การประกันคุณภาพกับหน่วยงานราชการ
การประกันคุณภาพกับข้าราชการไทย
การประกันคุณภาพคืออะไร
การประกันคุณภาพทำอย่างไร
การประกันคุณภาพกับผู้บริหาร
บริการเด่น เน้นหลักการ งานคุณภาพ
การประกันคุณภาพกับหน่วยงานราชการ
ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน
ประเทศไทยมีการบริหารงานราชการมานานและได้เริ่มพยายามปฏิรูประบบราชการ เช่น การลดจำนวนข้าราชการลง การปรับวิธีทำงานของข้าราชการให้เลิกเน้นการปฏิบัติตามระเบียบแต่เพียงอย่างเดียว เป็นการใช้ความคิดเพื่อแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการของประชาชนให้มากขึ้น โดยเฉพาะหน่วยงานที่ต้องการให้บริการแก่ประชาชน
การปฏิรูประบบราชการเป็นสิ่งที่เหมาะสมและสำคัญยิ่งในยุคปัจจุบัน ที่ต้องการคนที่มีคุณภาพมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะนอกจากข้าราชการจะรับเงินเดือนจากภาษีประชาชนแล้ว การแข่งขันระดับประเทศยิ่งนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ถ้าข้าราชการยังคงทำงานแบบเดิม ก็จะทำให้ประเทศไทยยิ่งถอยหลังไป และเกิดช่องว่างระหว่างวิธีทำงานของภาคเอกชนกับภาครัฐมากขึ้นตามลำดับ ดังนั้นการประกันคุณภาพงานของ หน่วยงานราชการจึงเป็นเรื่องที่หัวหน้าหน่วยงานราชการต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยมุ่งคำถามที่ว่าหน่วยงานให้ผลงานเชิงคุณภาพมากน้อยเพียงใด สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่และวัตถุประสงค์ในการตั้งหน่วยงานดังกล่าวหรือไม่
การให้ความสำคัญ เรื่องการประกันคุณภาพของหน่วยงาน ที่ทำกันอยู่ในบางหน่วยงานเริ่มชัดเจนขึ้น แต่น่าจะผิดทิศทาง เช่น การใช้ระบบ ISO เข้ามาทำเรื่องประกันคุณภาพ แทนการคิดระบบประกันคุณภาพที่เป็นของตนเอง
ระบบ ISO เป็นระบบที่ดี แต่เป็นระบบของต่างประเทศ ในขณะที่ประเทศมีภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง การประหยัดเงินไว้ในประเทศ น่าจะเป็นทางเดียวที่ต้องทำ การที่หน่วยงานต่างๆ หลายกระทรวงจ่ายเงินเพื่อให้เกิดระบบการประกันคุณภาพ โดยการจ้างที่ปรึกษาต่างประเทศเข้ามาวางระบบประกันคุณภาพ ตลอดจนการเสียเงินเพื่อให้บริษัทมาประเมินแล้วได้ใบประกาศติดไว้ที่หน้าหน่วยงานว่าได้ ISO 9000 14000 นั้น แต่ละหน่วยงานราชการต้องใช้เงินจำนวนมาก และเป็นเงินจากภาษีประชาชนทั้งสิ้น เป็นการใช้เงินในทางที่ไม่สอดคล้องกับภาวะของประเทศ
ประเทศไทยน่าจะคิดระบบประกันคุณภาพของตนเองได้ โดยสร้างระบบที่สอดคล้องกับคนไทย แต่มีความเป็นสากล พอที่จะนำไปสู่การขายระบบนี้สู่ต่างประเทศ เพื่อนำเงินตามจากต่างประเทศเข้ามาสู่ประเทศไทยให้ได้
ในวงการอุดมศึกษา ได้มีความพยายามที่จะพัฒนาระบบประกันคุณภาพของแต่ละมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ใช้ระบบ SUPREME 2000 ซึ่งย่อมาจาก Srinakarinwiroth University Planning Registration Management Etc. คศ. 2000 หรือ
มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มมจร) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ พัฒนาระบบชื่อ Input Process Output Impact มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และขอนแก่นต่างก็พัฒนาระบบประกันคุณภาพของตนเองออกมา เป็นต้น ซึ่งต่างเป็นแนวโน้มที่ดีว่าประเทศไทย จะได้ยืนอยู่บนฐานคุณภาพที่ตนพัฒนาขึ้น และเป็นฐานที่สามารถแข่งกันกับประเทศอื่นๆ ได้ ตลอดจนประกาศให้โลกรู้ว่า คนไทยก็มีความสามารถไม่แพ้ชาติอื่น อันจะนำมาซึ่งความภูมิใจในชาติไทย
