ในชีวิตของหลวงปู่ดูลย์
อตุโล ได้มีส่วนพัวพันกับ
"พระมหาปิ่น" ๒
องค์ด้วยกัน
มหาปิ่น องค์แรก ก็คือ พระมหาปิ่น
ปญฺญาพโล น้องชายแท้ๆ ของ
หลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม โดยที่หลวงปู่ดูลย์มีส่วนร่วมเข้าไปผลักดัน
และโน้มน้าวร่วมกับหลวงปู่สิงห์
เพื่อให้พระอาจารย์มหาปิ่น
ที่แต่เดิมใฝ่ใจเฉพาะในด้านปริยัติ
ให้ได้มาสนใจในการปฏิบัติธุดงค์กัมมัฏฐาน
เพื่อเสริมเติมเต็มการศึกษาธรรมะให้ครบถ้วนบริบูรณ์
ทั้งด้านทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
และต่อมา พระอาจารย์มหาปิ่น
ปญฺญาพโล
ได้เป็นกำลังสำคัญออกเผยแผ่ธรรมปฏิบัติธุดงค์กัมมัฏฐาน
เคียงคู่กับ หลวงปู่สิงห์
ขนฺตยาคโม จนกลายเป็น สองแม่ทัพใหญ่
แห่งกองทัพธรรม
มหาปิ่น อีกองค์นั้น
มาเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ในขณะที่ท่านพำนักอยู่
ณ วัดสุทัศนาราม
จังหวัดอุบลราชธานี
เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือพระอุปัชฌายะของท่านในช่วงที่กำลังสร้างโบสถ์
ได้มีสามเณรน้อยรูปหนึ่งหน้าตาหมดจด
ท่าทีเฉลียวฉลาด
ขยันขันแข็งในการศึกษา
ได้เข้ามาเป็นศิษย์ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิด
และฝึกปฏิบัติอยู่กับหลวงปู่
หลวงปู่ได้พิจารณาเห็นแววของสามเณรน้อยรูปนี้
จึงต้องการสนับสนุนให้มีความก้าวหน้าต่อไป
จึงได้ฝากสามเณรให้ไปอยู่ในความดูแลของ
พระมหาเฉยยโส (ภายหลังมีสมณศักดิ์ที่
พระเทพปัญญากวี)
เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาวาส
กรุงเทพมหานคร
สามเณรน้อยมีความเจริญก้าวหน้าในการศึกษาด้านปริยัติมาเป็นลำดับจนสามารถสอบได้ถึง
เปรียญธรรม ๗ ประโยค แล้วลาสิกขาไปรับราชการ
เป็นอนุศาสนาจารย์ในกองทัพบกได้เลื่อนยศ
เป็นถึง "นายพันเอก"
ต่อมาได้ย้ายโอนจากกองทัพบกไปรับราชการที่กระทรวงศึกษาธิการ
ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นถึง อธิบดีกรมการศาสนา
สามเณรน้อยศิษย์ที่เคยรับใช้ใกล้ชิดของหลวงปู่ดูลย์
อตุโล นั้น
คนทั่วประเทศไทยรู้จักท่านดีในนาม
พันเอกปิ่น มุทุกันต์ อดีต
อธิบดีกรมการศาสนา
พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์
เป็นนักปาฐกฝีปากคม
เป็นนักเผยแพร่ธรรมะที่มีชื่อเสียง
และมีผลงานด้านหนังสือธรรมะมากมาย
ท่านมีความรักและเคารพต่อหลวงปู่ประดุจบิดาบังเกิดเกล้า
และเคารพท่านเป็นครูบาอาจารย์
ตราบจนตลอดชีวิต
ในคำนำหนังสือธรรมะชุด
"ก้าวหน้า" พ.อ.ปิ่น
มุทุกันต์
ได้เขียนถึงหลวงปู่ว่า
"ท่านหลวงปู่ดูลย์
เป็นอาจารย์กัมมัฏฐานองค์หนึ่ง
เป็นพระพูดน้อยแต่ทำมาก
เท่าที่ข้าพเจ้าเคยเห็นมา"
การพูดน้อยแต่ทำมาก
จึงดูเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของหลวงปู่