บทที่ 1

บทนำ

1. ความสำคัญของการศึกษา

ในปัจจุบันการออกแบบโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กในประเทศไทยนิยมใช้วิธีหน่วยแรงใช้งาน

(Working Stress Design) เนื่องจากใช้เวลาในการออกแบบไม่มากนัก ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองค่าก่อสร้างมากกว่าวิธีกำลัง

(Strength Design Method) เนื่องด้วยเทคโนโลยีและการควบคุมงานในประเทศไทยได้สูงขึ้นมาก การออกแบบโครงสร้าง

คอนกรีตเสริมเหล็กโดยวิธีกำลังจึงเป็นวิธีออกแบบที่เหมาะสมและประหยัด แต่เนื่องจากขั้นตอนในการออกแบบมีความยุ่งยาก

และอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้ จึงได้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยใช้ภาษา VISUAL BASICช่วยในการออกแบบซึ่งจะส่ง

ผลให้สามารถผนวกความรู้ทางด้านวิศวกรรมเข้ากับเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์

2. วัตถุประสงค์ของโครงงาน

1) เพื่อสร้างโปรแกรมที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows 98 โดยใช้ภาษา VISUAL BASIC ทำงานบน

เครื่องคอมพิวเตอรี่มีความเร็วตั้งแต่ 200 MHz ขึ้นไปและมีพื้นที่ว่างในHard Disk 10 เมกกะไบต์ขึ้นไป

2) เพื่อออกแบบคานคอนกรีตเสริมเหล็ก

3) เพื่อออกแบบพื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก

4) เพื่อออกแบบเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก

5) เพื่อออกแบบฐานรากคอนกรีตเสริมเหล็ก

3. ขอบเขตของการศึกษา

สร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ออกแบบโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กโดยวิธีกำลังซึ่งประกอบด้วย

1) คานหน้าตัดสี่เหลี่ยมผืนผ้ารับโมเมนต์ดัดและแรงเฉือน

2) คานรูปตัวที(T Beam) รับโมเมนต์ดัดและแรงเฉือน

3) พื้นเสริมเหล็กทางเดียว(One-way Slabs)

4) พื้นเสริมเหล็กสองทาง(Two-way Slabs) โดยวิธีที่ 2 และสร้างสมการเพื่อคำนวณหาค่าโมเมนต์ดัดโดยใช้

หลักการ Lagrange Interpolation

5) เสาหน้าตัดสี่เหลี่ยม

6) เสาหน้าตัดวงกลม

7) ฐานรากวางบนดิน

8) ฐานรากวางบนเสาเข็ม

4. สมมุติฐานการศึกษา

การศึกษาครั้งนี้มีสมมุติฐานว่า

1) โครงสร้างที่ออกแบบจะมีสัดส่วนความปลอดภัยตามมาตรฐาน ACI 318-89 และ ว.ส.ท. 1008-38 เมื่อมีการ

ควบคุมคุณภาพวัสดุที่ใช้เป็นอย่างดี

2) ความเครียดสูงสุดที่ขอบนอกสุดด้านรับแรงอัดของคอนกรีตสำหรับโครงสร้างรับแรงดัดและแรงตามแนวแกนมีค่า

เท่ากับ 0.003

5. ข้อความตกลงเบื้องต้น

การศึกษาครั้งนี้มีข้อความตกลงเบื้องต้นว่า

1) คานคอนกรีตเสริมเหล็กที่ออกแบบไม่อยู่กรณี คานแคบ หรือคานลึก ตามมาตรฐาน ACI 318-89 และ

ว.ส.ท. 1008-38

2) โครงสร้างที่ออกแบบมีระยะหุ้มเหล็กตามมาตรฐาน ACI 318-89 และ ว.ส.ท. 1008-38

6. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1) มีความเข้าใจในการทำโครงงานกึ่งวิจัยเบื้องต้น

2) ได้ศึกษาระบบคอมพิวเตอร์และเรียนรู้การพัฒนาโปรแกรมด้วย Visual Programming

3) ทำให้การออกแบบโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กโดยวิธีกำลังเป็นไปด้วยความรวดเร็ว และถูกต้องมากยิ่งขึ้น

