วัดบูรพาราม
ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองสุรินทร์
หากถือเอาคูเมืองและกำแพงเมืองโบราณเป็นบรรทัดฐาน
ก็จะมองเห็นที่ตั้งของวัดสำคัญๆ
ในเมืองสุรินทร์ได้ดังนี้
ขณะที่วัดจุมพลสุทธาวาส
วัดพรหมสุรินทร์
วัดหนองบัว วัดจำปา
และวัดศาลาลอย
ถือได้ว่าเป็นวัดนอกตัวเมือง
ตั้งอยู่ติดกับคูเมืองด้านนอก
เรียงรายรอบตัวเมือง
สำหรับวัดบูรพาราม
กับวัดกลาง ๒ วัดนี้
ถือได้ว่าเป็นวัดที่อยู่ภายในกำแพงชั้นใน
คือ
อยู่ในใจกลางเมืองสุรินทร์
วัดบูรพาราม
เป็นวัดเก่าแก่เกิดขึ้นมาพร้อมกับตัวเมืองสุรินทร์
ตั้งแต่ครั้งยังเรียกว่า
เมืองประทายสมันต์ หรือ เมืองไผทสมันต์
นั่นเทียว
สันนิษฐานว่าวัดบูรพาราม
สร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี
หรือสมัยต้นรัตนโกสินทร์
มีอายุไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ ปี
เท่าๆ
กับอายุของเมืองสุรินทร์
ตามตำนานของเมืองสุรินทร์เล่าขานกันมาว่า
เมื่อ พระยาสุรินทร์ภักดี
ศรีณรงค์จางวาง (เชียงปุม)
ได้ตำแหน่ง จางวางเมืองประทายสมันต์
ก็เริ่มทำนุบำรุงบ้านเมือง
ด้วยการ "ฝึกฟื้นใจเมือง"
ตามธรรมเนียมการพัฒนาบ้านเมืองของไทยที่นิยมสืบทอดกันมาแต่โบราณ
คือ
ส่งเสริมการพระศาสนาให้เจริญ
ควบคู่กับการบำรุง "กายเมือง"
หรือพัฒนาด้านวัตถุให้เจริญควบคู่ไปด้วยกัน
วัดบูรพาราม ได้รับการปลูกสร้างขึ้นที่ใจกลางเมืองพอดี
จึงเป็นวัดที่ตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองชั้นใน
เนื่องจากวัดแห่งนี้สร้างขึ้นมานาน
สภาพจึงชำรุดทรุดโทรม
ทางคณะสงฆ์มณฑลนครราชสีมา
มีความประสงค์ที่จะบูรณะขึ้นใหม่
และสถาปนาเป็น วัดธรรมยุตแห่งแรกในจังหวัดสุรินทร์
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๖
เมื่อหลวงปู่ดูลย์
ได้รับบัญชาจากท่านเจ้าคณะมณฑล
ให้มาดูแลบูรณะวัดบูรพาราม
ท่านจึงรับภาระนี้ด้วยความเต็มใจ
หลวงปู่ดูลย์จึงงดกิจด้านออกธุดงค์
และพำนักประจำที่วัดบูรพารามนี้
ติดต่อกันตลอดมาตราบเท่าถึงวันมรณภาพของท่าน
ซึ่งท่านอยู่ประจำที่วัดแห่งนี้
รวมเวลาทั้งสิ้น ๕๐ ปี