ประวัติและปฏิปทา

หน้าแรก ประวัติและปฏิปทา ธรรมและคำสอน รูปภาพ

โอ้ โพธิ์พฤกษ์เย็น คุณะเด่นเกษมสรรพ์ บัดนี้ พระดับขันธ์ ดุจะ โพธิหักลาญ

๖๖. อุบัติเหตุที่เขาพนมสวาย

 ในหัวข้อนี้ยังเป็นเรื่องราวของ สามเณรเพิ่ม อยู่ซึ่งเป็นเหตุการณ์หนึ่งในประวัติของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล เห็นว่าน่าสนใจจึงคัดลอกมาไว้ ณ ที่นี้

ในสมัยที่ หลวงพ่อเพิ่ม กิตฺติวฒฺฑโน ยังเป็นสามเณรอยู่ ท่านกล่าวว่า หลังจากที่เรียนรู้พื้นฐานด้านศีลธรรมจรรยา อันเป็นข้อวัตรปฏิบัติที่เหมาะสมตามควรแล้ว หลวงปู่ดูลย์ ก็นำออกฝึกภาคสนามยังป่าเขาลำเนาถ้ำต่างถิ่นต่างสถานที่ การที่ได้ติดตามหลวงปู่ไปยังที่ต่างๆ นั้น สามเณรเพิ่มได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ไม่อาจหาได้ในวัดหลายประการ

ความวิเวกสงบสงัดของป่าเขาก็เป็นครูบาอาจารย์ประการหนึ่ง ที่สอนให้ผู้ปฏิบัติเกิดความกล้าหาญ มีจิตใจมั่นคง เชื่อมั่นในพระรัตนตรัยมากยิ่งขึ้น

ครั้งแรกที่หลวงปู่นำสามเณรออกสู่สนามของพระอริยะนั้น ได้พาไปฝึกปฏิบัติที่ เขาพนมสวาย ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอเมืองสุรินทร์นั่นเอง และสถานที่แห่งนี้เองที่ถูกกำหนดให้เป็นสถานประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่ในภายหลัง

ในสมัยนั้นเขาพนมสวายยังเป็นป่าดงรกชัฏอยู่ ห่างไกลบ้านเมือง และมีความสงัดเงียบจนวังเวง สามเณรทั้งหลายมีความหวาดกลัว โดยเฉพาะยามค่ำคืน เมื่อเข้ามุ้งเข้ากลดแล้วจะมีความรู้สึกคลายใจ เมื่อนึกถึงว่าหลวงปู่คอยปกป้องดูแลอยู่

ในช่วงกลางวัน เมื่อว่างเว้นจากการปฏิบัติชั่วคราว บรรดาสามเณรก็ชักชวนกันไปวิ่งเล่นบนเขา ตามประสาเด็กที่ยังคึกคะนองชอบเล่นสนุกสนาน

ของเล่นที่พอหาได้ก็มีพวกก้อนหินขนาดต่างๆ คณะสามเณรช่วยกันกลิ้งหินก้อนเล็กก้อนน้อยลงมา ทำให้เกิดความสนุกสนานเบิกบานใจของคณะสามเณร ตามประสาเด็กกลางป่ากลางเขาชาวดงดอย

ในขณะที่สามเณรเหล่านั้นกำลังเล่นกลิ้งก้อนหินอยู่อย่างเพลิดเพลินจนเกินขอบเขต ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน จนเกือบจะก่อโศกนาฏกรรมขึ้นโดยไม่เจตนา

ปรากฏว่า ครั้งหนึ่งเมื่อสามเณรช่วยกันผลักหินก้อนใหญ่ให้กลิ้งลงไป ปรากฏว่าก้อนหินพุ่งตรงลิ่วเข้าหาร่างของหลวงปู่ที่ยืนอยู่ข้างล่างอย่างรวดเร็ว