4) สามารถนำโปรแกรมไปใช้ในการประกอบวิชาชีพ

7. นิยามศัพท์

การจัดทำโครงงานวิศวกรรมโยธาครั้งนี้ ได้กำหนดนิยามศัพท์ดังนี้

กำลังคราก (Yield strength, fy) = กำลังครากต่ำสุดที่กำหนดหรือจุดครากของเหล็กเสริม

กำลังที่ต้องการ (Required strength) = กำลังขององค์อาคารหรือของหน้าตัดขวางที่ต้องการ เพื่อรับน้ำหนักบรรทุก

ที่คูณด้วยตัวคูณแล้ว หรือโมเมนต์ หรือโมเมนต์ และแรงภายในต่างๆที่เกี่ยวข้อง

กำลังดึงแยกผ่าซีก (Splitting tensile strength, fct) = กำลังดึงของคอนกรีตที่หาได้ตามมาตรฐาน ASTM

C496

กำลังที่ใช้คำนวณออกแบบ (Design strength) = กำลังระบุที่คูณด้วยตัวคูณลดกำลัง

กำลังอัดที่กำหนดของคอนกรีต (Specified compressive strength of concrete, fc') = กำลังอัด

ของคอนกรีตที่ใช้ในการคำนวณออกแบบ

ความยาวช่วง (Span length) = 1. สำหรับองค์อาคารที่ไม่ได้หล่อเป็นเนื้อเดียวกันกับฐานรองรับให้ใช้เท่ากับช่องว่าง

บวกกับความลึกขององค์อาคาร แต่ทั้งนี้ต้องไม่ยาวกว่าระยะศูนย์ถึงศูนย์ของที่รองรับ 2. ในการวิเคราะห์โครงอาคารหรือการ

ก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง ให้ใช้ระยะศูนย์ถึงศูนย์ของที่รองรับเป็นความยาวช่วงในการคำนวณหาโมเมนต์

3. สำหรับแผ่นพื้นตันเรียบ หรือแผ่นพื้นตงถี่ ซึ่งมีช่องว่างไม่เกิน 3.00 ม. โดยหล่อเป็นเนื้อเดียวกันกับที่รองรับ อนุญาติ

ให้วิเคราะห์คำนวณออกแบบเป็นแผ่นพื้นต่อเนื่องกัน และวางอยู่บนที่รองรับแบบคมมีดโดยใช้ความยาวช่วงเท่ากับ

ช่องว่างของแผ่นพื้นและไม่จำเป็นต้องคิดความกว้างคาน

ความยาวระยะฝัง (Embedment length) = ความยาวระยะฝังของเหล็กเสริมที่ฝังไว้เลยจากหน้าตัดวิกฤต

ความยาวระยะฝังเพิ่ม (Development length) = ความยาวระยะฝังของเหล็กเสริมที่ต้องการ เพื่อทำให้เกิดกำลัง

ตามที่คำนวณออกแบบของเหล็กเสริมที่หน้าตัดวิกฤต

ความลึกประสิทธิผลของหน้าตัด (Effective depth of section, d) = ระยะที่วัดจากของนอกสุดด้านรับแรงอัด

ของหน้าตัดไปยังจุดศูนย์ถ่วงของเหล็กเสริมรับแรงดึง

คอนกรีต (Concrete) = ส่วนผสมของปูนซีเมนต์ปอร์ดแลนด์หรือปูนซีเมนต์ไฮดรอลิคอื่นๆ กับมวลรวมละเอียด

มวลรวมหยาบและน้ำ โดยมีหรือไม่มีสารผสมเพิ่ม

คอนกรีตเสริมเหล็ก (Reinforced concrete) = คอนกรีตที่เสริมเหล็กในปริมาณที่ไม่น้อยกว่าปริมาณต่ำสุดที่

ต้องการโดยมาตรฐานของ ACI 318-89 หรือ มาตรฐานของ ว.ส.ท. 1008-38

น้ำหนักบรรทุกที่คูณด้วยตัวคูณแล้ว (Factored load) = น้ำหนักบรรทุกที่คูณด้วยตัวคูณน้ำหนักบรรทุกที่เหมาะสม

