต่อไปต้องแยกจากกันแล้วนี่..."
ชิโอริตอบแบบเศร้าๆ
แต่จริงๆ ผมกับชิโอริน่ะ
ถ้าคิดจะเจอกันก็เจอกันได้เสมอนี่..
บ้านก็อยู่ข้างๆกันเอง แล้วทำไม..
"แล้ว เรื่องเรียงความน่ะ
คิดได้หรือยังจ๊ะว่าจะเขียนอะไรส่ง"
เอ๋
ชิโอริพูดถึงเรื่องเรียงความอะไรเนี่ย
ผมไม่เข้าใจเลย
"ก็
ที่คุณครูเขาสั่งให้เขียนเรียงความเรื่อง
'ช่วงเวลาที่เจิดจรัสที่สุดของตัวเอง'
ไง เธอคิดว่าจะเขียนอะไรลงล่ะ"
ผมถึงกับมึนเลย ก็
ผมไม่ได้ฟังอะไรที่ครูเขาสั่งมาเลยนี่นา
ก็เลยตอบไปว่า "ยังไม่รู้เลย
แล้ว..ชิโอริจะเขียนอะไรล่ะ"
"คงจะเป็นเรื่องตอนที่ได้ร่วมงานกิจกรรมวัฒนธรรมของทางโรงเรียนน่ะจ๊ะ"
อืม แย่ละสิ
ผมยิ่งไม่ชอบเรื่องเกี่ยวกับเรียงความอะไรนี่ด้วย
แล้วผมจะเขียนอะไรดีเนี่ย.......
"เอาล่ะ ถึงแล้วสิ ไปละนะ
ขอให้เขียนเรียงความให้ดีๆล่ะ"
เมื่อเรามาถึงบ้านแล้วจึงต้องแยกกัน
โธ่.. อุตสาห์ได้อยู่ด้วยกันแล้ว
ก็ดันมามีเรื่องเรียงความอะไรนี่
เฮ้อ.....ไม่อยากจะทำเล้ย
แล้วผมก็เข้าบ้านและขึ้นไปบนห้องตัวเอง
นั่งคิดนอนคิดเรื่องต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่จะต้องสารภาพรักกับชิโอริให้ได้
จะทำได้มั้ยเนี่ย.....
แล้วไหนจะเรื่องเรียงความอีก
เออ ใช่ๆเรียงความ
ว่าแล้วผมก็ไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ
แล้ว...ว่าแต่จะเขียนอะไรดีเนี่ย
ไม่รู้จริงๆ.......
ทันใดนั้นก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา
"ฮัลโหล" ผมเข้าไปรับสาย
ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกที่โทรมา
เจ้โยชิโอะตามเคย
"ฮัลโหล นี่ฉันเองนะ ว่าไง
ผลเป็นไงบ้าง เรื่องวันนี้น่ะ"
"ก็......ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย"
ผมตอบไป
"โธ่ ไม่ได้เรื่องเล้ย
คนอุตสาห์รอฟังข่าวดี
เวลาไม่ค่อยจะมีแล้วน้า.. อ้อ
แล้วนี่สนใจจะเข้าแข่งมาราธอนหรือเปล่า"
"อะไร
อย่างนายก็คิดจะทำอย่างอื่นนอกจากหลีสาวด้วยหรือ.."
"เฮ้ย
อย่ามองคนในแง่ร้ายอย่างงี้สิ
ก็งานแข่งมาราธอนน่ะ
จะมีแข่งก่อนที่จะจบการศึกษา
เราก็น่าจะทำอะไรให้เป็นความทรงจำที่ดีเก็บไว้บ้างนา
จะได้มีเรื่องไปคุยๆกับคนอื่นๆเขาได้บ้าง
และที่สำคัญ ก็
สาวผมสั้นที่สะบัดพริ้วคนนั้น
แหะแหะ...."
"แต่ฉันก็ลงชื่อนายสมัครไปให้แล้วด้วยนะ
ฮ่าฮ่า"
โยชิโอะพล่ามเป็นชุดเหมือนเคย
"เฮ้ย อะไรฟ่ะ!"
ผมชักฉุนที่หมอนี่ทำอะไรตามใจจัง
"เฮ้เฮ้ ใครกันน้า
ที่ให้โอกาสแกกับชิโอริได้อยู่กันสองต่อสอง
แกคิดจะอกตัญญูเหรอ"
"เออๆ รู้แล้ว
แต่จะให้ไปวิ่งแข่งขันเลยเนี่ยน่ะ
คงไม่ไหวหรอก"
"เพราะงั้นก็ต้องไปฝึกฝนไง
ก็พรุ่งนี้เช้าตี5
ก็มาฝึกวิ่งด้วยกันซะ
ตกลงนะจะคอยอยู่
ห้ามเบี้ยวล่ะ"
มันพูดเองเออเองรีบสรุปเลย
ไม่น่าเชื่อ...
ว่าอย่างเจ้านี้มันจะมาพูดเรื่องแบบนี้ได้
มันต้องมีอะไรอยู่แน่ๆเลย.........
หมดไปแล้วอีกหนึ่งวัน วันที่12 กุมภาพันธ์ นอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นตี5................................