ประวัติและปฏิปทา

หน้าแรก ประวัติและปฏิปทา ธรรมและคำสอน รูปภาพ

โอ้ โพธิ์พฤกษ์เย็น คุณะเด่นเกษมสรรพ์ บัดนี้ พระดับขันธ์ ดุจะ โพธิหักลาญ

๘๙. แขกยามวิกาล

เรื่องนี้ไม่อยากจะพูด และไม่เคยพูดเลย แต่เหตุการณ์ก็ผ่านมานานแล้ว ท่านเหล่านั้นก็ล่วงลับไปหมดแล้ว

ตอนนั้น อาตมาเพิ่งมาบวชเณร มาพำนักอยู่กับหลวงปู่

เรื่องเช่นนี้ ไม่ว่าคนเรา แม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังต้องมีสิ่งที่เป็นอันตราย หรือว่ามีศัตรูปัจจามิตรปองร้ายพระองค์ท่านไม่รู้เท่าไร เมื่อนึกถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เห็นว่าเป็นเหตุการณ์ปกติธรรมดา อาตมาจึงกล้าพูดเรื่องนี้ให้อาจารย์ฟัง (หมายถึง อ.ปฐม และ อ.ภัทรา นิคมานนท์)

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๐ ตอนนั้นหลวงปู่กำลังดัง กำลังเด่น ทั้งการก่อสร้างทั้งการที่มีผู้ศรัทธาเลื่อมใส คือช่วงที่หลวงปู่อยู่ในวัยกลางๆ โบสถ์อัศจรรย์ก็กำลังจะเสร็จ

ช่วงนั้นก็คงจะมีศัตรูหมู่ปัจจามิตรเช่นกัน คืนหนึ่งหลวงปู่นอนอยู่บนกุฏิ ซึ่งความจริงแล้วท่านไม่ค่อยจะนอน เพราะกลางคืนมักได้ยินเสียงกระแอมเสียงสดใสอยู่เรื่อยๆ ตามที่อาตมาเฝ้าสังเกตมา

คืนนั้น มีคนแอบไปทำร้ายหลวงปู่ พระที่นอนในห้องใกล้ๆ หลวงปู่ชื่อพระหมื่น กับพระสำลี พักอยู่ด้วยกัน สมัยนั้นมืดมาก ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ได้ยินเสียงคนพูดซุบซิบกันใต้ถุนกุฏิ ปรึกษากันว่า "เอ! พวกเราได้ค่าจ้างเขามาสี่พันบาทเท่านั้น ให้เรามาฆ่าพระผู้เป็นครูบาอาจารย์ถึงขนาดนี้ เป็นบาปหนัก แล้วเราจะเลี้ยงชีวิตปลอดภัยหรือ"

พระทั้ง ๒ องค์ ได้ยินคำพูดนั้นอย่างชัดเจน ตกอกตกใจมากจนตัวสั่น แล้วได้ยินเสียงหลวงปู่กระแอมขึ้น ทำให้คนที่ลอบอยู่ทางใต้กุฏิเดินไปด้านหน้าต่างห้องหลวงปู่ หลวงปู่กระแอมอีกครั้ง แล้วเปิดประตูห้องออกมาเรียกให้พระทั้ง ๒ องค์ออกไปคุยด้วย

พระทั้ง ๒ องค์ตัวสั่น เล่าบอกเหตุการณ์ด้วยเสียงสั่นเครือว่า ได้ยินใครมาปรึกษากันว่าจะมาลอบฆ่าหลวงปู่

หลวงปู่ตอบว่า "เฮ้ย! จะไปเชื่ออะไร เขาอาจจะมีธุระอะไรก็ได้ อาจมีความจำเป็นมาหาใครก็ได้"

ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี ๒ นี้แหละ เป็นจังหวะนั้นพอดี ไม่ทราบว่าทำไมท่านต้องลุกขึ้นมาแล้วเรียกพระทั้ง ๒ ไปถามอะไรบางอย่าง พระก็เล่าบอกเรื่องราวต่างๆ ท่านก็ว่า "พูดอะไรเรื่อยเปื่อย"

ในที่สุดพระเณรก็พากันไปดูใต้ถุนกุฏิ ก็มีรอยเท้าคนเดินไปมาตามทิศทางที่ได้ยินเสียง

พวกอาตมากับเณรชื่อแก่น กลัวเขาจะแอบยิงทะลุจากใต้ถุนกุฏิหลวงปู่ขึ้นมา เลยพากันเอาก้อนอิฐไปเรียงไว้ใต้เตียงหลวงปู่ ท่านก็ไม่ว่าอะไร

หลังจากนั้นมาประมาณหนึ่งปี คนนั้นก็มาสารภาพกับท่าน เล่าเรื่องราวให้ฟังจนหมดสิ้น หลวงปู่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

ถ้าจะบอกชื่อก็ได้ เขาชื่อนาย…

(ท่านเรียกชื่อเป็นภาษาเขมร แต่ขอปิดไว้ เพราะอาจไปเกี่ยวข้องเป็นญาติมิตรของคนรุ่นหลัง ทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีได้)

หน้าต่อไป