สามเณรทั้งกลุ่มตะลึงลานด้วยความตกใจสุดประมาณ เพราะพวกตนรู้แก่ใจว่าความเร็วของก้อนที่พุ่งตัวลงไปนั้น หลวงปู่ผู้เป็นอาจารย์ที่อยู่ในวัยชราจะต้องกระโดดหลบหลีกไม่ทันอย่างแน่นอน และครั้งนี้นัยว่าพวกตนร่วมกันสร้างบาปกรรมขั้นมหันต์ขึ้นแล้ว

ขณะที่บรรดาสามเณรยืนตะลึงตัวแข็งอยู่เบื้องบนเขา ด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยายอยู่นั้น ฝ่ายหลวงปู่ซึ่งกำลังจะถูกหินพุ่งเข้าชน กลับยืนนิ่งเฉยไม่มีอาการหวาดหวั่นสะทกสะท้านต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที

ดูอาการท่านสงบราบเรียบ ไร้อาการตื่นกลัว สายตาท่านเพ่งจับที่ก้อนหิน ดูประหนึ่งว่าท่านพร้อมที่จะรับชะตากรรมที่ลูกศิษย์กำลังก่อขึ้น คล้ายกับว่าหากเป็นเวรกรรมที่ท่านเคยกระทำไว้ ท่านก็คงยินดีที่จะชดใช้กรรมด้วยความเต็มใจ

ชั่วเวลาที่ทุกคนกำลังตะลึงดังต้องมนต์สะกดอยู่นั้น เหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ก็อุบัติขึ้นให้ปรากฏแก่สายตาทุกคู่

เมื่อหินกลิ้งมาด้วยความเร็ว ใกล้ร่างหลวงปู่ประมาณ ๓ วาเศษ มันกลับเบนเบี่ยงเปลี่ยนทิศทางไปจากเดิมอย่างกะทันหัน ประดุจมีมือยักษ์ที่ทรงพลังมาปัดให้เฉออกนอกทิศทางเดิม พุ่งเลยร่างหลวงปู่ออกไปอีกทางหนึ่ง

บรรดาสามเณรจอมซนรู้สึกโล่งใจ เมื่อได้สติต่างก็รีบวิ่งลงมายังพื้นล่าง ทรุดตัวหมอบกราบแทบเท้าของหลวงปู่ อย่างสำนึกในความผิด

หลวงปู่มองการกระทำของสามเณร แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

"พวกเณรที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา ผู้ที่คนทั่วไปยกย่องว่าเป็นผู้มีศีลมีธรรม ควรที่จะหมั่นศึกษาพระธรรมวินัย ยึดมั่นในศีล มีความเพียรในการประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อที่จะสร้างคุณธรรมให้เกิดขึ้นกับตน สมกับที่เขาเชื่อถือ

บัดนี้พวกเธอไม่ใช่เด็กน้อยลูกหลานชาวบ้าน ที่จะเที่ยววิ่งเล่นซุกซนได้ตามอำเภอใจเหมือนเช่นแต่ก่อน แต่เธอเป็นบุตรศากยะในพระพุทธศาสนา ที่จะต้องปฏิบัติตามศีลตามธรรมอย่างเคร่งครัด ขอให้เธอมีความสำนึกเช่นนี้อยู่ทุกเมื่อ"

หลวงปู่กล่าวแล้วก็เดินจากไป เหมือนกับไม่มีเหตุวิกฤตอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น จิตใจของสามเณรทุกรูปต่างก็เกิดปณิธานขึ้นโดยฉับพลันว่า

"ตั้งแต่นี้ไป พวกตนจะไม่แสวงหาความสนุกสนานคึกคะนองเหมือนที่ทำมา แต่จะตั้งหน้าศึกษาศีล ปฏิบัติธรรม ให้สมกับความรักความเมตตาที่หลวงปู่ท่านสอนสั่งอย่างจริงจังเสียที"

หน้าต่อไป