หลวงตาซอม
เคยเล่าเหตุการณ์เมื่อครั้งติดตามหลวงปู่ออกธุดงค์
ไปแถบประเทศกัมพูชาให้ฟังอยู่เรื่องหนึ่ง
หลวงตาซอมท่านนี้พำนักอยู่ประจำที่วัดสำโรงทาบ
อำเภอสำโรงทาบ
จังหวัดสุรินทร์
หลังจากที่หลวงปู่ได้เดินธุดงค์ไปทางเขาพระวิหาร
และไปทางกัมพูชา
เมื่อครั้งมีสามเณรโชติ (พระเทพสุทธาจารย์)
และสามเณรทอนติดตามไป
แล้วหลวงปู่ถูกควายป่าไล่ขวิด
แต่ไม่ได้รับอันตรายในครั้งนั้นแล้ว
หลวงปู่กลับมาพำนักที่ วัดป่าหนองเสม็ด
ตามเดิม
พอออกพรรษาอีกครั้งหนึ่ง
หลวงปู่ก็ออกท่องธุดงค์ไปทางกัมพูชาอีกครั้ง
ครั้งนี้มี เด็กชายซอม
เป็นผู้ติดตาม
เด็กชายซอมมีกิตติศัพท์ว่า
มีความดื้อดึงผิดปกติกว่าเด็กทั่วไป
ขณะที่หลวงปู่และเด็กชายซอมเดินทางผ่านป่าโปร่งแห่งหนึ่ง
ก็ต้องชะงักฝีเท้าลง
เพราะปรากฏภาพที่น่าตื่นตระหนกสะท้านขวัญขึ้นที่ต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้า
บนต้นไม้นั้น
มีเสือตัวหนึ่งหมอบนิ่งอยู่บนกิ่งไม้
ต่ำลงมาที่คาคบไม้ไม่ห่างจากกันมากนัก
มีหมาป่าตัวหนึ่งอยู่สงบนิ่ง
นัยน์ตาจ้องเขม็งไปที่เสือ
สัตว์ทั้งสองตัวต่างจ้องคุมเชิงกันอยู่
ทั้งอาจารย์และศิษย์หลบอยู่ใกล้ๆ
นั้น ชนิดไม่ไหวติง
สักครู่หนึ่งหลวงปู่ก็ปลอบโยนเด็กชายซอมให้คลายจากความตื่นตกใจกลัว
เพราะเมื่อหลวงปู่สังเกตพิจารณาดูโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้ว
ก็นึกสงสัยว่าเหตุใดสัตว์ร้ายสองตัวนี้จึงมาจ้องคุมเชิงกันอยู่ด้วยอาการนิ่งเงียบไม่ไหวติงเลย
แทนที่เจ้าสุนัขป่าจะวิ่งหนี
และเจ้าเสือจะไล่ตะครุบมาเป็นภักษาหารก็เปล่า
เมื่อสังเกตดูดีแล้วท่านจึงพาเด็กชายซอมค่อยๆ
แอบไปดูใกล้ๆ
ท่านชี้ให้เด็กชายดูว่า
เจ้าเสือที่หมอบนิ่งบนกิ่งไม้นั้น
แสดงท่าทางตระหนกตกใจอย่างมาก
ขนชูชัน
และหางของมันหลุบซุกอยู่ที่ก้น
แสดงอาการกลัวชนิดขวัญหนีดีฝ่อให้เห็นราวกับว่าคงไม่คิดจะสู้กับหมาป่าตัวนั้นอีกแล้ว
ส่วนเจ้าหมาป่าที่อยู่คาคบข้างล่างนั้น
มีอาการสงบนิ่ง
อยู่ในท่ากระโจนตาจ้องเป๋งอยู่ที่เสือตัวนั้นอย่างไม่กะพริบ
ส่วนคอของมันขัดอยู่กับง่ามกิ่งไม้ที่อยู่สูงถัดขึ้นไป
เมื่อพิจารณาอย่างถ้วนถี่เห็นว่ามันน่าจะตายสนิท
หลวงปู่พิจารณาดูพื้นดินและบริเวณรอบๆ
ท่านก็สันนิษฐานได้ว่า
เมื่อคืนนี้ขณะที่เจ้าเสือออกท่องเที่ยวหาอาหารอยู่ตามลำพัง
ก็ประจันหน้าเข้ากับฝูงสุนัขป่าทันที
ฝูงสุนัขป่าที่ดุร้ายก็วิ่งไล่ล้อมขย้ำกัดอย่างชุลมุนวุ่นวาย
เจ้าเสือก็คงสู้สุดฤทธิ์
แต่ด้วยสุนัขป่ามีหลายตัว
เสือจึงสู้ไม่ได้ต้องหนีเอาตัวรอดชนิดขวัญหนีดีฝ่อ
เสือคงจะสู้พลางหนีพลาง
พอมาถึงต้นไม้นี้พอดี
เสือก็กระโจนขึ้นไปหอบลิ้นห้อยอยู่บนนั้น
ส่วนฝูงสุนัขป่าคงห้อมล้อมกันอยู่ใต้ต้นไม้ชนิดไม่ยอมลดละ
ต่างเห่ากรรโชกใส่
ทำให้เสือตระหนกตกใจมากยิ่งขึ้น
ต่างตัวก็พยายามกระโจนขึ้นงับ
เจ้าตัวที่ตายอยู่บนคาคบไม้นั้น
อาจจะเป็นจ่าฝูงก็ได้
ดูท่าจะกระโจนได้สูงกว่าเพื่อน
แต่เคราะห์ร้ายที่มันกระโจนพรวดเข้าไปในง่ามกิ่งไม้พอดี
ในจังหวะที่มันร่วงลงมา
ส่วนศีรษะจึงถูกง่ามกิ่งขัดเอาไว้
กระชากกระดูกก้านคอให้หลุดจากกัน
ถึงกับตายทันที
โดยที่ตาทั้งคู่ที่ฉายแววดุร้ายกระหายเลือด
ยังจ้องเป๋งอยู่ที่เสือตัวนั้นอย่างชนิดมุ่งร้ายหมายขวัญ
ทำให้เสือที่เข็ดเขี้ยวมาตั้งแต่เมื่อคืน
ไม่กล้าขยับเขยื้อนหลบหนีไปจากต้นไม้นั้น
เพราะเกิดอาการขวัญกระเจิง
เด็กชายซอมฟังคำสันนิษฐานจากหลวงปู่
ก็เข้าใจตามนั้นและหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางอันขบขันของเสือ
หลวงปู่ให้เด็กชายซอมหากิ่งไม้มาแหย่ดันให้หมาป่าหลุดจากง่ามกิ่งไม้ตกลงมายังพื้น
แล้วช่วยกันตะเพิดไล่เจ้าเสือให้หลบหนีไป
เมื่อเสือเห็นเจ้าหมาป่าหล่นไปกองอยู่ที่พื้น
ไม่มาจ้องขมึงทึงจะกินเลือดกินเนื้ออยู่อีก
มันก็รีบกระโจนพรวดหลบลงไปอีกด้านหนึ่ง
แล้วเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว