ประวัติและปฏิปทา

หน้าแรก ประวัติและปฏิปทา ธรรมและคำสอน รูปภาพ

โอ้ โพธิ์พฤกษ์เย็น คุณะเด่นเกษมสรรพ์ บัดนี้ พระดับขันธ์ ดุจะ โพธิหักลาญ

๕๓. เรื่องเสือกลัวหมา

หลวงตาซอม เคยเล่าเหตุการณ์เมื่อครั้งติดตามหลวงปู่ออกธุดงค์ ไปแถบประเทศกัมพูชาให้ฟังอยู่เรื่องหนึ่ง

หลวงตาซอมท่านนี้พำนักอยู่ประจำที่วัดสำโรงทาบ อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์

หลังจากที่หลวงปู่ได้เดินธุดงค์ไปทางเขาพระวิหาร และไปทางกัมพูชา เมื่อครั้งมีสามเณรโชติ (พระเทพสุทธาจารย์) และสามเณรทอนติดตามไป แล้วหลวงปู่ถูกควายป่าไล่ขวิด แต่ไม่ได้รับอันตรายในครั้งนั้นแล้ว หลวงปู่กลับมาพำนักที่ วัดป่าหนองเสม็ด ตามเดิม

พอออกพรรษาอีกครั้งหนึ่ง หลวงปู่ก็ออกท่องธุดงค์ไปทางกัมพูชาอีกครั้ง ครั้งนี้มี เด็กชายซอม เป็นผู้ติดตาม เด็กชายซอมมีกิตติศัพท์ว่า มีความดื้อดึงผิดปกติกว่าเด็กทั่วไป

ขณะที่หลวงปู่และเด็กชายซอมเดินทางผ่านป่าโปร่งแห่งหนึ่ง ก็ต้องชะงักฝีเท้าลง เพราะปรากฏภาพที่น่าตื่นตระหนกสะท้านขวัญขึ้นที่ต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้า

บนต้นไม้นั้น มีเสือตัวหนึ่งหมอบนิ่งอยู่บนกิ่งไม้ ต่ำลงมาที่คาคบไม้ไม่ห่างจากกันมากนัก มีหมาป่าตัวหนึ่งอยู่สงบนิ่ง นัยน์ตาจ้องเขม็งไปที่เสือ สัตว์ทั้งสองตัวต่างจ้องคุมเชิงกันอยู่

ทั้งอาจารย์และศิษย์หลบอยู่ใกล้ๆ นั้น ชนิดไม่ไหวติง สักครู่หนึ่งหลวงปู่ก็ปลอบโยนเด็กชายซอมให้คลายจากความตื่นตกใจกลัว

เพราะเมื่อหลวงปู่สังเกตพิจารณาดูโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ก็นึกสงสัยว่าเหตุใดสัตว์ร้ายสองตัวนี้จึงมาจ้องคุมเชิงกันอยู่ด้วยอาการนิ่งเงียบไม่ไหวติงเลย

แทนที่เจ้าสุนัขป่าจะวิ่งหนี และเจ้าเสือจะไล่ตะครุบมาเป็นภักษาหารก็เปล่า เมื่อสังเกตดูดีแล้วท่านจึงพาเด็กชายซอมค่อยๆ แอบไปดูใกล้ๆ ท่านชี้ให้เด็กชายดูว่า เจ้าเสือที่หมอบนิ่งบนกิ่งไม้นั้น แสดงท่าทางตระหนกตกใจอย่างมาก ขนชูชัน และหางของมันหลุบซุกอยู่ที่ก้น แสดงอาการกลัวชนิดขวัญหนีดีฝ่อให้เห็นราวกับว่าคงไม่คิดจะสู้กับหมาป่าตัวนั้นอีกแล้ว

ส่วนเจ้าหมาป่าที่อยู่คาคบข้างล่างนั้น มีอาการสงบนิ่ง อยู่ในท่ากระโจนตาจ้องเป๋งอยู่ที่เสือตัวนั้นอย่างไม่กะพริบ ส่วนคอของมันขัดอยู่กับง่ามกิ่งไม้ที่อยู่สูงถัดขึ้นไป เมื่อพิจารณาอย่างถ้วนถี่เห็นว่ามันน่าจะตายสนิท

หลวงปู่พิจารณาดูพื้นดินและบริเวณรอบๆ ท่านก็สันนิษฐานได้ว่า เมื่อคืนนี้ขณะที่เจ้าเสือออกท่องเที่ยวหาอาหารอยู่ตามลำพัง ก็ประจันหน้าเข้ากับฝูงสุนัขป่าทันที ฝูงสุนัขป่าที่ดุร้ายก็วิ่งไล่ล้อมขย้ำกัดอย่างชุลมุนวุ่นวาย เจ้าเสือก็คงสู้สุดฤทธิ์ แต่ด้วยสุนัขป่ามีหลายตัว เสือจึงสู้ไม่ได้ต้องหนีเอาตัวรอดชนิดขวัญหนีดีฝ่อ

เสือคงจะสู้พลางหนีพลาง พอมาถึงต้นไม้นี้พอดี เสือก็กระโจนขึ้นไปหอบลิ้นห้อยอยู่บนนั้น ส่วนฝูงสุนัขป่าคงห้อมล้อมกันอยู่ใต้ต้นไม้ชนิดไม่ยอมลดละ ต่างเห่ากรรโชกใส่ ทำให้เสือตระหนกตกใจมากยิ่งขึ้น ต่างตัวก็พยายามกระโจนขึ้นงับ

เจ้าตัวที่ตายอยู่บนคาคบไม้นั้น อาจจะเป็นจ่าฝูงก็ได้ ดูท่าจะกระโจนได้สูงกว่าเพื่อน แต่เคราะห์ร้ายที่มันกระโจนพรวดเข้าไปในง่ามกิ่งไม้พอดี ในจังหวะที่มันร่วงลงมา ส่วนศีรษะจึงถูกง่ามกิ่งขัดเอาไว้ กระชากกระดูกก้านคอให้หลุดจากกัน ถึงกับตายทันที โดยที่ตาทั้งคู่ที่ฉายแววดุร้ายกระหายเลือด ยังจ้องเป๋งอยู่ที่เสือตัวนั้นอย่างชนิดมุ่งร้ายหมายขวัญ

ทำให้เสือที่เข็ดเขี้ยวมาตั้งแต่เมื่อคืน ไม่กล้าขยับเขยื้อนหลบหนีไปจากต้นไม้นั้น เพราะเกิดอาการขวัญกระเจิง

เด็กชายซอมฟังคำสันนิษฐานจากหลวงปู่ ก็เข้าใจตามนั้นและหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางอันขบขันของเสือ

หลวงปู่ให้เด็กชายซอมหากิ่งไม้มาแหย่ดันให้หมาป่าหลุดจากง่ามกิ่งไม้ตกลงมายังพื้น แล้วช่วยกันตะเพิดไล่เจ้าเสือให้หลบหนีไป

เมื่อเสือเห็นเจ้าหมาป่าหล่นไปกองอยู่ที่พื้น ไม่มาจ้องขมึงทึงจะกินเลือดกินเนื้ออยู่อีก มันก็รีบกระโจนพรวดหลบลงไปอีกด้านหนึ่ง แล้วเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว

หน้าต่อไป