พระราชดำริสวนป่าสมุนไพร ที่เป็นพระราชปณิธานของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเล็งเห็นว่าประชาชนจะมั่งคั่งได้ ย่อมมาจากประชากรที่มีพลานามัยดี ทรงรำลึกถึงประชากร
ส่วนใหญ่ในชนบทห่างไกล เมื่อเจ็บป่วยหากรู้จักใช้ยาสมุนไพรบำบัดไปพลางก่อน ก็ย่อมทำให้พ้นความทุกข์ทรมานไปได้ โดย
ที่มีสมุนไพรอยู่ดาษดื่นทั่วประเทศ หากมีผู้แนะนำการใช้ก็ย่อมทำให้บังเกิดประโยชน์มิใช่น้อย และนี่ก็คือบทบาทหนึ่งของการ
แพทย์แผนปัจุบัน
ดังตัวอย่างหนึ่งมี่ได้มีการส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนได้รู้จักและหันมาใช้สมุนไพรในการรักษาโรคต่าง ๆ คือ
คลีนิคการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาทท่าวังผา อ.ท่าวังผา จ.น่าน
คำว่า "ยาสมุนไพร" หมายถึง ยาที่ได้จากส่วนของพืช สัตว์ และแร่ธาตุ ซึ่งยังไม่ได้ผสมปรุง หรือแปรสภาพ เช่น ราก ต้น ใบ ดอก
ผลของพืช เป็นต้น สมุนไพรหลายชนิดที่ประเทศไทยส่งออกไปเป็นรูปของวัตถุดิบ คือ ขมิ้นชัน กระวาน เร่วกระวาน เปล้าน้อย และมาขามเปียก เป็นต้น
ตัวยาที่มีอยู่ในพืชสมุนไพรจะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการด้วยกัน แต่ที่สำคัญคือ "ช่วงเวลาที่เก็บยาสมุนไพร" การเก็บในช่วงเวลาที่
ไม่เหมาะสมจะมีผลกระทบต่อฤทธิ์ในการรักษาโรคได้ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงว่าเก็บยาถูกต้องหรือไม่ และส่วนไหนของพืชที่ใช้เป็นยา
การเก็บส่วนที่ใช้เป็นยาสมุนไพร ก็มีหลักเกณฑ์ดังนี้
- ถ้าเป็นประเภทรากหรือหัว ควรเก็บในช่วงฤดูหนาวถึงปลายฤดูร้อน เนื่องจากช่วงดังกล่าวรากและหัวมีการสะสมปริมาณของตัวยาไว้ค่อนข้างสูง
- ถ้าเป็นประเภทรากหรือหัว ควรเก็บในช่วงที่พืชเจริญเติบโตมากที่สุด หรือบางชนิดอาจระบุช่วงเวลาการเก็บชัดเจน เนื่องจากการกำหนดช่วงเวลาที่เก็บใบ
นั้นในใบจะมีตัวยามากที่สุด วิธีการเก็บใช้วิธี "เด็ด"
- ประเภทเปลือกต้นและเปลือกราก โดยมามักเก็บระหว่างช่วงฤดูร้อนต่อกับช่วงฤดูฝน เพราะปริมาณยาในพืชสูงและลอกออกได้ง่าย
- ประเภทดอก โดยทั่วไปนิยมเก็บในช่วงดอกเริ่มบาน แต่บางชนิดจะเก็บในช่วงฤดูดอกตูม
- ประเภทผลและเมล็ด โดยทั่วไปมักเก็บตอนผลแก่เต็มที่แล้ว
- ด้านสารประกอบทางเคมีในพืชสมุนไพร สามารถจำแนกได้เป็น 2 พวกใหญ่ ๆ คือ
- Primary metabolite เป็นสารที่มีอยู่ในพืชชั้นสูงทั่วไป พบในพืชทุกชนิด เป็นผลิตผลที่ได้จากกระบวนการสังเคราะห์แสง
- Secondary metabolite เป็นสารประกอบที่มีลักษณะค่อนข้างพิเศษ ซึ่งจะพบต่างกันในพืชแต่ละชนิด คาดว่าเกิดจากขบวนการชีวสังเคราะห์ที่มี Enzyme เข้าร่วม สารประกอบนี้มีอัลคาลอยด์
และน้ำมันหอมระเหย เป็นต้น โดยส่วนใหญ่แล้วสารพวก Secondary metabolite นี้จะมีสรรพคุณทางยา เช่น
- - อัลคาลอยด์ (Alkaloid) เป็นสารอินทรีย์ที่มีลักษณะเป็นด่างและมีไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบ มีรสขม ไม่ละลายน้ำ แต่ละลายได้ดีในตัวทำลายอินทรีย์ เป็นสารที่พบมากในพืชสมุนไพร
- - น้ำมันหอมระเหย เป็นสารที่อยู่ในพืช มีลักษณะเป็นน้ำมันที่ได้จากการกลั่นด้วยไอน้ำ มีกลิ่น รส เฉพาะตัว ระเหยได้ง่ายในอุณหภูมิปกติ เบากว่าน้ำ น้ำมันเป็นส่วนผสมของ
สารเคมีหลายชนิด มักเป็นส่วนประกอบของพืชสมุนไพรที่เป็นเครื่องเทศ คุณสมบัติทางด้านเภสัชวิทยามักเป็นด้านขับลมและฆ่าเชื้อโรคและเชื้อรา พบในพืชสมุนไพร เช่น กระเทียม ขิง ข่า เป็นต้น
- - ไกรโคไซด์ (Glycoside) เป็นสารประกอบที่พบมากในพืชสมุนไพร มีโครงสร้างแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นน้ำตาลและส่วนที่ไม่ได้เป็นน้ำตาล ซึ่ง Glycoside นี้ยังแบ่งออกเป็น
- Cardiac Glycoside มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ยาฆ่าเชื้อ และสีย้อม
- Anthraquinone Glycoside มีฤทธิ์ต่อระบบกล้ามเนื้อหัวใจ และระบบการไหลเวียนของโลหิต
- Fiaronoid Glycoside เป็นสีที่พบในดอกและผลของพืช ทำเป็นสีย้อมหรือสีแต่งอาหาร บางชนิดใช้เป็นยา
- - แทนนิน (Tannin) เป็นสารที่พบในพืชทั่วไป มีรสฝาด มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนและสามารถตกตะกอนโปรตีนได้ มีฤทธิ์ฝาด สมานและฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
กฤติยา มลาสานต์, โครงการศึกษาค้นคว้าการเกษตรเกี่ยวกับสมุนไพร ตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ, เดลินิวส์, อาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม 2540, P.12
|
|