ใช้ในการจัดสัดส่วนขององค์อาคาร โดยใช้กานคำนวณออกแบบโดยวิธีกำลังของมาตรฐาน ACI 318-89 หรือ มาตรฐาน

ว.ส.ท. 1008-38

น้ำหนักบรรทุกคงที่ (Dead load) = น้ำหนักบรรทุกคงที่ที่รองรับด้วยองค์อาคารดังที่นิยามโดยบทบัญญัติเกี่ยวกับ

อาคารทั่วไป (ที่ยังไม่ได้คูณด้วยตัวคูณน้ำหนักบรรทุก)

น้ำหนักบรรทุกจร (Live load) = น้ำหนักจรตามที่กำหนดไว้ในบทบัญญัติเกี่ยวกับอาคารทั่วไป

(ที่ยังไม่ได้คูณด้วยตัวคูณน้ำหนักบรรทุก)

มวลรวม (Aggregate) = วัสดุที่มีลักษณะเป็นเม็ดๆ เช่น ทราย กรด หินย่อยและกากโลหะจากเตาหลอมเหล็ก ใช้ผสม

กับวัสดประสานเพื่อทำให้เกิดเป็นคอนกรีตหรือมอร์ตาร์

โมดูลัสยืดหยุ่น (Modulus of elasticity) = อัตราส่วนของหน่วยแรงต่อความเครียดที่สอดคล้องกันสำหรับหน่วย

แรงดึงหรือหน่วยแรงอัดที่ต่ำกว่าพิกัดที่เป็นสัดส่วนโดยตรงของวัสดุ

สารผสมเพิ่ม (Admixture) = วัสดุที่นอกเหนือจากน้ำ มวลรวม หรือปูนซีเมนต์ไฮดรอลิคที่ใช้เป็นส่วนผสมของ

คอนกรีตเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของคอนกรีต

เสา (Column) = องค์อาคารที่มีอัตราส่วนของความสูงต่อมิติด้านข้างที่สั้นที่สุดเท่ากับ 3 หรือมากกว่า ใช้เพื่อรับ

แรงอัดตามแนวแกนเป็นหลัก

หน่วยแรง (Stress) = แรงต่อหน่วยพื้นที่ เหล็กปลอก (Tie) = วงของเหล็กเส้นหรือลวดที่รัดรอบเหล็กเสริมตามยาว

ดูเหล็กลูกตั้งประกอบ

เหล็กปลอกเกลียว (Spiral reinforcement) = เหล็กเสริมที่พันอย่างต่อเนื่อง เป็นรูปเกลียวทรงกระบอก

เหล็กลูกตั้ง (Stirrup) = เหล็กเสริมที่ใช้เพื่อรับหน่วยแรงเฉือนและหน่วยแรงบิดในองค์อาคารโครงสร้าง โดยทั่วๆไปเป็น

เหล็กเส้นลวด ลวดตะแกรงเหล็กเชื่อม(ผิวเรียบหรือเป็นข้ออ้อย) อาจมีขาเดียวหรือดัดเป็นรูปตัว L ตัว U หรือรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า

และอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากหรือทำเป็นมุมกับเหล็กเสริมตามยาว(โดยปกติคำว่า เหล็กลูกตั้งจะใช้เป็นเหล็กเสริมด้านข้างในองค์

อาคารรับแรงดัดและเหล็กปลอกจะใช้กับองค์อาคารรับแรงอัด) ดูเหล็กปลอกประกอบ

เหล็กเสริม (Reinforcement) = วัสดุซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน ว.ส.ท. 1007-34 ข้อ 2105 หรือ มาตรฐาน

ว.ส.ท. 1008-38 ข้อ 2105

เหล็กเสริมแบบข้ออ้อย (Deformed reinforcement) = เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ที่ทำข้อนูนเป็นปล้องๆตลอด

ความยาวเพื่อวัตถุประสงค์ในการเพิ่มแรงยึดหน่วง

เหล็กเสริมผิวเรียบ (Plain reinforcement) = เหล็กเส้นกลม หรือเหล็กเสริมที่ไม่เป็นไปตามนิยามเหล็กเสริมแบบ

ข้ออ้อย