ในหัวข้อที่ผ่านมาได้กล่าวถึงการสอนของ
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
ว่าท่านไม่ทิ้งทั้งปริยัติและปฏิบัติ
ต้องมีประกอบกัน
ในหัวข้อนี้เป็นตัวอย่างการสอนของหลวงปู่จากประสบการณ์ของ
หลวงพ่อเพิ่ม กิตฺติวฒฺโน
(พระมงคลวัฒนคุณ)
แห่งวัดถ้ำไตรรัตน์ อ.ปากช่อง
จ.นครราชสีมา
ขอยกข้อความมาดังนี้
การศึกษาความรู้กับ หลวงปู่ดูลย์
เมื่อครั้งที่ท่าน (หลวงพ่อเพิ่ม)
ยังเป็นสามเณรน้อยได้รับการชี้แนะอบรมพร่ำสอนจากหลวงปู่ดูลย์อย่างใกล้ชิด
โดยท่านจะเน้นให้ศิษย์ของท่านมีความสำนึก
ตรึกอยู่ในจิตเสมอถึงสภาวะความเป็นอยู่ในปัจจุบันว่า
บัดนี้เราได้บวชกายบวชใจ
เข้ามาอยู่ในบวรพุทธศาสนา
เป็นสมณะที่ชาวบ้านทั้งหลายให้ความเคารพบูชา
ทั้งยังอุปัฏฐากอุปถัมภ์ค้ำจุนด้วยปัจจัยสี่
ควรที่จะกระทำตนให้สมกับที่เขาเคารพบูชา
ถือประพฤติปฏิบัติตามศีลธรรม
ตามพระวินัยอย่างเคร่งครัด
ไม่ฝ่าฝืนทั้งที่ลับและที่แจ้ง
พระเณรที่มาบวชกับท่านหลวงปู่
จึงให้ศึกษาทั้งในด้านปริยัติและปฏิบัติควบคู่กันไป
ด้านปริยัติ ท่านให้เรียนนักธรรม
บาลี ไวยากรณ์
ให้เรียนรู้ถึงเรื่องศีล
ธรรม พระวินัย
เพื่อจะได้จดจำ
นำไปประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง
ไม่ออกนอกลู่นอกทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้
ซึ่งจะทำให้สามารถดำรงตนอยู่ได้อย่างเหมาะสมเยี่ยงผู้ถือบวช
ที่ชาวบ้านศรัทธาเขากราบไหว้บูชา
ด้านปฏิบัติ ท่านเน้นหนักเป็นพิเศษให้พระเณรทุกรูปทุกองค์ปฏิบัติกัมมัฏฐาน
เพราะการปฏิบัติพระธรรมกัมมัฏฐานนี้
จะเป็นการฝึกกายฝึกจิตให้ผู้ศึกษาธรรม
ได้รู้ได้เห็นของจริงโดยสภาพที่เป็นจริง
อันเกิดจากการรู้การเห็นของตนเอง
ไม่ใช่เกิดจากการอ่านจดจำจากตำรับตำราซึ่งเป็นการรู้ด้วยสัญญาแห่งการจำได้หมายรู้
คือรู้แต่ยังไม่เห็น
ยังไม่แจ้งแทงตลอดอย่างแท้จริง
ข้อธรรมกัมมัฏฐานที่ หลวงปู่ดูลย์
ท่านให้พิจารณาอยู่เป็นเนืองนิตย์ก็คือ
หัวข้อกัมมัฏฐานที่ว่า สพฺเพ
สงฺขารา สพฺพสญฺญา อนตฺตา
การพิจารณาตามหัวข้อธรรมกัมมัฏฐานดังกล่าวนี้
หากได้พิจารณาทบทวนอย่างสม่ำเสมอแล้ว
ในเวลาต่อมาก็จะรู้แจ้งสว่างไสว
เข้าใจได้ชัดเจนว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้
หาความจีรังยั่งยืนไม่ได้
มีการเกิดดับ-เกิดดับ
อยู่ตลอดเวลา
เมื่อพิจารณาเห็นอย่างนี้แล้ว
จะทำให้เลิกละจากการยึดถือตัวตนบุคคลเราท่าน
เพราะได้รู้ได้เห็นของจริงแล้วว่า
สังขารที่เรารักหวงแหนนั้น
ไม่ช้าไม่นาน
มันก็ต้องเสื่อมสูญ
ดับไปตามสภาวะของมัน
ไม่อาจที่จะฝ่าฝืนได้
เมื่อสังขารดับได้แล้ว
ความเป็นตัวเป็นตนก็จะไม่มี
เพราะไม่ได้เข้าไปเพื่อปรุงแต่ง
ครั้นเมื่อความปรุงแต่งขาดหายไป
ความทุกข์จะเกิดได้อย่างไร