ผู้เขียนจึงเรียกร้องให้หน่วยงานราชการไทย เลิกคิดและซื้อระบบประกันคุณภาพจากต่างประเทศมาใช้กับคนไทย หากแต่หันมาพัฒนาระบบของเราเอง และนำไปขายต่างประเทศเพื่อเกียรติภูมิของประเทศไทยและช่วยกันกู้เศรษฐกิจด้วย
( Copy right @ 2001 by Quality Assurance Mahasarakham Technical College Office )
f You Suggestion and Comment to Email : pornchai_t@hotmail.com
Webmaster and desing by Mr.Pornchai Thong-inการประกันคุณภาพกับข้าราชการไทย
ในช่วงที่ประเทศไทยยังคงอยู่ในภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ มีการเลิกกิจการ หน่วยงาน โดยเฉพาะของภาคเอกชน อย่างมาก ภาวะดังกล่าวนำไปสู่การต่อสู้ ดิ้นรนเพื่อให้เกิดรายได้ คนจำนวนมากเริ่มคิดหากิจการส่วนตัวเพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว เกิด การคิด หาหนทางต่างๆ อาชีพต่างๆ เกิดการปรับวิธีชีวิตของตนเองให้อยู่ให้ได้ตามสภาพดังกล่าว
หากแต่ข้าราชการจำนวนมาก ยังไม่ได้ประจักษ์ในเรื่องดังกล่าว เพราะข้าราชการยังคงได้รับรายได้ประจำเดือนเหมือนเดิม และบางคนยังได้เงินเดือนขึ้นประจำปีอีกด้วย สภาวะดังกล่าว ทำให้เกิดช่องว่างของคน ระหว่างคนไทยที่รับราชการกับคนไทยที่ทำงานเอกชน ซึ่งเป็นช่องว่างในสังคมที่เห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่เป็นคนไทยเหมือนกัน
ผู้เขียนเรียกร้องให้ข้าราชการ หันมาสนใจสภาพดังกล่าว และเกิดสำนึกในการทำงานให้ได้ประสิทธิภาพ ลดขั้นตอนการทำงานเพื่อให้งานเสร็จด้วยดี รวดเร็ว ทำงานบริการเพื่อให้ประชาชนพอใจ และไม่ยึดติดกับกระบวนการทำงานที่มุ่งระเบียบราชการ หรือยึดติดระบบ จนทำให้ผลงานด้อยคุณภาพ ล่าช้า
การที่จะเกิดคุณภาพในผลงานได้ ข้าราชการต้องเกิดความอยากที่จะทำงานเพื่อประชาชน แทนการทำงานเพื่อผู้บังคับบัญชา
ทางหนึ่งที่จะทำได้ คือ หน่วยงานราชการทุกหน่วย ต้องสร้างระบบประกันคุณภาพของตนเอง ซึ่งอาจเริ่มจาก 5 ส และคิดถึงบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมาว่า ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ทำหน้าที่อะไร แล้วทำงานตามหน้าที่หรือไม่ ผลงานของตนมีอะไร และได้คุณภาพหรือไม่ แข่งขันกับหน่วยงานเดียวกันของกระทรวงอื่นได้ หรือไม่
การประกันคุณภาพจะไม่เกิดผล ถ้า หัวหน้าหน่วยงาน นั้นๆ ไม่สนใจเรื่องคุณภาพงานที่หน่วยงานของตนจะต้องทำอย่างจริงจัง เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า หน่วยงานใดที่หัวหน้าหน่วยงานให้ความสนใจเรื่องคุณภาพของผลงานของตน หน่วยงานนั้นก็จะร่วมกันหาวิธีการที่จะทำให้เกิดคุณภาพ หาวิธีการทำงานที่ใช้คนน้อยแต่ได้ผลมาก หาวิธีทำงานที่รวดเร็วทันเวลา
การประกันคุณภาพเป็นการให้ความมั่นใจแก่ประชาชนเจ้าของเงินภาษีว่า ข้าราชการทุกคนในหน่วยงานที่รับเงินเดือนจากภาษีประชาชนนั้น ทำงานดี ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดผลงานที่ดี
การประกันคุณภาพเริ่มจากแต่ละคนวิเคราะห์วิธีการทำงานของตนเองว่า มีจุดอ่อน / ด้อย จุดเด่น / แข็ง ที่ใดบ้าง แล้วพยายามแก้ไขจุดอ่อนและเสริมจุดแข็ง
ถ้าข้าราชการแต่ละคนวิเคราะห์การทำงานของตนอยู่ตลอดเวลา ตลอดจนแก้ไขปรับปรุงวิธีทำงาน ก็จะทำให้แต่ละคนทำงานดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ ผลงานก็น่าจะออกมาดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
การประกันคุณภาพของหน่วยงานเริ่มจากที่ทุกคนรู้บทบาทหน้าที่ของตนว่าต้องทำอะไรบ้าง และรู้ว่าหน่วยงานของตนตั้งขึ้นมาเพื่อทำงานอะไร หลังจากนี้ก็วิเคราะห์ว่า วิธีทำงานที่ทำอยู่สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ที่ต้องทำหรือไม่ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ แก้ไขปรับปรุงวิธีทำงานตลอดเวลา ถ้าข้าราชการทุกคน (รวมทั้งผู้บริหารของหน่วยงานด้วย) ทำงานได้ดังกล่าว หน่วยงานนั้นก็จะมีแต่ข้าราชการที่ทำงานดี ประชาชนก็จะชื่นชม ศรัทธา และประเทศก็จะเจริญก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ในที่สุด ประเทศไทยก็จะสามารถแข่งขัน เอาชนะประเทศอื่นได้โดยไม่ยาก
ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ผู้บริหารหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือเอกชน ต่างก็ต้องให้ความสำคัญกับการประหยัดเงินของหน่วยงานให้มาก การใช้เงินควรใช้เฉพาะที่จำเป็น ผู้บริหารหน่วยงานราชการจำนวนมาก ยังไม่ได้สำนึกถึงภาวะของประเทศ ยังคงจัดการประชุม สัมมนา อย่างฟุ่มเฟือย ไปต่างประเทศโดยไม่ได้ผลงานอะไรกลับมา สภาพดังกล่าวนอกจากจะไม่ได้ช่วยประเทศแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจแล้ว ยังทำให้ประชาชนเจ้าของเงินเกิดความเสื่อมศรัทธาในตัวผู้บริหารเหล่านั้น ที่เข้ามาผลาญเงินของเขาไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง
ทางแก้ทางหนึ่ง คือ ผู้บริหารต้องหันมาทำการประกันคุณภาพตัวเอง ถ้าวิเคราะห์แล้วพบว่า ตนมีจุดอ่อนที่ใด ก็เร่งแก้ไข ถ้าแก้ไขไม่ได้ ก็น่าจะพิจารณาลาออกจากราชการเสีย เพื่อให้ผู้ที่สามารถกว่าเข้ามาทำงานแทน
การประกันคุณภาพเป็นการให้ความมั่นใจแก่ประชาชนเจ้าของเงิน ว่าผู้บริหารทำงานดีสามารถบริหารหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลงานของหน่วยงานก็จะออกมาอย่างมีคุณภาพ
การประกันคุณภาพเริ่มที่ผู้บริหารหันมาให้ความสำคัญกับวิธีทำงานของทุกคนในหน่วยงาน รวมทั้งตัวผู้บริหารเองว่าทำงานกันอย่างไร ติดขัดเรื่องใด ถ้าติดขัดเรื่องระเบียบ ก็หาทางแก้ระเบียบ ถ้าติดขัดเรื่องขาดวัสดุ อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ ก็หาทางจัดหามาให้ เพื่อให้งานเดินคล่องตัวมากขึ้น
การประกันคุณภาพของผลงานทุกอย่างที่หน่วยงานทำเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะทำอะไร ผลควรจะออกมาคุ้มค่าเวลา แรงงาน และเงินที่เสียไป เช่น ถ้าจะจัดการประชุม ก็ต้องคิดว่าผู้เข้าประชุมจะได้ผลคุ้มกับเวลาที่เขาเสียคุ้มกับเงินที่จ่ายไป คุ้มกับแรงงานและสติปัญญาที่เสียไปกับการประชุมสัมมนานั้นหรือไม่
หน่วยงานราชการจำนวนมากจัดประชุมสัมมนาที่ไม่คุ้มค่า โดยมุ่งที่พิธีเปิด และปิด มากกว่าสาระในการสัมมนา มุ่งที่บุคคลระดับสูงที่มาเปิด-ปิด มุ่งที่พิธีเปิด-ปิด ผู้เข้าร่วมสัมมนามุ่งที่การพักรับประทานน้ำชา กาแฟ และอาหารกลางวัน มากกว่าสาระผู้จัดประชุมสัมมนา มุ่งที่การจัดตามโรงแรมใหญ่ มุ่งที่การแจกกระเป๋าเอกสาร หรือจัดเอกสารจำนวนมากแต่ไม่มีใครอ่าน มุ่งที่การได้หน้าตาว่า ตนได้จัดประชุมสัมมนา มากกว่าการนำผลการสัมมนาประชุมไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และบางแห่งระบุว่าถ้าคนเข้าประชุม สัมมนามาก หมายถึงการประสบความสำเร็จในการจัด ทั้งๆ ที่ช่วงเช้าอาจมีคนมามาก แต่ช่วงเย็นจะเหลือเพียงน้อยนิดก็ตาม
การทำงานดังกล่าว ของหน่วยราชการไม่ได้ประกันคุณภาพเลย หากแต่เป็นการทำงานตามหน้าที่ หรือแผนงานโดยปราศจากการคิดถึงความคุ้มค่าของเงิน เวลา แรงงาน และสติปัญญาที่ทุกคนเสียไป
การดำเนินงานดังกล่าวให้เกิดคุณภาพแก่ผลงาน จะต้องมาจากการมีผู้บริหารที่รู้จักคิดเพื่อประเทศชาติ และมุ่งทำงานเพื่อให้เกิดการประหยัดทุกอย่าง แต่ได้สาระและผลมากที่สุด ซึ่งหน่วยงานที่ทำได้ดังกล่าวยังมีน้อยมาก น่าจะเร่งแก้ไขที่ตัวผู้บริหารหน่วยงานก่อน ซึ่งถ้าแก้ไขได้หน่วยงานดังกล่าว ก็จะเกิดการทำงานที่ทำให้ประชาชนชื่นชมและศรัทธา